ID
stringlengths 9
13
| Domain
stringclasses 4
values | Instruction
stringlengths 9
3.44k
| Input
stringlengths 19
125k
⌀ | Output
stringlengths 11
31.6k
| Tags
stringlengths 7
676
⌀ | Task_type
stringclasses 7
values | License
stringclasses 2
values |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Retail_55447 | Retail | ปัจจัยอะไรที่ทำให้ GameStop ร้านค้าปลีกวิดีโอเกมรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหาและปิดสาขา 150 แห่งทั่วโลก? | เราเห็นข่าวการล่มสลายลงอย่างช้าๆ ของวงการค้าปลีกที่ต้องมีหน้าร้านจริงๆ หลังโดนร้านในโลกดิจิทัลตีเข้าที่ใจกลางธุรกิจเดิม ร้านค้าปลีกที่มีสินค้าจับต้องได้อย่างซูเปอร์มาร์เก็ต Walmart หรือ Sears ยังไม่ค่อยรอด แล้วร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าดิจิทัลจะไหวหรือ ร้าน GameStop เป็นหนึ่งใน “เหยื่อ” ของความเปลี่ยนแปลงนี้ GameStop เป็นเชนร้านขายวิดีโอเกมรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา โดยมีขายทั้งเครื่องเล่นวิดีโอเกม และแผ่นเกม ลูกค้าส่วนใหญ่มักเป็นวัยรุ่นชายที่เล่นเกมเป็นงานอดิเรก และต้องไขว่คว้าหาเกมใหม่ๆ มาเล่นกับเพื่อนๆ ธุรกิจที่ทำรายได้ให้ GameStop เป็นกอบเป็นกำมาโดยตลอดคือ “แผ่นเกมมือสอง” (pre-owned) ที่ลูกค้าซื้อแผ่นเกมใหม่ล่าสุดไปตะลุยเล่นจนจบภายในเวลาไม่กี่วัน จากนั้นนำมาขายกลับให้ GameStop ในราคาไม่แพงมากนัก เพื่อว่า GameStop จะนำไปขายต่อให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ที่อยากเล่นเกมเดียวกัน แต่ไม่ต้องการจ่ายราคาเต็มเพื่อเล่นแผ่นมือหนึ่ง แต่เมื่ออุตสาหกรรมเกมเปลี่ยนไป การซื้อเกมแบบแผ่นเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง บริษัทเกมหันมาขายเกมแบบดิจิทัลดาวน์โหลดแบบไม่ต้องมีแผ่นใดๆ กระแสความนิยมนี้เริ่มจากเกมฝั่งพีซีก่อน แต่ปัจจุบัน วิดีโอเกมคอนโซลทั้ง PlayStation และ Xbox ก็หันมาใช้เกมแบบดาวน์โหลดกันมากขึ้น (ยกเว้นกลุ่มที่ต้องการเก็บสะสมแผ่นจริงๆ จังๆ เท่านั้น ซึ่งก็สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้เช่นกัน ไม่ต้องซื้อจาก GameStop) ผลประกอบการของ GameStop ในช่วงหลังจึงร่วงกราวรูด ล่าสุดบริษัทประกาศปิดสาขา 150 แห่งทั่วโลก (จากทั้งหมด 7,500 สาขา) หลังแถลงรายได้ในปี 2016 ที่ตกลง 14% จากเดิม ปกติแล้ว ช่วงที่เกมขายดีที่สุดคือช่วงปลายปี เทศกาลคริสต์มาสซึ่งคนในโลกตะวันตกมักซื้อเกมใหม่ให้เป็นของขวัญ และผู้ขายต่างก็ลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่รายได้ของ GameStop ในช่วงคริสต์มาส 2016 ที่ผ่านมา กลับตกหนักถึง 19% จากปีก่อน แสดงให้เห็นชัดเจนว่า แม้ในช่วงที่ GameStop ขายดีที่สุด บริษัทก็ยังมีรายได้ลดลง สถานการณ์ของ GameStop ยังถือว่าพอไปได้ บริษัทยังมีกำไร (กำไรในปี 2016 คือ 353.2 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 402.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2015) แน่นอนว่า GameStop ต้องดิ้นรนสุดชีวิต ทางออกที่บริษัทพยายามทำอยู่คือเปิดสาขา collectibles store สำหรับสินค้าของเล่น-ของสะสม รวมถึงเข้าไปบริหารร้านค้าปลีกให้แบรนด์ไอทีบางแบรนด์ (หน้าร้านแปะแบรนด์ของสินค้า แต่ดำเนินงานโดย GameStop) ที่ทั้งสองส่วนนี้มีรายได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่มันจะสามารถทดแทนยอดขายจำนวนมากจากสินค้าเกมที่หายไปได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ยังต้องตั้งคำถามกันต่อไป ที่มา – GameStop, Engadget ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ผู้บริโภคเปลี่ยน ร้านอิเล็กทรอนิกส์ Best Buy มียอดขายเฉลี่ยลดลง In "Article" Target เตรียมลงทุนก้อนใหญ่ปรับปรุงร้าน 600 แห่ง เชื่อมั่นค้าปลีกยังคงต้องมีหน้าร้านต่อไป In "Article" คุยกับ “วีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์” ผู้อาสาพัฒนาตลาดการ์ดเกมในไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง In "Featured" | GameStop ประสบปัญหาและปิดสาขา 150 แห่งทั่วโลก ดังนี้:
1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค:
ซื้อเกมแบบดิจิทัล: ผู้บริโภคหันมาซื้อเกมแบบดิจิทัลดาวน์โหลดมากขึ้น แทนการซื้อแผ่นเกม
ไม่สะสมแผ่นเกม: ผู้บริโภคไม่นิยมสะสมแผ่นเกมเหมือนในอดีต
2. การแข่งขันจากคู่แข่ง:
ร้านค้าปลีกออนไลน์: ร้านค้าปลีกออนไลน์ เช่น Amazon ขายเกมดิจิทัลในราคาที่ถูกกว่า
ผู้พัฒนาเกม: ผู้พัฒนาเกมบางรายเริ่มขายเกมดิจิทัลบนแพลตฟอร์มของตัวเอง
3. กลยุทธ์ทางธุรกิจ:
มุ่งเน้นไปที่แผ่นเกมมือสอง: GameStop มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจแผ่นเกมมือสอง ซึ่งตลาดนี้เริ่มหดตัว
ไม่มีสินค้าดึงดูดลูกค้า: GameStop ไม่มีสินค้าดึงดูดลูกค้าเพียงพอ นอกเหนือจากเกม
4. สภาวะเศรษฐกิจ:
เศรษฐกิจซบเซา: เศรษฐกิจซบเซาส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
ผลลัพธ์:
รายได้ลดลง: รายได้ของ GameStop ลดลง 14% ในปี 2016
กำไรลดลง: กำไรของ GameStop ลดลง 12% ในปี 2016
ปิดสาขา: GameStop ปิดสาขา 150 แห่งทั่วโลก
บทสรุป:
GameStop ประสบปัญหาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การแข่งขันจากคู่แข่ง กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่เหมาะสม และสภาวะเศรษฐกิจซบเซา | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55452 | Retail | จงสรุปบทความเรื่อง "Gaysorn ปรับใหญ่ จากห้างหรู สู่ Lifestyle Urban Village เพราะค้าปลีกจะยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้" ให้หน่อยคะ | Brand Inside นำเสนอเรื่องการปรับตัวของธุรกิจมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าทุกธุรกิจต้อง Transform ตัวเองเพื่อการอยู่รอด และเติบโต ล่าสุด Gaysorn Plaza ก็ปรับตัวจากห้างหรู สู่ Lifestyle Urban Village มีรายละเอียดอะไรบ้าง ลองไปดูกัน Brand Inside นำเสนอเรื่องการปรับตัวของธุรกิจมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าทุกธุรกิจต้อง Transform ตัวเองเพื่อการอยู่รอด และเติบโต ล่าสุด Gaysorn Plaza ก็ปรับตัวจากห้างหรู สู่ Lifestyle Urban Village มีรายละเอียดอะไรบ้าง ลองไปดูกัน ยกระดับแหล่ง Shopping ย่านราชประสงค์ ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า แต่เดิมห้างหรูบริเวณแยกราชประสงค์ใช้ชื่อ Gaysorn Plaza เป็นอาหารที่รวมแบรนด์ระดับโลกต่างๆ ไว้มากมาย ทำให้ผู้ใช้บริการที่จะเข้าไปเดิน ต้องมีความมั่นใจประมาณหนึ่ง เพราะสินค้าที่จำหน่ายนั้นยากที่จะเอื้อมถึงจริงๆ ดังนั้นทางตระกูล ศรีวิกรม์ ที่เป็นเจ้าของห้างแห่งนี้จึงต้องการยกระดับห้างนี้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ไม่ใช่การจำหน่ายแบรนด์หรูยิ่งกว่าเดิม กลับเป็นการขยายอาณาจักร Gaysorn ให้อลังการกว่าเดิม ผ่านแนวคิด Lifestyle Urban Living พร้อมเปลี่ยนชื่อสถานที่แห่งนี้เป็น Gaysorn Village ชาญ ศรีวิกรม์ ประธานกลุ่ม เกษร พร็อพเพอร์ตี้ เล่าให้ฟังว่า หลังจากให้บริการมาเกือบ 20 ปี ก็ถึงเวลาที่ Gaysorn ต้องปรับปรุงอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพื่อตัวห้างอย่างเดียว ต้องช่วยพัฒนาเมือง และสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย จึงตัดสินใจใช้งบประมาณ 3,470 ล้านบาท ในการลงทุนปรับปรุงเฟสแรก ประกอบด้วย การปรับปรุงส่วนศูนย์การค้า Gaysorn ให้ดียิ่งขึ้น ผ่านพื้นที่ให้เช่าจำหน่ายสินค้า 12,000 ตร.ม., สร้างอาคารสำนักงานให้เช่า Gaysorn Tower สูง 30 ชั้น มีพื้นที่ 20,000 ตร.ม. และปรับปรุง Amarin Tower ให้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน “ตอนนี้การปรับปรุงห้าง Gaysorn นั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการสร้าง Gaysorn Tower ให้เสร็จภายในเดือนมิ.ย. 2560 กับการปรับปรุง Amarin Tower ให้เสร็จในปี 2561 ก่อนที่จะลงทุนเฟส 2 เพื่อปรับปรุง Amarin Plaza ให้เสร็ภายในปี 2562-2563 เพื่อสร้าง Lifestyle Urban Village ได้อย่างเต็มรูปแบบ ที่สำคัญทุกอาคารที่ทางกลุ่มเป็นเจ้าของ รวมถึงอาคารอื่นๆ อีก 18 แห่ง จะถูกเชื่อมต่อด้วย Skywalk ทำให้การใช้ชีวิตในบริเวณนี้มีมิติ และมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น” สร้างพื้นที่ร่วมกัน พร้อมขยายฐานลูกค้า สำหรับฝั่ง Gaysorn Tower นั้นจะไม่ได้มีแค่พื้นที่สำนักงานให้เช่า แต่ยังมีพื้นที่สีเขียวที่ใช้งานร่วมกันบริเวณชั้น 19-20 เพื่อให้คนเมืองสามารถขึ้นมาพักผ่อน หรือสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้บริเวณชั้น 9-12 ยังมีการรวมศูนย์สุขภาพเอาไว้เช่นเดียวกัน พร้อมกับการเชื่อมต่อระหว่างอาคารสำนักงาน กับศูนย์การค้า ผ่านแนวคิด Cocoon ซึ่งจุดนี้ทำให้หลายองค์กรตัดสินใจเข้ามาเช่าพื้นที่สำนักงาน เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ ผ่านบรรยากาศการทำงานที่ไหม่เหมือนเดิมด้วย ในทางกลับกัน ฝั่งธุรกิจค้าปลีกนั้น การจะจำหน่ายสินค้า Luxury แบบเดิมก็ยังช่วยให้ทางกลุ่มเติบโตได้ แต่การขยายลูกค้าออกไปให้มากขึ้นน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า เพราะปกติคนเดินห้างสรรพสินค้า Gaysorn อยู่ที่ 10,000 คน/วัน แต่การนำสินค้า และบริการที่เกี่ยวกับ Lifestyle เข้ามามากขึ้น ก็จะช่วยให้ผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มเป็น 30,000 คน/วัน และยิ่งการปรับปรุงครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ครบทั้งหมด ก็มีโอกาสเพิ่มยอดการใช้บริการย่านราชประสงค์ จาก 3 แสนคน/วัน เป็น 4.5 แสนคน/วัน ค้าปลีกยังเหนื่อย Mood ผู้บริโภคยังไม่มา ส่วนภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เพราะเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีกจึงเป็นเรื่องจำเป็น มิฉะนั้นจะไม่สามารถจับผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าได้ เช่นในประเทศไทยก็มีช่วงหนึ่งที่อยู่ในภาวะโศกเศร้า การจัดกิจกรรม หรือทำแคมเปญต่างๆ ก็ต้องล้อไปกับอารมณ์ หรือทางลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลกมากนัก การสร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับห้างอื่นๆ ก็ยังจำเป็นอยู่เช่นเดิม สรุป การปรับตัวจากห้างหรูตอบโจทย์กลุ่มที่ Mass ขึ้น ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ตัวห้างนั้นอยู่ไปได้อย่างยั่งยืน และแข่งขันกับห้างอื่นในย่านราชประสงค์ได้ แต่ Gaysorn ไม่ได้มองแค่นั้น เพราะต้องการตอบโจทย์ทั้ง Work และ Play ดังนั้นต้องจับตามองดีๆ ว่าถ้า Gaysorn Village เสร็จสมบูรณ์ ย่านราชประสงค์จะเปลี่ยนไปขนาดไหน ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Gaysorn Village เปิดตัวบริการใหม่ Gaysorn To you ส่งประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เกษรวิลเลจ ตรงถึงหน้าบ้าน In "PR News" เข้าไปสำรวจ Gaysorn Tower อาคารสำนักงานกลางกรุงเทพแห่งใหม่ แห่งเดียวในปีนี้ In "News" แบรนด์หรูฮ่องกงปรับตัว เช่าพื้นที่ระยะสั้นจัดร้านแบบป็อปอัพ ดึงดูดคนเข้าร้านได้มากกว่า In "Article" | Brand Inside นำเสนอเรื่องการปรับตัวของธุรกิจ Gaysorn Plaza โดยการทำให้ห้างนี้เปลี่ยนจากห้างหรูเป็น Lifestyle Urban Village ซึ่งเป็นการตอบโจทย์การ Transform ของธุรกิจเพื่ออยู่รอดและเติบโตในสภาวะปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
การปรับปรุง Gaysorn Plaza มีการลงทุนมากถึง 3,470 ล้านบาท โดยประกอบด้วยการปรับปรุงส่วนศูนย์การค้าเพิ่มพื้นที่ให้เช่าสินค้า 12,000 ตร.ม., สร้างอาคารสำนักงาน Gaysorn Tower สูง 30 ชั้น 20,000 ตร.ม., และปรับปรุง Amarin Tower ให้ดีขึ้น เพื่อสร้าง Lifestyle Urban Village โดยช่วยพัฒนาเมืองและสังคม
Gaysorn Village จะมีการเชื่อมต่อระหว่างอาคารด้วย Skywalk และสร้างพื้นที่ร่วมกัน ทำให้การใช้ชีวิตในบริเวณนี้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ฝั่ง Gaysorn Tower ยังมีพื้นที่สีเขียวที่ใช้งานร่วมกันบริเวณชั้น 19-20 เพื่อให้คนเมืองมีที่พักผ่อนและสร้างแรงบันดาลใจ
การปรับตัวนี้ไม่เพียงเพื่อขยายลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกเท่านั้น แต่ยังเน้นการสร้างประสบการณ์ Lifestyle และ Work-Play ที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่และเพิ่มยอดการใช้บริการในย่านราชประสงค์ ทำให้ Gaysorn Village มีโอกาสเปลี่ยนแปลงย่านราชประสงค์ได้ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกยังเผชิญกับความท้าทายในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่คลี่คลายอย่างเต็มที่ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55453 | Retail | อะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้ Amazon ขึ้นเป็นผู้นำในตลาด mobile shopping ในสหรัฐอเมริกา? | null | กลยุทธ์ของ Amazon ที่ทำให้ขึ้นเป็นผู้นำในตลาด mobile shopping ในสหรัฐอเมริกา
1. การพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย
-Amazon ลงทุนพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และค้นหาสินค้าได้ง่าย
-มีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและรวดเร็ว
-มีระบบแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
2. การนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย
-Amazon มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
-มีสินค้าหลากหลายประเภท ครบครันทุกความต้องการ
-มีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาจำหน่ายอยู่เสมอ
3. การเสนอราคาที่ competitive
-Amazon มักเสนอราคาสินค้าที่ competitive
-มีโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ อยู่เสมอ
-มีบริการ Amazon Prime ที่ให้สมาชิกได้รับสินค้าฟรีภายใน 2 วัน
4. การให้บริการลูกค้าที่ดี
-Amazon มีระบบการบริการลูกค้าที่ดี ตอบคำถามและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
-มีระบบการติดตามสินค้าที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สถานะสินค้าของตัวเองได้
-มีระบบการคืนสินค้าที่สะดวก
5. การขยายช่องทางการชำระเงิน
-Amazon รองรับการชำระเงินผ่านช่องทางต่างๆ มากมาย
-เพิ่มตัวเลือกการชำระเงินผ่าน Mobile Wallet
-เพิ่มตัวเลือกการชำระเงินปลายทาง
6. การลงทุนด้านเทคโนโลยี:
-Amazon ลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
-พัฒนาระบบ AI และ Machine Learning เพื่อแนะนำสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
-พัฒนาระบบ AR และ VR เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้ง
7. การเข้าถึงลูกค้าผ่าน Influencer Marketing
-Amazon ใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการโปรโมทสินค้า
-ใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการรีวิวสินค้า
-ใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการสร้างกระแส
โดยสรุป
กลยุทธ์ของ Amazon ที่ทำให้ขึ้นเป็นผู้นำในตลาด mobile shopping ในสหรัฐอเมริกา มาจากการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย เสนอราคาที่ competitive ให้บริการลูกค้าที่ดี ขยายช่องทางการชำระเงิน ลงทุนด้านเทคโนโลยี และเข้าถึงลูกค้าผ่าน Influencer Marketing
อย่างไรก็ตาม Amazon ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งรายอื่นๆ เช่น Walmart และ eBay
ดังนั้น Amazon จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด mobile shopping | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55457 | Retail | จงสรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ Digital Transformation จากงาน Tencent Global Digital Ecosystem Summit 2023 | null | 1. การพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ความเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นสิ่งที่จำเป็น ธุรกิจทุกประเภทต้องเร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลจะช่วยสร้างความเติบโตในระยะยาว
2. Tencent Cloud นำเสนอโซลูชันดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ อีคอมเมิร์ซ ภาคการเงิน วงการสื่อบันเทิง อื่นๆ อีกมากมาย
3. Tencent Cloud มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์ด้วยเทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพและความล้ำสมัย รองรับการประมวลผลบนคลาวด์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI ใช้ Machine Learning และ IoT เชิงอุตสาหกรรม
4. Tencent Cloud ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับพันธมิตร
ตัวอย่าง: HAGO, Mabang ERP, DIANXIAOMI, INTSIG Information
ผลลัพธ์: เพิ่มประสิทธิภาพ, ขยายธุรกิจ, เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
5. Tencent Cloud นำเสนอบริการแบบครบวงจรทั้ง IaaS, PaaS และ SaaS ตอบสนองความต้องการขององค์กรต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ขยายธุรกิจ
6. ตัวอย่างความสำเร็จจากการร่วมมือกับ Tencent Cloud
Mabang ERP: เพิ่มประสิทธิภาพอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
HULE Technology: พัฒนาโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจ
Deloitte: เสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์
PayerMax: พัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์
7. บทสรุป
- การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
- Tencent Cloud เป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
- โซลูชันดิจิทัลของ Tencent Cloud ช่วยให้องค์กรต่างๆ เติบโตและประสบความสำเร็จ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55471 | Retail | สรุปบทความเรื่อง Lotus’s เปิดสาขา Pet Friendly Mall 100 แห่ง รับเทรนด์ Pet Humanization ให้หน่อย | Lotus’s เปิดสาขา Pet Friendly Mall นำร่อง 100 สาขา ทั่วประเทศไทย รับกระแส Pet Humanization เติบโตในประเทศไทย โดยสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกระเป๋า หรือรถเข็นของตัวเองเท่านั้น และเจ้าของต้องนำอุปกรณ์สำหรับใส่สัตว์เลี้ยงมาเอง รวมถึงต้องปิดมิดชิด Lotus’s เปิดสาขา Pet Friendly Mall เบญจวรรณ อ่องศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารพื้นที่ศูนย์การค้า Lotus’s เล่าให้ฟังว่า จากปรากฏการณ์ Pet Humanization หรือพฤติกรรมที่เจ้าของสัตว์เลี้ยง ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนว่าเป็นคนในครอบครัว เลี้ยงดูและให้ความรักไม่ต่างจากการเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ทำให้ทางศูนย์ต้องการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ล่าสุด Lotus’s เปิด Pet Friendly Mall นำร่องในโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ถือเป็นค้าปลีกแรกที่ปรับตัวรองรับครอบครัวสัตว์เลี้ยงในจำนวนสาขาที่เยอะที่สุด และครอบคลุมทั่วไทย โดยสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกระเป๋า หรือรถเข็นของตัวเองเท่านั้น และเจ้าของต้องนำอุปกรณ์สำหรับใส่สัตว์เลี้ยงมาเอง สำหรับสาขารูปแบบดังกล่าวประกอบด้วย โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์, โลตัส พัฒนาการ, โลตัส รามอินทรา, โลตัส เลียบคลองสอง, โลตัส ลาดกระบัง, โลตัส บางนา-ตราด, โลตัส เชียงใหม่ (คำเที่ยงและหางดง), โลตัส ชลบุรี, โลตัส จันทบุรี, โลตัส โคราช, โลตัส อุบลราชธานี, โลตัส สุราษฎร์ธานี และโลตัส ภูเก็ต เป็นต้น ทั้งนี้เจ้าของไม่สามารถอุ้ม หรือจูงสัตว์เลี้ยงเดินในบริเวณห้างและไม่อนุญาตนำสัตว์เลี้ยงเข้าโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร้านอาหารบางร้าน ยกเว้นร้านที่มีสัญลักษณ์ Pet Welcome Restaurant หรือสามารถสอบถามหน้าร้าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันศูนย์การค้าต่าง ๆ เริ่มให้เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาใช้บริการได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล เช่น เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เมกา บางนา และกลุ่มเดอะมอลล์ เช่น ดิ เอ็มควอเทียร์ เนื่องจากผู้บริโภคปัจจุบันเริ่มเลี้ยงสัตว์เป็นลูกหลานตามเกระแส Pet Humanization มากขึ้น อ้างอิง // Lotus’s ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related เปิดเส้นทาง 30 ปี โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จากคูหา 3 ห้อง สู่ผู้นำตลาดด้วยรายได้หลักพันล้านบาท In "Business" เปิดตำนาน 23 ปี “โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ” และก้าวถัดไปตลาดอาเซียน กับเป้าหมายผู้นำภายใน 5 ปี In "News" ทำดีมากเจ้าทาสแมว! เผยเทรนด์ปี 2565 ตลาดคนเลี้ยงหมา โตช้ากว่า “คนเลี้ยงแมว” In "Article" | สรุป Lotus’s เปิดสาขา Pet Friendly Mall นำร่อง 100 สาขา ทั่วประเทศ รับกระแส Pet Humanization โดยสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกระเป๋า หรือรถเข็นของตัวเองเท่านั้น และเจ้าของต้องนำอุปกรณ์สำหรับใส่สัตว์เลี้ยงมาเอง ทั้งนี้เจ้าของไม่สามารถอุ้ม หรือจูงสัตว์เลี้ยงเดินในบริเวณห้างแต่ไม่อนุญาตนำสัตว์เลี้ยงเข้าโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร้านอาหารบางร้าน ยกเว้นร้านที่มีสัญลักษณ์ Pet Welcome Restaurant | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55472 | Retail | บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ปี 2566 ว่าอย่างไร | บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ปี 2566 คาดชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเผชิญ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียง (Synchronized slowdown) 2.ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น (Higher for longer) โดยคาดดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่ระดับปัจจุบันที่ 5.4% จนถึงสิ้นปี และ 3.ความแตกต่างระหว่างสหรัฐที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยเฉพาะยุโรปและจีนที่จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น มองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1% จากประมาณการณ์เดิม ทำให้คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอีกครั้ง โดยประเมินเป้าหมาย SET Index สิ้นปี 2566 ไว้ที่ 1650 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนและได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ชี้เป้าหุ้นเด่นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ได้แก่ AOT BCH CRC KCE และ KTB พร้อมทั้งกระจายการลงทุนไปยังประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่จะได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน อีกทั้ง ยังมีตลาดภายในประเทศขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตได้มาก เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ปี 2566 คาดว่าจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเผชิญ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.เศรษฐกิจที่จะชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียง (Synchronized slowdown) โดยที่ผ่านมาภาคการผลิตทั่วโลก (โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว) ที่วัดจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Manufacturing PMI) หดตัวมาโดยตลอด ผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ประกอบกับความต้องการสินค้าต่างๆ เริ่มหมดลงทำให้ภาคการผลิตมีปัญหา และในปัจจุบันภาคบริการเริ่มมีปัญหาแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากดอกเบี้ยสูง 2.ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น (Higher for longer) ในช่วงที่ผ่านมาเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้วลดลงมาพอสมควรจากเงินเฟ้อภาคการผลิตเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในระยะต่อไปเงินเฟ้อจะลดลงยากมากขึ้น เนื่องจากเป็นเงินเฟ้อในส่วนภาคบริการ นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ก็มีส่วนทำให้เงินเฟ้อในระยะต่อไปกดลงได้ยากเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น ธนาคารกลางต่างๆ ก็จำเป็นต้องคงดอกเบี้ยยาวนานขึ้นซึ่งจะยิ่งกดดันเศรษฐกิจ และ 3.ความแตกต่างระหว่างสหรัฐที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นโดยเฉพาะยุโรปและจีนที่จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ (US and The Rest) โดยที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตค่อนข้างแข็งแกร่งจากการปรับขึ้นค่าจ้าง ทำให้การจับจ่ายยังเติบโตดี แต่ในระยะต่อไปการเงินที่มีปัญหามากขึ้นจะกระทบต่อการใช้จ่ายของทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ ด้านเศรษฐกิจของยุโรปจะยิ่งเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อ ในขณะที่เศรษฐกิจจีนก็มีความเสี่ยงจะซึมยาวและเข้าสู่ “ทศวรรษที่หายไป” เช่นเดียวกับญี่ปุ่นเมื่อช่วงทศวรรษ 1990” ขณะที่ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงมาก แต่อนาคตมีความหวังจากความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ โดยเราประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้ดีกว่าปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้อีก 1% โดยเราคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้ 4.1% (เทียบกับประมาณการเดิมที่ 3%) จากปี 2566 ที่ขยายตัว 2.7% พร้อมกันนี้ยังคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอีกครั้งเมื่อพิจารณาจาก 1.แนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน 2.การเสร็จสิ้นการปรับลดอันดับเครดิต ผลประกอบการ และ GDP 3.นโยบายการเงินที่เริ่มลดระดับความตึงตัวของ Fed และ 4.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการท่องเที่ยว โดยความเสี่ยงสำคัญ 2 ประการที่ยากจะมองข้าม ได้แก่ ประการแรก ด้วยระดับน้ำที่ต่ำและฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลสำคัญ การเกิดเอลนีโญระดับรุนแรงจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของเกษตรกรแต่จะถูกผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาช่วยในไตรมาสที่ 1 ประการที่สอง ในกรณีที่รัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการคลัง เราประเมินเป้าหมาย SET Index ปีนี้ อยู่ที่ 1,650 จุด เป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 1,750 จุด ขณะที่ในไตรมาส 4 จุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,500-1,550 จุด โดยผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 5-7% “กลยุทธ์การลงทุน แนะนำโฟกัสไปที่หุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือทำจุดต่ำสุดแล้ว และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นหุ้นวัฏจักรที่มีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูงซึ่งจะได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของกำไร โดยหุ้นเด่นในไตรมาส 4 ได้แก่ AOT BCH CRC KCE และ KTB” นายสุกิจ กล่าวเสริม รายละเอียดหุ้นเด่นในไตรมาส 4 ปี 2566 AOT: Traffic เติบโตแข็งแกร่ง กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
BCH: กำไรฟื้นตัว การปรับเพิ่มอัตราการเหมาจ่ายของประกันสังคม Valuation สมเหตุสมผล
CRC: กำไรฟื้นตัว ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
KCE: แรงกดดันด้านต้นทุนลดลง อุปสงค์ฟื้นตัว การเติมสินค้าคงคลังของจีน กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
KTB: กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง AOT: Traffic เติบโตแข็งแกร่ง กำไรเติบโตแข็งแกร่ง BCH: กำไรฟื้นตัว การปรับเพิ่มอัตราการเหมาจ่ายของประกันสังคม Valuation สมเหตุสมผล CRC: กำไรฟื้นตัว ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ KCE: แรงกดดันด้านต้นทุนลดลง อุปสงค์ฟื้นตัว การเติมสินค้าคงคลังของจีน กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว KTB: กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้าน พสุวุฒิ วิไลนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 4 ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และยุโรป ปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีน เงินเฟ้อระลอกใหม่ รวมถึงดอกเบี้ยโดยรวมของโลกยังอยู่ในระดับสูง การลงทุนจึงยังเป็นลักษณะการลงทุนแบบระมัดระวัง มุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นของกิจการที่ดีเป็นรายตัว โดยมีประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วกว่าประเทศไทย เช่น ประเทศเวียดนาม ที่มีประชากรเกือบ 100 ล้านคน ขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าประเทศไทยค่อนข้างมาก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีดีพีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงถึง 6-7% ต่อปีสูงกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่าตัว และประเทศอินโดนีเซีย ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 270 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน อินเดีย และสหรัฐฯ และถึงแม้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน แต่ก็ยังคงเติบโตด้วยอัตรา 5% ต่อปี ซึ่งทั้งสองประเทศได้รับเม็ดเงินจากบริษัทข้ามชาติที่ย้ายฐานผลิตเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเม็ดเงินจากการลงทุนทางตรงในปีที่แล้วของประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียนั้นสูงคิดเป็น 2 และ 4 เท่าเมื่อเทียบกับของประเทศไทยตามลำดับ อีกทั้งประชากรของทั้งสองประเทศยังเป็นวัยทำงานมากถึง 50-60% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และกลุ่มคนวัยดังกล่าวกำลังย้ายจากภาคการเกษตรเข้ามาในภาคอุตสาหกรรม และอยู่อาศัยในตัวเมืองมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้รายได้ต่อหัวปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของประชากรคนชั้นกลาง ได้แก่ กลุ่มสิ่งของอุปโภคและบริโภคต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าจาก ผ่านร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว และการเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยของประชาชนทั่วไปซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำและสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต | คาดชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเผชิญ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1.เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียง (Synchronized slowdown)
2.ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น (Higher for longer) โดยคาดดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่ระดับปัจจุบันที่ 5.4% จนถึงสิ้นปี และ
3.ความแตกต่างระหว่างสหรัฐที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยเฉพาะยุโรปและจีนที่จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น มองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1% จากประมาณการณ์เดิม ทำให้คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอีกครั้ง โดยประเมินเป้าหมาย SET Index สิ้นปี 2566 ไว้ที่ 1650 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนและได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ชี้เป้าหุ้นเด่นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ได้แก่ AOT BCH CRC KCE และ KTB พร้อมทั้งกระจายการลงทุนไปยังประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่จะได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน อีกทั้ง ยังมีตลาดภายในประเทศขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตได้มาก เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย
| null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55478 | Retail | โฟร์โมสต์วางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดนม UHT สำหรับเด็กในประเทศไทย ครองส่วนแบ่งตลาด 50% ภายใน 3 ปี? | กลางปี 2022 บมจ. ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) เจ้าของแบรนด์ โฟร์โมสต์ ประกาศยุติการทำตลาดนมพาสเจอร์ไรส์ พร้อมปิดโรงงานย่านหลักสี่ เพื่อทำตลาดสินค้านมกล่อง UHT และสินค้าอื่นที่มีโอกาสเติบโตมากกว่า ผ่านมา 1 ปี สินค้านมกล่อง UHT ของ โฟร์โมสต์ แข็งแกร่งขึ้นมาก ผ่านการมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 41% ของมูลค่าตลาด 29,000 ล้านบาท และเตรียมตั้งเป้าขึ้นไปถึง 50% ภายใน 3 ปี การแข่งขันของตลาดนมกล่อง UHT ในประเทศไทยเป็นอย่างไร และ โฟร์โมสต์ ต้องทำอย่างไรถึงจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าว สุภสิตา ไกรศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ. ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) อธิบายให้ฟังดังนี้ ภาพรวมตลาดนม UHT ที่เติบโตต่อเนื่อง สุภสิตา ไกรศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ. ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) เล่าให้ฟังว่า ในปี 2022 มูลค่าตลาดนม UHT ในประเทศไทยคาดการณ์ตัวเลขที่ 29,000 ล้านบาท และจะเติบโตราว 5-6% ในปี 2023 ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการหดตัวแต่อย่างใด “ความต้องการสินค้านมกล่อง UHT ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ถึงสินค้าประเภทนี้จะมีส่วนต่างกำไรค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับนมพาสเจอร์ไรส์ แต่ โฟร์โมสต์ ก็ยังเห็นโอกาสในตลาด และตั้งใจบุกตลาดนี้อย่างเต็มที่ผ่านนม UHT สำหรับเด็ก และนม UHT สำหรับทุกคนในครอบครัว” หากเจาะไปที่กลุ่มสินค้านม UHT ปัจจุบัน โฟร์โมสต์ เป็นแบรนด์อันดับ 1 ของตลาดนี้ ผ่านส่วนแบ่งในตลาดที่ 41% ผ่านการจำหน่ายนม UHT สำหรับเด็ก 60% และที่เหลือเป็นนม UHT สำหรับทุกคนในครอบครัว โดยหลังจากนี้จะทยอยขยายช่องทางจำหน่ายในค้าปลีกดั้งเดิมในพื้นที่ห่างไกล หลังครอบคลุมค้าปลีกสมัยใหม่กว่า 90% ปัจจัยเติบโตคือแม่ให้นม UHT กับบุตรเร็วขึ้น หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดนม UHT เติบโตต่อเนื่องคือ ในประเทศไทยมีการเลี้ยงดูเด็กเล็กด้วยนม UHT เร็วขึ้น เช่น ในอดีตแม่ หรือผู้เลี้ยงดูเด็กเล็กจะให้เด็กดื่มนม UHT ตั้งแต่ 1 ขวบ 6 เดือน เป็นต้นไป แต่ปัจจุบันอายุ 1 ขวบ เริ่มมีการให้เด็กดื่มนม UHT แล้ว “นม UHT หรือนมน้ำ มีความสะดวกกว่านมผงที่ต้องเตรียมน้ำ และตวงในปริมาณที่ถูกต้อง ทำให้แม่รุ่นใหม่เลือกใช้นม UHT เลี้ยงดูบุตรเร็วขึ้น ซึ่ง โฟร์โมสต์ เองมีการเขียนบนบรรจุภัณฑ์ของนมที่ตลาดกับเด็กอย่างชัดเจนว่า สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป และทุกคนในครอบครัว” นม UHT ที่ทำตลาดกับเด็กเล็กของโฟร์โมสต์จะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ โอเมก้า 369, โอเมก้า 369 สมาร์ท และสูงสุดคือ โอเมก้า 369 โกลด์ ซึ่งนมเหล่านี้จะมีสารอาหาร และวิตามิน เช่น ดีเอชเอ, สฟิงโกไมอีลิน และวิตามิน บี 12 เป็นต้น และมีความพิเศษของสารอาหารเพิ่มเติมที่แตกต่างกันในแต่ละระดับ เร่งสื่อสารผู้นำนม UHT สำหรับเด็ก หวังแชร์ 50% ขณะเดียวกัน โฟร์โมสต์ เตรียมเร่งสื่อสารการตลาดเกี่ยวกับการเป็นผู้นำในตลาดนม UHT และนม UHT สำหรับเด็ก เพื่อกระตุ้นยอดส่วนแบ่งตลาดให้ไปถึง 50% ภายใน 3 ปี โดยการสื่อสารมีทั้งการทำโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดเกี่ยวกับเด็ก ล่าสุด โฟร์โมสต์ ได้ร่วมมือกับ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อส่งมอบนมจำนวน 1 ล้านกล่อง ให้กับเด็ก และครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ ถือเป็นปีที่ 3 ที่ส่งมอบนมให้กับมูลนิธิดังกล่าว โดยช่วง 2 ครั้งก่อนคิดเป็นมูลค่านม UHT กว่า 20 ล้านบาท ด้วยจำนวนนม 2 ล้านกล่อง “โฟร์โมสต์ พยายามสื่อสารการตลาดเต็มที่ และยืนยันว่าเราแทบไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อขอเป็นผู้มอบสารอาหารที่เหมาะสมให้กับเด็ก ยิ่งนมเป็นสินค้าที่รับประทานง่าย และได้สารอาหารครบ การคงจุดแข็งเรื่องนี้ไว้ก็ยิ่งจำเป็น และเรื่องดังกล่าวยังทำให้เราแข็งแกร่งในตลาดนี้ด้วย” ปัญหาน้ำนมดิบขาดแคลนใกล้สิ้นสุด สุภสิตา เสริมว่า ปัญหาน้ำนมดิบขาดแคลนในประเทศไทยใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดในไตรมาส 4 ปี 2023 เพราะเกษตรกรเริ่มกลับมาเลี้ยงโคนมมากขึ้น ส่วนในมุม โฟร์โมสต์ ปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับเกษตรเพื่อรับมือปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทไม่ประสบปัญหาสินค้าไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายในช่องทางต่าง ๆ เมื่อไม่มีปัญหา ทำให้ โฟร์โมสต์ ยังเดินหน้าผลิตนม UHT ในโรงงานที่ประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในไทย 90% และที่เหลือส่งออกไปในต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการทำตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์สำหรับอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ เช่น นมข้นหวานฟอลคอน เป็นต้น ส่วนการกลับมาจำหน่ายสินค้านมพาสเจอร์ไรส์ โฟร์โมสต์ ยังไม่มีแผนในตอนนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันการบริโภคนม UHT สำหรับเด็กเล็กในประเทศไทยมีการรับประทานเฉลี่ย 3 กล่อง/วัน และกระแสการรับประทานนมผงกำลังลดลง เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง หรือ 38-40 บาท/มื้อ ต่างกับนม UHT ที่ราคาราว 10-11 บาท/มื้อ แต่ได้สารอาหารสำคัญใกล้เคียงกัน ทำให้ตลาดนม UHT สำหรับเด็กเติบโตต่อเนื่อง ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related อวสาน นมพาสเจอร์ไรซ์โฟรโมสต์: บ.ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ประกาศยุติผลิตและจำหน่าย In "Article" วิกฤตนมไทย 60,000 ล้านบาทโตช้า เด็กเกิดใหม่น้อย-ผู้ใหญ่ไม่ดื่ม แถมอีก 8 ปีเจอต่างชาติแย่งตลาดอีก In "News" ฟรีสแลนด์คัมพิน่าเปิด 3 กลยุทธ์หลัก หลังยุติผลิตนมพาสเจอร์ไรซ์โฟร์โมสต์ มุ่งเน้น B2B มากขึ้น In "Article" | โฟร์โมสต์วางกลยุทธ์ ดังนี้:
1. มุ่งเน้นนม UHT สำหรับเด็ก:
- ขยายพอร์ตสินค้า: โฟร์โมสต์ มุ่งเน้นพัฒนาสินค้า UHT สำหรับเด็ก โดยมีทั้งนม UHT โอเมก้า 369, โอเมก้า 369 สมาร์ท และ โอเมก้า 369 โกลด์ ซึ่งมีสารอาหารและวิตามินที่เหมาะสมกับเด็ก
- สื่อสารการตลาด: โฟร์โมสต์ สื่อสารการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ถึงความเป็นผู้นำในตลาดนม UHT สำหรับเด็ก โดยใช้ช่องทางโฆษณาต่างๆ และกิจกรรมการตลาดเกี่ยวกับเด็ก
- สนับสนุนโครงการ CSR: โฟร์โมสต์ ร่วมมือกับมูลนิธิกระจกเงา ส่งมอบนม UHT 1 ล้านกล่อง ให้กับเด็กและครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ
2. ขยายช่องทางจำหน่าย:
- ครอบคลุมค้าปลีกสมัยใหม่: โฟร์โมสต์ ขยายช่องทางจำหน่ายในค้าปลีกสมัยใหม่ครอบคลุมกว่า 90%
- ขยายไปยังค้าปลีกดั้งเดิม: โฟร์โมสต์ ทยอยขยายช่องทางจำหน่ายไปยังค้าปลีกดั้งเดิมในพื้นที่ห่างไกล
3. รักษาจุดแข็ง:
- ราคา: โฟร์โมสต์ ยืนยันว่าไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงนม UHT ได้ง่าย
- สารอาหารครบถ้วน: โฟร์โมสต์ เน้นย้ำถึงจุดแข็งของนม UHT ที่รับประทานง่าย และได้สารอาหารครบถ้วน
4. รองรับปัญหา:
- เจรจากับเกษตรกร: โฟร์โมสต์ เจรจากับเกษตรกรเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำนมดิบขาดแคลน
- ผลิตในประเทศ: โฟร์โมสต์ ยังคงผลิตนม UHT ในโรงงานที่ประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในไทย 90%
ปัจจัยสนับสนุน:
- การบริโภคนม UHT สำหรับเด็กเล็กเพิ่มขึ้น: เด็กไทยเริ่มบริโภคนม UHT เร็วขึ้น
- กระแสการบริโภคนมผงลดลง: นมผงมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคนม UHT แทน
โอกาส:
ตลาดนม UHT เติบโตต่อเนื่อง: ตลาดนม UHT ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโต 5-6% ต่อปี
ปัญหาน้ำนมดิบขาดแคลนใกล้สิ้นสุด: ปัญหาน้ำนมดิบขาดแคลนจะสิ้นสุดในไตรมาส 4 ปี 2023 | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55490 | Retail | ช่วยสรุปบทความ กางกลยุทธ์ ยันฮี จากโรงพยาบาลเพื่อความงาม สู่ศูนย์รวมบริการ และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพครบวงจร | จากจุดเริ่มต้นโรงพยาบาลความงาม
โรงพยาบาลยันฮี เริ่มจากการเป็นคลินิกเสริมความงามในชื่อ ยันฮีโพลีคลินิก รับบริการศัลยกรรมตกแต่งรูปแบบต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องใหม่ในยุคนั้น เพราะการศัลยกรรมยังไม่เป็นที่นิยม แต่จะให้ทำแค่บริการเกี่ยวกับความงามก็คงประคองให้ ยันฮี เติบโตขนาดนี้ไม่ได้
“เราเริ่มจากคลินิกเสริมความงาม และค่อนข้างแข็งแกร่งเรื่องนี้เมื่อเทียบกับผู้เล่นในตลาดไทย แต่ด้วยเราเห็นโอกาสว่าธุรกิจโรงพยาบาลน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจรุกตลาดบริการสุขภาพครบวงจร ผ่านการรักษามากถึง 37 ศูนย์” สุพจน์ กล่าว
สำหรับรูปแบบการรักษา 37 ศูนย์ ที่ โรงพยาบาลยันฮี จะอยู่ใน 4 ศูนย์หลักประกอบด้วย ศัลยกรรมตกแต่ง, ศูนย์รักษาโรคทั่วไป, ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์แพทย์ทางเลือก ทั้งเคลมว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่มีแพทย์ด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามมากที่สุดที่ 16 คน
แข็งแกร่งจนมีคู่แข่งมาเสนอขายกิจการ
สุพจน์ ยืนยันว่า จากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลครบวงจร และความแข็งแกร่งเรื่องศัลยกรรมความงาม ทำให้มีคู่แข่งเกี่ยวกับสถาบันความงามเข้ามาขายกิจการ เช่น วุฒิศักดิ์ คลินิก และ นิติพล คลินิก ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นธุรกิจดาวรุ่งในยุคนั้น แต่ที่ ยันฮี ไม่ซื้อเพราะต้องการนำเงินทุนมายกระดับงานบริการของโรงพยาบาลให้ดีขึ้นมากกว่า
การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เกิดการสร้างตึก และเพิ่มจำนวนศูนย์รักษา รวมถึงการเพิ่มช่องทางรายได้ผ่านการเพิ่มธุรกิจใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือช่วยเหลือให้ธุรกิจหลักมีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มต้นจากการติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อผลิตพลังไฟฟ้าใช้งานในโรงพยาบาล และขายต่อให้กับหน่วยงานรัฐ
ต่อด้วย บริษัท ยาอินไทย จำกัด ที่ผลิตเวชภัณฑ์ และยาสมุนไพรประเภทต่าง ๆ รวมถึงการทำผลิตภัณฑ์สินค้าเกี่ยวกับความงาม เช่น ครีมบำรุง และดูแลผิวพรรณ ภายใต้แบรนด์ตัวเอง เพื่อจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ และค้าปลีกทั่วไป ถือเป็นการต่อยอดจากความเชี่ยวชาญเรื่องความงามของ ยันฮี ที่ตรงจุด
น้ำวิตามิน กับการเป็นอดีตอันดับ 1 ของตลาด
ขณะเดียวกันปี 2014 โรงพยาบาลยันฮี ยังเปิดตัว น้ำผสมวิตามินครั้งแรกในไทย โดยเป็นการใส่วิตามินบีเข้าไปในน้ำ ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดนี้ และแม้ช่วงแรกจะยังไม่ติดตตลาดนัก แต่ช่วงปี 2020 ที่โรคโควิด-19 ระบาด ทำให้ทางโรงพยาบาลออกผลิตภัณฑ์ น้ำผสมวิตามินซี ออกมาตอบรับตลาดที่ต้องการสินค้าที่มีวิตามินซีในขณะนั้น
“เราเคยเป็นเบอร์ 1 ในตลาดนี้ในยุคที่มูลค่าตลาดนี้เกิน 2,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเราอยู่ใน 3 อันดับแรก ผ่านมูลค่าตลาดปัจจุบันราว 1,900 ล้านบาท และตลาดนี้ค่อนข้างทรงตัว เพราะคนเริ่มไม่กลัวโรคโควิด-19 แล้ว ทำให้เราต้องออกสินค้าน้ำผสมวิตามินที่ตอบโจทย์สุขภาพในอื่น ๆ ด้วย”
ล่าสุด โรงพยาบาลยันฮี เปิดตัวน้ำผสมแคลเซียมในชื่อ ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ โดยเป็นการทำตลาดผ่าน บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอร์เรจ จำกัด วางงบประมาณการตลาดไว้ที่ 60 ล้านบาท และในสิ้นปีนี้จะเปิดตัวน้ำผสมวิตามินอีก 1 ผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทมีโรงงานกำลังการผลิต 300 ล้านขวด ซึ่งปัจจุบันยังใช้ไม่เต็มกำลัง
วางงบลงทุน 100 ล้านบาท พัฒนาโรงพยาบาลอีก
สำหรับปี 2023 โรงพยาบาลยันฮี เตรียมเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุง และพัฒนาภาพรวมโรงพยาบาลให้ดีขึ้น เช่น การนำเทคโนโลยีการรักษาใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจไปสู่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เปิดมา 3-4 ปี ให้ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดทำเพื่อรองรับการฟื้นตัวของผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลมากขึ้นในช่วงนี้
“หลังโควิด-19 ลูกค้าต่างชาติเริ่มกลับมา คิดเป็นสัดส่วน 15% จากช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดอยู่ที่ 30% โดยคนที่เข้ามามีทั้งอินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งพวกเขาเข้ามาใช้บริการเกี่ยวกับความงามเกือบทั้งหมด ช่วยให้ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลเราดีขึ้นด้วย”
สิ้นปี 2023 โรงพยาบาลยันฮี คาดว่า รายได้ในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลจะเติบโตราว 10% จากปี 2022 ที่มีรายได้ราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวจะทำให้โรงพยาบาลมีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาด โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากบริการเกี่ยวกับความงาม 70% และบริการรักษาทั่วไป 30% | โรงพยาบาลยันฮี
การเติบโตจากคลินิกสู่โรงพยาบาลครบวงจร
- โรงพยาบาลยันฮีเริ่มต้นจากคลินิกเสริมความงามและได้พัฒนาเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการสุขภาพครบวงจร มี 37 ศูนย์บริการที่ครอบคลุมด้านศัลยกรรมตกแต่ง, การรักษาโรคทั่วไป, ทันตกรรม และแพทย์ทางเลือก โดยมีแพทย์ด้านศัลยกรรมตกแต่งมากที่สุดในประเทศถึง 16 คน
การแข่งขันและการพัฒนา
- การเติบโตในด้านศัลยกรรมความงามทำให้โรงพยาบาลมีคู่แข่งเข้ามา เช่น วุฒิศักดิ์ คลินิก และ นิติพล คลินิก แต่โรงพยาบาลยันฮีไม่สนใจที่จะซื้อกิจการเหล่านี้ เพราะต้องการนำทุนมาพัฒนาบริการของตนเอง โดยได้มีการสร้างตึกใหม่และเพิ่มจำนวนศูนย์รักษา รวมถึงการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงพยาบาล และการจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ความงามของบริษัทยาอินไทย
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
- ในปี 2014 โรงพยาบาลยันฮีเปิดตัวน้ำผสมวิตามินเป็นครั้งแรกในไทย ซึ่งถือเป็นการบุกเบิกตลาดนี้ ในปี 2020 ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลได้ผลิตน้ำผสมวิตามินซีเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
- ปัจจุบัน โรงพยาบาลยันฮีอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดน้ำผสมวิตามิน โดยมีมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท และเพิ่งเปิดตัวน้ำผสมแคลเซียม โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์วิตามินอีก 1 ชนิดในปีนี้ ด้วยโรงงานที่มีกำลังการผลิต 300 ล้านขวด
การลงทุนและการพัฒนาในอนาคต
- ในปี 2023 โรงพยาบาลยันฮีมีแผนลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในการปรับปรุงโรงพยาบาล รวมถึงการนำเทคโนโลยีการรักษาใหม่เข้ามาใช้ และพัฒนาธุรกิจไปสู่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
- หลังจากโควิด-19 โรงพยาบาลเห็นการเพิ่มขึ้นของลูกค้าต่างชาติ โดยส่วนใหญ่เข้ามาใช้บริการความงาม คาดว่าปี 2023 รายได้จะเติบโตประมาณ 10% โดยมีส่วนมาจากบริการความงาม 70% และบริการรักษาทั่วไป 30% | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55492 | Retail | สยามพิวรรธน์กำลังนำเทคโนโลยี Web 3.0 มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกอย่างไรบ้าง และจะส่งผลต่ออนาคตของธุรกิจค้าปลีกในไทยอย่างไร | null | สยามพิวรรธน์ มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาขับเคลื่อนธุรกิจ หนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองคือ Web 3.0 ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจค้าปลีกในไทยไปอย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Web 3.0 ของสยามพิวรรธน์:
Metaverse: สยามพิวรรธน์สร้างประสบการณ์ลักซ์ซูรีแบบไร้รอยต่อ ผ่านงานสงกรานต์ในโลก Metaverse บน ZEPETO และสร้างพื้นที่บน The Sandbox เชื่อมโลกออนไลน์สู่ออฟไลน์
NFT: นำเสนอสินค้า NFT ร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ มอบสิทธิประโยชน์พิเศษ และประสบการณ์เฉพาะตัวแก่ลูกค้า
Decentralized Autonomous Organization (DAO): สร้างชุมชนบนโลกออนไลน์ ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ พัฒนาสินค้า และบริการ
ผลต่ออนาคตของธุรกิจค้าปลีกในไทย:
Personalized Experience: เข้าใจความต้องการของลูกค้า นำเสนอสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่ตรงใจ
Seamless Shopping: เชื่อมต่อโลกออนไลน์ และออฟไลน์ ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้ทุกที่ทุกเวลา
Community Engagement: สร้างชุมชน กระตุ้นการมีส่วนร่วม และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
Data Ownership: ลูกค้าเป็นเจ้าของข้อมูล ควบคุมการใช้งาน และได้รับประโยชน์จากข้อมูล
Web 3.0 จะเปลี่ยนบทบาทของ "ลูกค้า" ให้เป็น "ผู้มีส่วนร่วม" ในธุรกิจ อนาคตของธุรกิจค้าปลีก จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าใจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า
คำแนะนำ:
- ธุรกิจค้าปลีกควรศึกษา และเรียนรู้เกี่ยวกับ Web 3.0
- พัฒนากลยุทธ์ และแผนงาน รองรับการเปลี่ยนแปลง
- ลงทุนในเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
- สร้างความร่วมมือกับพันธมิตร
- Web 3.0 เป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีก ในการพัฒนา และเติบโต ธุรกิจที่สามารถปรับตัว และ embrace เทคโนโลยีนี้ จะประสบความสำเร็จในอนาคต | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55495 | Retail | นักวิเคราะห์มองว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ | null | ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
1. ปัจจัยภายในประเทศ:
ความไม่แน่นอนทางการเมือง: ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
การชุมนุม: มีความเสี่ยงเกิดขึ้นจากการชุมนุม
เศรษฐกิจ: เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการชะลอตัว
2. ปัจจัยต่างประเทศ:
ดอกเบี้ย: ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เศรษฐกิจโลก: เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการชะลอตัว
สงครามการค้า: สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
โดยสรุป ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ มีทั้งปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง
นักวิเคราะห์มองว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็ว จะช่วยลดความไม่แน่นอนทางการเมือง และช่วยให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดคือ ดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลกดดันตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมี upside โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส มองว่า กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในวันนี้อยู่ที่ 1,520 – 1,545 จุด และนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า SET Index ในระยะสั้นนี้ยังมี Upside จำกัด โดยมีแนวต้าน 1,545 และ 1,555 จุด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์แนะนำให้ นักลงทุน ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
สำหรับกลุ่มค้าปลีก นักวิเคราะห์มองว่า ยังมีแนวโน้มเติบโต โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส มองว่า กลุ่มค้าปลีกน่าสนใจ ได้แก่ CRC, SCB และ SIRI
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์แนะนำให้ นักลงทุน เลือกหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่มีกลยุทธ์ที่ดี และสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้
เพิ่มเติม:
- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.5% ในปี 2566
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อปี 2566 จะอยู่ที่ 1.7% | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55496 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน นักธุรกิจและประชาชนทั่วไปควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด บริหารเงินอย่างรอบคอบ เก็บออมเผื่อไว้เผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น | null | เรื่อง: ทองคำ แกว่งตัว ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่ง เงินเฟ้อชะลอ
ณ ร้านทองคำเยาวลักษณ์
"ป้าทองคำคะ ทองคำวันนี้ขึ้นลงอย่างไรบ้างคะ?" หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามป้าทองคำ เจ้าของร้านทองคำเยาวลักษณ์ที่เธอมักมาอุดหนุนอยู่เสมอ...
"วันนี้ทองคำแกว่งตัวออกข้าง กรอบ 1,935-1,970 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อาจมีแรงเทขายทำกำไรบ้าง แต่โดยรวมตลาดผ่อนคลายลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี" ป้าทองคำตอบพลางชั่งทองคำแท่งให้ลูกค้ารายอื่น...
"ดีใจจังค่ะ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคค้าปลีกก็พุ่งด้วย ธุรกิจคงจะดีขึ้น" หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
"ใช่ค่ะ สัปดาห์ที่แล้วสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประกาศดัชนีความเชื่อมั่นภาคค้าปลีกอยู่ที่ 52.4 เพิ่มขึ้นจาก 50.8 ในไตรมาสก่อนหน้า แสดงว่าผู้ประกอบการมีความมั่นใจในธุรกิจมากขึ้น คาดว่ายอดขายปลีกจะดีขึ้นในไตรมาสนี้" ป้าทองคำอธิบาย
"แล้วเงินเฟ้อล่ะคะ ยังน่ากังวลไหม?" หญิงสาวถามต่อ
"เงินเฟ้อชะลอตัวลงแล้วค่ะ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" ป้าทองคำตอบ...
"ดีจังค่ะ ถ้าดอกเบี้ยไม่ขึ้นสูงมาก สินค้าคงไม่แพงขึ้นจนเกินไป" หญิงสาวพยักหน้า
"ใช่ค่ะ แต่ก็อย่าประมาทนะคะ เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ควรบริหารเงินอย่างรอบคอบ เก็บออมเผื่อไว้เผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน" ป้าทองคำแนะนำ
"ค่ะ ป้าทองคำสอนดีมากค่ะ วันนี้หนูขอซื้อทองคำแท่ง 1 บาทไว้เก็บสะสมค่ะ" หญิงสาวตัดสินใจซื้อทองคำแท่งเก็บไว้
"ได้ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ" ป้าทองคำยิ้มแย้มแจ่มใส... | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55499 | Retail | หลัก ESG ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยอย่างไร? อธิบายจากกรณีศึกษาของ 7 บริษัทที่ได้รับรางวัล CMMU – ESG AWARD | null | 1. ด้านสิ่งแวดล้อม
2. ด้านสังคม
3. ด้านกำกับดูแล
เหตุผล คือ:
หลัก ESG (Environment, Social, and Governance) กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกให้ความสนใจ ธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มีการวิเคราะห์ผลกระทบของหลัก ESG ต่อธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยใช้กรณีศึกษาจาก 7 บริษัทที่ได้รับรางวัล CMMU – ESG AWARD ครั้งแรกของประเทศไทย
ผลกระทบของหลัก ESG ต่อธุรกิจค้าปลีก:
หลัก ESG ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายๆ ด้าน ดังนี้:
1. ด้านสิ่งแวดล้อม: ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง เช่น
- การลดการใช้พลังงาน
- การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- และการสนับสนุนสินค้าที่ยั่งยืน
2. ด้านสังคม: ธุรกิจค้าปลีกต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมของธุรกิจ
ตัวอย่างเช่น:
- การสร้างโอกาสทางการจ้างงาน
- การส่งเสริมสิทธิแรงงาน
- การสนับสนุนชุมชน
- และการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างมีจริยธรรม
3. ด้านการกำกับดูแล: ธุรกิจค้าปลีกต้องมีระบบการกำกับดูแลที่ดี โปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
กรณีศึกษาจาก 7 บริษัท:
- จากกรณีศึกษาของ 7 บริษัทที่ได้รับรางวัล CMMU – ESG AWARD พบว่า บริษัทเหล่านี้ได้นำหลัก ESG มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนในหลายๆ รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น:
- บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน): บริษัทได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มากมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นผ่านโครงการต่างๆ เช่น การให้ทุนการศึกษา การสนับสนุนกิจกรรมกีฬา และการส่งเสริมด้านสุขภาพ
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน): ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยธนาคารได้กำหนดกลยุทธ์ ESG 12 ประการ ซึ่งครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านการกำกับดูแล ตัวอย่างเช่น ธนาคารได้ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อสีเขียว และส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศ
- บริษัท สยามซีเมนต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน): บริษัทได้นำหลัก ESG มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายต่างๆ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
- บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน): บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทได้ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นผ่านโครงการต่างๆ เช่น การให้ทุนการศึกษา การสนับสนุนกิจกรรมกีฬา และการส่งเสริม | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55500 | Retail | ราคาซอสศรีราชาขนาด 17 ออนซ์บน eBay เริ่มต้นตั้งแต่ราคาประมาณกี่บาทไทย | 1. 2,100 บาท
2. 2,400 บาท
3. 1,250 บาท
4. 33,600 บาท | ข้อที่ถูกต้องคือ 3. เพราะว่า เพราะราคาซอสศรีราชาขนาด 17 ออนซ์บน eBay เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 39.98 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,250 บาทไทย
มีผู้นำซอสพริกไปขายบน eBay ในราคาสูงเป็นหลักพัน โดยราคาซอสศรีราชาขนาด 17 ออนซ์บน eBay เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 39.98 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,250 บาท ส่วนราคาบน Amazon ยิ่งพุ่งสูงกว่าอีก เมื่อมีผู้ขายซอสศรีราชา 2 ขวดในราคา 124 ดอลลาร์ หรือตกขวดละประมาณ 2,100 บาทจากปกติที่ราคาราว 175 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้ขายรายหนึ่งบน eBay วางขายซอสพริกศรีราชาขนาด 28 ออนซ์ ในราคาเกือบ 70 ดอลลาร์หรือราว 2,400 บาทต่อขวด ยังมีผู้ขายรายหนึ่งขายซอสศรีราชาแบบเหมา 15 ขวดในราคาราว 33,600 บาท
Huy Fong Foods บริษัทผู้ผลิตซอสศรีราชาได้ประกาศให้ผู้บริโภครู้ถึงสถานการณ์ขาดแคลนพริกจากแหล่งเพาะปลูกในเม็กซิโก นิวเม็กซิโก และเมืองในรัฐแคลิฟอร์เนียในเดือนกรกฎาคมปี 2020 ก่อนที่จะประกาศว่าสถานการณ์แย่ลง จนทำให้บริษัทไม่สามารถผลิตสินค้าบางชนิดอย่างซอสพริกกระเทียม (Chili Garlic) ซอสพริกซัมบัล (Sambal Oelek) และสินค้าเด่นอย่างซอสพริกศรีราชา (Sriracha Hot Chili Sauce) ได้เมื่อเดือนเมษายน ปี 2022 | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55505 | Retail | ช่วยสรุปบทความ สยามพิวรรธน์ปลุกสำนึก สร้างการมีส่วนร่วมในระดับโลก ยกทัพกิจกรรมฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม | กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ไอซีเอส และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำจุดยืนองค์กรต้นแบบด้านการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน เดินหน้าจัดกิจกรรมฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เชิญชวนคนไทยตระหนักและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลก
นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าร่วมฟื้นฟู และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับทุกชีวิต ตลอดระยะเวลาการดำเนินการที่ผ่านมาเราได้บรรจุการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้เข้าไปอยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ
อาทิ แนวคิด Smart Building ที่มุ่งอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ โครงการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจรภายใต้ Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste ซึ่งต่อยอดไปสู่การสร้าง Recycle Collection Center จุดรับขยะแบบไดร์ฟทรูแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมยกระดับการสร้าง Eco Community ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งสนับสนุนโครงการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร และเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี | บริษัทสยามพิวรรธน์ เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำที่เป็นเจ้าของและผู้บริหารหลายบริษัท เช่น สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นพันธมิตรของไอคอนสยาม, ไอซีเอส, และสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ระบุการทำงานที่ยั่งยืน และเน้นกิจกรรมทางสิ่งแวดล้อม เชิญชวนคนไทยร่วมรักษาโลก
นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์, ประธานบริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด รายงานว่า บริษัทให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในธุรกิจ เน้นด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการฟื้นฟูและส่งต่อโลกที่น่าอยู่
บริษัทมีแนวคิด Smart Building เพื่ออนุรักษ์พลังงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในศูนย์การค้า โครงการจัดการขยะ Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste รวมถึงการสร้าง Recycle Collection Center และ Eco Community ยังสนับสนุนโครงการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55508 | Retail | โมเดลธุรกิจของ Conicle เหมาะกับการนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีก (retail) หรือไม่? | null | ใช่ โมเดลธุรกิจของ Conicle เหมาะกับการนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีก (retail) ดังนี้
เหตุผลสนับสนุน:
1. การพัฒนาทักษะพนักงาน:
ธุรกิจค้าปลีกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และกฎระเบียบอยู่เสมอ
พนักงานจำเป็นต้องพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
โซลูชันการเรียนรู้ของ Conicle ช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะใหม่
พัฒนาทักษะที่มีอยู่ และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป
2. ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดึงดูดใจ:
ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ
ประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจและสนุกสนานสามารถช่วยเพิ่มแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน
Conicle นำเสนอฟีเจอร์ gamification และฟังก์ชันการเรียนรู้แบบโซเชียล
ช่วยให้พนักงานมีส่วนร่วมกับเนื้อหาการเรียนรู้และเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การวิเคราะห์ข้อมูล:
ธุรกิจค้าปลีกต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการเรียนรู้ของพนักงาน
Conicle นำเสนอแดชบอร์ดการวิเคราะห์
ช่วยให้ผู้จัดการสามารถติดตามความคืบหน้าของพนักงาน ระบุจุดอ่อน และปรับกลยุทธ์การฝึกอบรมได้
ตัวอย่าง:
พนักงานขายในร้านสะดวกซื้อสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
พนักงานแคชเชียร์สามารถพัฒนาทักษะการบริการลูกค้า
ผู้จัดการสามารถติดตามความคืบหน้าของพนักงานในการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย
4. การเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา:
พนักงานในธุรกิจค้าปลีกมักทำงานนอกสถานที่
โซลูชันการเรียนรู้แบบออนไลน์ของ Conicle ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ตามจังหวะของตนเองและปรับให้เข้ากับตารางงานที่ยุ่ง
5. การปรับแต่ง:
ธุรกิจค้าปลีกแต่ละแห่งมีเป้าหมายและความต้องการเฉพาะ
Conicle นำเสนอโซลูชันที่ปรับแต่งได้
ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโปรแกรมการเรียนรู้ที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของตน
อย่างไรก็ตาม:
ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องประเมินความต้องการของตนก่อนตัดสินใจเลือกโซลูชันการเรียนรู้
โซลูชันการเรียนรู้ของ Conicle อาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด
สรุป: โมเดลธุรกิจของ Conicle นำเสนอคุณสมบัติที่เหมาะกับธุรกิจค้าปลีกหลายประการ
การพัฒนาทักษะพนักงาน
ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดึงดูดใจ
การวิเคราะห์ข้อมูล
การเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
การปรับแต่ง | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55509 | Retail | ช่วยสรุปเรื่อง "คนหันไปซื้อชุดอยู่บ้านมากขึ้น เพราะโอไมครอนระบาด" ให้หน่อยค่ะ | โควิดสายพันธุ์โอไมครอนระบาด ทำยอดขายชุดออกงานตก คนหันไปซื้อชุดอยู่บ้านกันมากขึ้น เพราะต้อง Work From Home ต่อไป ออกไปไหนไม่ได้ ตั้งแต่โควิด-19 ระบาด หลายๆ คนคงไม่ได้มีโอกาสซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปข้างนอกมากนัก กลับกันก็ซื้อชุดอยู่บ้านมากขึ้นเพราะในเมื่อไม่ได้ออกไปไหนก็ต้องหาเสื้อผ้าใส่สบายๆ อยู่บ้านกันสักชุดสองชุด แถมล่าสุด ก็เกิดการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนอีก ตั้งแต่โควิด-19 ระบาด หลายๆ คนคงไม่ได้มีโอกาสซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปข้างนอกมากนัก กลับกันก็ซื้อชุดอยู่บ้านมากขึ้นเพราะในเมื่อไม่ได้ออกไปไหนก็ต้องหาเสื้อผ้าใส่สบายๆ อยู่บ้านกันสักชุดสองชุด แถมล่าสุด ก็เกิดการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนอีก เรื่องนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ว่า ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าใส่อยู่บ้านมากขึ้น ซื้อเสื้อผ้าออกงานลดลง เรื่องนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ว่า คนซื้อชุดอยู่บ้านมากขึ้น ซื้อชุดออกงานน้อยลง ในเรื่องนี้ Helen Dickinson ประธานสมาคมค้าปลีกอังกฤษ ระบุเองว่าในปี 2021 “ชุดอยู่บ้านได้กลับมาเป็นแฟชั่น เนื่องด้วยหลายคนเตรียมพร้อมสำหรับการควบคุมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” ในเรื่องนี้ ระบุเองว่าในปี 2021 “ชุดอยู่บ้านได้กลับมาเป็นแฟชั่น เนื่องด้วยหลายคนเตรียมพร้อมสำหรับการควบคุมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” Helen Dickinson เสริมว่า “คำแนะนำ (จากรัฐบาล) ในการกลับมา Work From Home และเลี่ยงการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองคริสต์มาส ทำให้ยอดขายเสื้อผ้าทางการโตช้าลง” เสริมว่า “คำแนะนำ (จากรัฐบาล) ในการกลับมา Work From Home และเลี่ยงการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองคริสต์มาส ทำให้ยอดขายเสื้อผ้าทางการโตช้าลง” หากเราลองมองดูตัวเลขก็จะพบว่า ชุดอยู่บ้าน เติบโตอย่างรวดเร็วจริงๆ อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ 1 ปี CITY A.M. รายงานว่า ยอดจำหน่ายชุดอยู่บ้านเติบโตกว่า 1,303% หรือกว่า 13 เท่า ในปี 2020 หากเราลองมองดูตัวเลขก็จะพบว่า ชุดอยู่บ้าน เติบโตอย่างรวดเร็วจริงๆ อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ 1 ปี CITY A.M. รายงานว่า หรือกว่า 13 เท่า ในปี 2020 โอไมครอนเป็นเหตุ ผลักให้คนอยู่บ้านอีกครั้ง สาเหตุที่ทำให้เทรนด์ชุดอยู่บ้านยังจะอยู่กับเราไปอีกสักพัก คือ การระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้จากที่ผู้คนเตรียมซื้อเสื้อผ้าสำหรับการเฉลิมฉลองปลายปี ก็ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง ส่วนกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆ ก็ถูกยกเลิกไปไม่น้อย สาเหตุที่ทำให้เทรนด์ชุดอยู่บ้านยังจะอยู่กับเราไปอีกสักพัก คือ การระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้จากที่ผู้คนเตรียมซื้อเสื้อผ้าสำหรับการเฉลิมฉลองปลายปี ก็ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง ส่วนกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆ ก็ถูกยกเลิกไปไม่น้อย ทั้งนี้ ในประเทศไทยก็พบการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนเช่นกัน โดยในวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา ก็พบการติดเชื้อภายในประเทศครั้งแรก ส่วนรัฐบาลก็ออกมาตรการต่างๆ เช่น ยกเลิก Test & Go ส่วนภาคเอกชนก็มีแนวโน้มกลับมาทำงานแบบ Work From Home กันอีกครั้ง ทั้งนี้ ในประเทศไทยก็พบการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนเช่นกัน โดยในวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา ก็พบการติดเชื้อภายในประเทศครั้งแรก ส่วนรัฐบาลก็ออกมาตรการต่างๆ เช่น ยกเลิก Test & Go ส่วนภาคเอกชนก็มีแนวโน้มกลับมาทำงานแบบ Work From Home กันอีกครั้ง Work from Home ทำ Gap ยอดขายเติบโต เพราะผู้บริโภคต้องการเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย Work from Home ทำ Gap ยอดขายเติบโต เพราะผู้บริโภคต้องการเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย | Helen Dickinson ประธานสมาคมค้าปลีกอังกฤษบอกว่า การกลับมา Work From Home และเลี่ยงการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองคริสต์มาสในช่วงการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้ยอดขายเสื้อผ้าทางการโตช้า แต่ยอดจำหน่ายชุดอยู่บ้านเติบโตกว่า 13 เท่า จึงทำให้เทรนด์ชุดอยู่บ้านยังอยู่กับเราไปอีกสักพัก ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าใส่อยู่บ้านมากขึ้น แต่จะซื้อเสื้อผ้าออกงานลดลง | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55512 | Retail | สรุปบทความ สมาคมค้าปลีกแนะทำ ช้อปดีมีคืน อีกรอบ แต่เพิ่มวงเงินเป็น 2 แสนบาท ให้หน่อย | สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยผลสำรวจผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ ว่า ธุรกิจต่าง ๆ เห็นด้วยที่จะเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ เพราะมีนักท่องเที่ยวมาช่วยจับจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะดีกว่านั้นถ้าเอาโครงการ ช้อปดีมีคืน กลับมา ค้าปลีก ชี้ เปิดประเทศมีแต่ผลดี ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของสมาคมฯ กับ ผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย เกี่ยวกับการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. 2021 ส่วนใหญ่เห็นชอบกับการตัดสินใจของรัฐครั้งนี้ เนื่องจากเป็นสัญญาณดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว แต่สมาคมฯ ต้องการให้รัฐเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรการสาธารณสุข และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อย่างจริงจัง พร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรภายในปี 2021 และหาวัคซีนที่มีคุณภาพ เพียงพอต่อการใช้งาน ขณะเดียวกัน เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศอีกทาง สมาคมฯ ต้องการให้รัฐนำโครงการ ช้อปดีมีคืน กลับมาในช่วงปลายปีเหมือนกับปีก่อนหน้านี้ แต่อยากให้เพิ่มวงเงินเป็น 2 แสนบาท เพื่อให้กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงออกมาใช้จ่าย ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นให้ฟื้นตัว นอกจากนี้ สมาคมฯ ต้องการให้รัฐจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ต่อชีวิตให้ SME ไทย หรือเสาหลักของเศรษฐกิจ ให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ส่วนฝั่งผู้บริโภค สมาคมฯ อยากให้ปรับแนวคิดในการใช้ชีวิตร่วมกับโรค COVID-19 ให้ได้ ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related สมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาด ช้อปดีมีคืน ปี 2565 ทำเงินสะพัด 40,000-50,000 ล้านบาท In "News" ค้าปลีกโอด เดือน ธ.ค. ขายไม่ปัง ยอดต่อบิลเพิ่มเพราะเงินเฟ้อ จี้รัฐคุมโอมิครอนให้สำเร็จ In "News" Makro-Lotus’s เพิ่มทุน 50,000 ล้านบาท สำเร็จ ขึ้นแท่น ค้าส่ง-ค้าปลีก-ออนไลน์ เบอร์ 1 เอเชีย In "News" | ผลสำรวจของสมาคมฯ กับ ผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย เกี่ยวกับการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. 2021 ส่วนใหญ่เห็นชอบกับการตัดสินใจของรัฐ โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องเตรียมความพร้อมและควบคุมการแพร่ของCOVID-19
และเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย สมาคมฯ ต้องการให้รัฐนำโครงการ ช้อปดีมีคืน กลับมา โดยเพิ่มวงเงินเป็น 2 แสนบาท เพื่อให้กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงออกมาใช้จ่าย | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55513 | Retail | กลยุทธ์การขยายธุรกิจรีเทลของสยามพิวรรธน์ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมีประสิทธิภาพอย่างไร? อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ | null | 1. ความสำเร็จของ ICONCRAFT บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน
การใช้ KOLs สยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการนำ "KOLs" หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือในประเทศจีน มาช่วยไลฟ์สตรีมมิ่ง (Livestreaming) ขายสินค้าแบรนด์ ICONCRAFT บนแพลตฟอร์มเวยป๋อ (Weibo) และเถาเป่า (Taobao) กลยุทธ์นี้ดึงดูดผู้ชมมากกว่า 270,000 คน และทำให้ยอดขายสินค้าทะลุเป้าหมายภายใน 1 ชั่วโมง 30%
2. การขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ
การเข้าร่วมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน สยามพิวรรธน์ นำแบรนด์ ICONCRAFT, Ecotopia และเครื่องสำอางจองแซมมุล เข้าร่วมเป็นร้านค้าทางการบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนยอดนิยมอย่าง Shopee International Platform และ Lazada Global กลยุทธ์นี้ช่วยให้ลูกค้าจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย สามารถค้นหาและสั่งซื้อสินค้าเหล่านี้ผ่านแพลตฟอร์ม Shopee ในประเทศของตนเองได้
3. การผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
การส่งเสริมการขายแบบ O2O สยามพิวรรธน์ นำเสนอสินค้าจากไอคอนคราฟต์ ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเลือกซื้อสินค้าจริงได้ที่ไอคอนสยามและสยามดิสคัฟเวอรี่ กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งให้กับลูกค้า และดึงดูดลูกค้าทั้งกลุ่มที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์
4. การนำเสนอสินค้าที่มีเอกลักษณ์
การเน้นสินค้าไทย สยามพิวรรธน์ มุ่งเน้นนำเสนอสินค้าไทยที่มีเอกลักษณ์และความเป็นไทย ผ่านแบรนด์ ICONCRAFT กลยุทธ์นี้ช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศ และสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย
5. การวิเคราะห์ข้อมูล
การติดตามผลลัพธ์ สยามพิวรรธน์ ติดตามผลลัพธ์จากกลยุทธ์การขยายธุรกิจรีเทลผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่างใกล้ชิด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยสรุป
กลยุทธ์การขยายธุรกิจรีเทลของสยามพิวรรธน์ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมีประสิทธิภาพอย่างมาก กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย กลยุทธ์นี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55526 | Retail | อะไรคือกลยุทธ์ที่ freshket ใช้ในการขยายธุรกิจในกลุ่ม HoReCa? | null | กลยุทธ์ที่ freshket ใช้ในการขยายธุรกิจในกลุ่ม HoReCa:
1. นำเทคโนโลยีด้าน Supply Chain มาช่วยเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร:
- freshket ใช้ระบบออนไลน์เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการในกลุ่ม HoReCa สั่งซื้อวัตถุดิบได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
- freshket มีระบบจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงเวลา
- freshket มีระบบการติดตามสินค้าที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งสินค้าได้
2. เสนอราคาที่ competitive:
- freshket มีทีมงานที่คอยติดตามราคาสินค้าในตลาด และเสนอราคาที่ competitive ให้กับผู้ประกอบการในกลุ่ม HoReCa
- freshket มีโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ อยู่เสมอ
3. มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าที่ดี:
- freshket มีทีมงาน Customer Service ที่คอยให้คำปรึกษาและตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
- freshket มีระบบการรับคืนสินค้าที่สะดวก
4. ร่วมมือกับ OR:
- freshket จัดตั้งจุดกระจายสินค้าในสถานีบริการ PTT Station
- freshket ร่วมมือกับ OR ในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ
โดยสรุป: กลยุทธ์ที่ freshket ใช้ในการขยายธุรกิจในกลุ่ม HoReCa ประกอบไปด้วย การนำเทคโนโลยีด้าน Supply Chain มาช่วยเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร เสนอราคาที่ competitive มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าที่ดี และร่วมมือกับ OR
ผลลัพธ์:
- freshket สามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม HoReCa ได้อย่างรวดเร็ว
- freshket ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการในกลุ่ม HoReCa
- freshket เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา
อนาคต:
- freshket มีแผนที่จะขยายธุรกิจในกลุ่ม HoReCa อย่างต่อเนื่อง
- freshket มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ สำหรับกลุ่ม HoReCa
- freshket มีแผนที่จะร่วมมือกับ OR ในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55531 | Retail | ช่วยสรุปเรื่อง "Origin Infinity" ให้หน่อยค่ะ | สำหรับแผนงาน Origin Infinity ประกอบด้วยการขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การขยายสินค้าและบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (Nationwide Serve) ยกทัพธุรกิจในเครือกระจายสู่ต่างจังหวัดเพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น (Better Living) ให้แก่คนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เริ่มจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่แบบ All Time High รวมทั้งสิ้น 42 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 22 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,500 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรร 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน จะเริ่มพัฒนาโครงการโรงแรม อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าใหม่ในปีนี้ มูลค่า REIT ประมาณการรวม 25,500 ล้านบาท โครงการกลุ่มโลจิสติกส์และคลังสินค้า (Logistics & Warehouse)มูลค่า REIT ประมาณการรวม 4,500 ล้านบาท พร้อมทยอยนำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในเครือบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจบริการสุขภาพภายใต้ออริจิ้น เฮลท์แคร์ ไปให้บริการในต่างจังหวัดด้วย “ไฮไลต์ของปีนี้ คือการนำหลายแบรนด์ที่เราไม่ได้เปิดตัวมาระยะหนึ่ง กลับมาร่วมบุกตลาดเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าหลากเซ็กเมนท์และสอดคล้องกับสภาพความต้องการของตลาดในปีนี้ อาทิ แบรนด์ดิ ออริจิ้น กลับมาเจาะตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อคน Gen Z และกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานหรือ First Jobber แบรนด์เบลกราเวีย กลับมาเจาะตลาดบ้านเดี่ยวลักชัวรีรองรับดีมานด์หลากทำเล ขณะเดียวกัน ปีนี้จะมีการบุกไปยังจังหวัดใหม่ๆ ที่เราไม่เคยไปบุกมาก่อน รวมถึงมีโครงการไฮไลต์ เป็นโครงการมิกซ์ยูส กระจายตัวในหัวเมืองใหญ่หลายจังหวัด เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช ผสมผสานหลากหลายสูตร เช่น บ้าน คอนโด โรงแรม ศูนย์การค้า บริการสุขภาพ ต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา และออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง”
นายพีระพงศ์ กล่าว 2.การขยายจักรวาลธุรกิจใหม่ให้มีเส้นทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง (Multiverse Expansion) มุ่งพัฒนาช่วงชีวิตที่ดีขึ้น (Better Lifetime) ต่อยอดจากแผน Origin Multiverse ในปี 2565 ด้วยการขยายธุรกิจนอกเหนือจากที่อยู่อาศัยให้มีเส้นทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมการดูแลคนทุกเจเนอเรชั่น ทุกช่วงจังหวะของชีวิต ตั้งแต่ยังโสด เพิ่งแต่งงาน ครอบครัวขยายตัว จนเกษียณอายุ ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นำพาบริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจใหม่ๆ เติบโตเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องปีละ 1 บริษัท หลังจากนำบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เข้าตลาดได้แล้วในปี 2564 และ 2565 (ตามลำดับ) ตามแผนงาน ในปี 2566 มีแผนส่งบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เป็นธุรกิจถัดไป ตามด้วยบริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด และบริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด โดยวัน ออริจิ้น จะมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ในปีนี้ทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มเฮลท์แคร์จะเริ่มวางรากฐานเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ อาทิ คลินิกทันตกรรม คลินิกความงาม คลินิกสัตว์เลี้ยง คลินิกเส้นผม กระจายตัวไปพร้อมกับโครงการที่อยู่อาศัยและมิกซ์ยูสเครือออริจิ้น โดยมีแผนเปิดสาขารวมทั้งหมด 25 แห่งในสิ้นปี 2566 3.การดูแลสังคม (Social Attention) ร่วมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น (Better Society) ได้แก่ ด้านการพัฒนาบุคลากร (Talent Development)จับมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ สร้าง Origin Valley ร่วมกับสถาบันการศึกษานั้นๆ เพื่อเป็นพื้นที่พัฒนาทักษะคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความสามารถที่ตรงกับความต้องการขององค์กรและตลาดแรงงาน รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาบุคลากรในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ที่มีมากกว่า 3,000 คน ให้พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้านการพัฒนาชุมชน (Community Development) ดำเนินโครงการ Origin Give เพื่อสร้างโอกาสและส่งมอบสิ่งดีๆ แก่ชุมชน อาทิ การมอบทุนการศึกษา การมอบอุปกรณ์การแพทย์ การลงพื้นที่พัฒนาโรงเรียน ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ร่วมเดินหน้าแผน Net-Zero Emission 2044 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ อาทิ การออกแบบโครงการที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณขยะ การลดใช้ไฟฟ้าทั้งในออฟฟิศและสำนักงานขาย การเริ่มติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger ในโครงการใหม่ๆ | Origin Infinity เป็นแผนงานของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบด้วยการขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.การขยายสินค้าและบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ กระจายธุรกิจสู่ต่างจังหวัดเพื่อพัฒนาชีวิตที่ดีขึ้น นำหลายแบรนด์ที่ไม่ได้เปิดตัวมาระยะหนึ่ง กลับมาบุกตลาดเพื่อครอบคลุมลูกค้าหลากเซ็กเมนท์และสอดคล้องกับสภาพความต้องการตลาด
2.การขยายจักรวาลธุรกิจใหม่ให้มีเส้นทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมการดูแลคนทุกเจเนอเรชั่น ทุกแพลตฟอร์ม นำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีละ 1 บริษัท
3. การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55542 | Retail | จากข้อมูลข้างต้น กลยุทธ์การตลาดแบบใดที่เหมาะสมกับร้านค้าในศูนย์การค้า Platinum มากที่สุด? | null | ใช่ กลยุทธ์การตลาดแบบ "มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าต่างชาติ" เหมาะสมกับร้านค้าในศูนย์การค้า Platinum มากที่สุด
เหตุผล:
1. ลูกค้าหลัก:
ข้อมูลจากร้านค้าทุกแห่งใน Platinum ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าหลักคือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยเฉพาะชาวอินโดนีเซีย อินเดีย อาหรับ จีน สิงคโปร์
ลูกค้าไทยมีสัดส่วนน้อย
2. สินค้า:
ร้านค้าส่วนใหญ่จำหน่ายสินค้าที่ โดดเด่น คู่แข่งน้อย
ไม่ใช่สินค้าจำเป็นต่อการใช้ชีวิต
เหมาะกับการซื้อเป็นของฝาก
3. พฤติกรรมการซื้อ:
ลูกค้าต่างชาติมักซื้อสินค้าจำนวนหลายชิ้น
ซื้อทั้งแบบปลีกและส่ง
ชอบซื้อสินค้าออนไลน์
กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม:
1. เน้นการสื่อสารภาษาต่างประเทศ:
พนักงานขายควรมีความสามารถในการสื่อสารภาษาต่างประเทศ
ป้ายราคาและสื่อโฆษณาควรมีภาษาต่างประเทศ
เตรียมเอกสารประกอบสินค้าเป็นภาษาต่างประเทศ
2. เน้นช่องทางการตลาดออนไลน์:
สร้างเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
โฆษณาออนไลน์
เสนอขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
3. เสนอโปรโมชั่นดึงดูดใจนักท่องเที่ยว:
เสนอส่วนลดพิเศษ
เสนอของขวัญแถม
เสนอบริการรับส่งสินค้า
4. เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดี:
บริการที่ดีเยี่ยม
บรรยากาศร้านค้าที่น่าดึงดูด
ความสะดวกสบายในการช้อปปิ้ง
5. พัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า:
ติดตามเทรนด์แฟชั่น
เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ
ออกแบบสินค้าให้เหมาะกับสรีระของลูกค้า
ตัวอย่าง:
ร้านเครื่องประดับสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีภาษาไทย อังกฤษ อินโดนีเซีย และฮินดี
ร้านแว่นตาสามารถโฆษณาบน Facebook และ Instagram
ร้านขายเสื้อเชิ้ตสามารถเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม:
ร้านค้าควรปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสินค้าและกลุ่มลูกค้า
ควรติดตามเทรนด์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
สรุป:กลยุทธ์การตลาดแบบ "มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าต่างชาติ" จะช่วยให้ร้านค้าใน Platinum ประสบความสำเร็จ | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55552 | Retail | กลยุทธ์ของ Malaysia Halal Pavilion ในการขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยมีอะไรบ้าง? | null | Malaysia Halal Pavilion วางกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศไทย ดังนี้:
1. เน้นความหลากหลายของสินค้า:
-นำเสนอสินค้าฮาลาลจากมาเลเซียหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
-เน้นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล
-นำเสนอสินค้าฮาลาลที่แปลกใหม่ ตอบโจทย์เทรนด์การบริโภค
2. เจาะกลุ่มเป้าหมาย:
-มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้ามุสลิมในประเทศไทย
-ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนทั่วไปที่สนใจสินค้าฮาลาล
-เน้นกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าออนไลน์
3. เพิ่มช่องทางการจำหน่าย:
-จำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม Shopee
-จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมชั่น
-ร่วมมือกับ influencer เพื่อโปรโมทสินค้า
4. พัฒนาระบบการบริการ:
-พัฒนาระบบการสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินออนไลน์ที่สะดวก
-พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าที่มีความรวดเร็วและปลอดภัย
-นำเสนอบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ
5. สร้างความมั่นใจในสินค้าฮาลาล:
-เน้นย้ำถึงมาตรฐานการรับรองฮาลาลของสินค้า
-ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าฮาลาลแก่ลูกค้า
-จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
ตัวอย่างกลยุทธ์ของ Malaysia Halal Pavilion:
- ร่วมมือกับ Shopee จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสินค้าฮาลาล
-จัดกิจกรรม livestreaming เพื่อแนะนำสินค้าฮาลาล
-จัดเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการปรุงอาหารฮาลาล
บทสรุป:
Malaysia Halal Pavilion มุ่งเน้นกลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศไทย เน้นสินค้าที่มีคุณภาพ บริการที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจในสินค้าฮาลาล | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55562 | Retail | กลยุทธ์การกระจายสินค้าแบบผสมผสาน (Omnichannel) ของ CASETiFY ส่งผลต่อยอดขายและการสร้างแบรนด์อย่างไร? อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ | null | 1. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า: CASETiFY มีช่องทางการเข้าถึงลูกค้าหลากหลายทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ร้านค้าปลีก CASETiFY Studio และ Pop-Up Store กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะพบเห็นสินค้าและตัดสินใจซื้อ
2. เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง: CASETiFY มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและสะดวกสบาย ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสินค้า ค้นหารุ่นที่เหมาะกับตัวเอง และสั่งซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ ยังมีบริการ Click & Collect ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และไปรับสินค้าที่ร้าน CASETiFY Studio ได้
3. สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า: CASETiFY ใช้ช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เช่น การจัดกิจกรรม การประกวดออกแบบเคส การแชร์ไอเดีย กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า สร้างแบรนด์ และเพิ่มการจดจำสินค้า
4. เพิ่มยอดขาย: กลยุทธ์การกระจายสินค้าแบบผสมผสาน ช่วยให้ CASETiFY เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น เพิ่มโอกาสในการขาย และส่งผลต่อยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่าง:
CASETiFY มีรายได้รวมกว่า 125 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 และมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) สูงถึง +70% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การกระจายสินค้าแบบผสมผสาน ช่วยให้ CASETiFY มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
CASETiFY มีร้านค้าปลีก CASETiFY Studio 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 100 แห่งภายในปี 2025 แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จ ดึงดูดลูกค้า และสร้างยอดขาย
CASETiFY เป็นแบรนด์อุปกรณ์เสริมไอทีที่มีการค้นหาอันดับ 1 ของโลก อ้างอิง Google Trends แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์นี้ช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ และดึงดูดลูกค้า
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การกระจายสินค้าแบบผสมผสาน ยังมีข้อจำกัดดังนี้:
การจัดการช่องทางการขาย: การจัดการช่องทางการขายหลายช่องทาง อาจเป็นเรื่องยาก จำเป็นต้องมีระบบและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี
การแข่งขัน: ตลาดอุปกรณ์เสริมไอทีมีการแข่งขันสูง CASETiFY จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ดึงดูดใจลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าไว้ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55567 | Retail | การจับมือกันระหว่าง เจ้าสัว และ ห้าดาว เป็นการ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" กลยุทธ์ที่ชาญฉลาด? | null | ใช่ เหตุผล คือ
1. การขยายฐานลูกค้า
-เจ้าสัว มุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบไก่ย่างห้าดาว
-ห้าดาว มุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบขนมขบเคี้ยว
2. การสร้างความแตกต่าง
-ข้าวตังมินิไก่หยอง สูตรไก่ย่างห้าดาว เป็นสินค้าใหม่ที่มีรสชาติ
-ช่วยให้ เจ้าสัว และ ห้าดาว แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
3. การเสริมสร้างจุดแข็ง
-เจ้าสัว มีจุดแข็งด้านการผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว
-ห้าดาว มีจุดแข็งด้านแบรนด์ไก่ย่างที่ได้รับความนิยม
4. การใช้ประโยชน์จากกระแส
-ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยมีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
-ผู้บริโภคมีความสนใจในสินค้าที่มีรสชาติใหม่ ๆ
5. การลดความเสี่ยง
-การจับมือกันช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
-ช่วยให้ เจ้าสัว และ ห้าดาว สามารถรับมือกับการแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ยังมีความเสี่ยงบางประการ
-ผู้บริโภคอาจไม่ชอบรสชาติของ ข้าวตังมินิไก่หยอง สูตรไก่ย่างห้าดาว
-คู่แข่งอาจสินค้าใหม่ที่มีรสชาติคล้ายคลึงกัน
-การบริหารจัดการความร่วมมืออาจเกิดปัญหา
เพื่อให้กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จ เจ้าสัว และ ห้าดาว ควร
-ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
-พัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
-บริหารจัดการความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การจับมือกันระหว่าง เจ้าสัว และ ห้าดาว เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด แต่ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55568 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ธุรกิจออนไลน์มีการแข่งขันสูง พ่อค้าออนไลน์ต้องหาจุดเด่นและสร้างกลยุทธ์ที่แตกต่าง | null | ร้านของเล่นริมทาง: บททดสอบของพ่อค้าออนไลน์
ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ พ่อค้าวัยกลางคนนั่งอยู่หน้าร้านของเล่นริมทาง เหงื่อไหลอาบใบหน้า ร้านของเขาเต็มไปด้วยของเล่นหลากหลายชนิด ตุ๊กตาหมี รถยนต์บังคับวิทยุ เกมกระดาน เรียงรายบนชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ แต่บรรยากาศดูเงียบเหงา ไร้ลูกค้ามาอุดหนุน
ชายคนนี้ชื่อ "ลุงสมชาย" อดีตพนักงานบริษัทที่ผันตัวมาขายของเล่นออนไลน์ ด้วยความหลงใหลในของเล่นและความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ลุงสมชายทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ศึกษาเทคนิคการขายออนไลน์ โพสต์รูปสินค้าอย่างสวยงาม เขียนคำอธิบายอย่างละเอียด ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว แต่ยอดขายกลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
ในขณะที่ร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ เสนอราคาสินค้าที่ถูกกว่า มีโปรโมชั่นล่อตาล่อใจ แถมยังมีบริการจัดส่งฟรี ลุงสมชายสู้กับพวกเขาได้ยาก ลำพังแค่ค่าเช่าพื้นที่หน้าร้าน ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว
"ทำไมนะ? ทำไมคนถึงไม่ซื้อของเล่นกับเรา?" ลุงสมชายครุ่นคิด หาคำตอบอยู่หลายวัน เขาพยายามวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า สังเกตว่าเด็กๆ สมัยนี้ชอบเล่นอะไร พวกเขาใช้เวลาว่างกับอะไร
ในที่สุด ลุงสมชายก็ค้นพบคำตอบ เด็กๆ สมัยนี้ติดมือถือ เล่นเกมออนไลน์มากกว่าเล่นของเล่นแบบดั้งเดิม ร้านของเล่นออนไลน์ใหญ่ๆ เข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้ง่ายกว่า เพราะมีช่องทางการโปรโมทที่หลากหลาย มี Influencer มารีวิวสินค้า
ลุงสมชายถอนหายใจ ล้มเลิกความฝันที่จะเป็นพ่อค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ เตรียมเก็บร้าน ปิดกิจการ แต่แล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน สายตาของเธอมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เธอชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่แล้วพูดว่า "คุณลุงคะ หนูอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ค่ะ"
ลุงสมชายยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจที่ได้ขายของเล่นให้กับเด็กอีกครั้ง เขาถามเด็กหญิงว่า "หนูมาที่นี่ได้ยังไง?"
เด็กหญิงตอบว่า "หนูเห็นป้ายร้านของคุณลุงตอนเดินผ่านมา รู้สึกอยากเข้ามาดูค่ะ"
ลุงสมชายถึงบางอ้อ เขาละเลยช่องทางการโปรโมทร้านแบบออฟไลน์ไปสิ้นเชิง เขาไม่เคยทำป้ายร้านให้ใหญ่และชัดเจน ไม่เคยประชาสัมพันธ์ร้านในชุมชน
หลังจากวันนั้น ลุงสมชายตัดสินใจปรับกลยุทธ์ใหม่ เขาทำป้ายร้านใหม่ให้ใหญ่และสวยงาม แจกใบปลิวในชุมชน โพสต์รูปสินค้าในเฟซบุ๊กกลุ่มคนในพื้นที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ยอดขายเริ่มดีขึ้น ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาซื้อของเล่น
ลุงสมชายเรียนรู้บทเรียนสำคัญจากประสบการณ์ครั้งนี้ เขาเข้าใจว่าธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์สามารถอยู่ร่วมกันได้ การผสมผสานกลยุทธ์ทั้งสองแบบเข้าด้วยกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55569 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ผู้หญิงมีศักยภาพและความสามารถไม่แพ้ผู้ชาย | null | พลังหญิง ขับเคลื่อนธุรกิจ: เรื่องราวจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ เสียงเพลงไพเราะ และสินค้าหลากหลายที่เรียงรายอยู่บนชั้นวาง ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของกรุงเทพฯ กำลังคึกคักไปด้วยผู้คน น้อยคนจะทราบว่า เบื้องหลังความสำเร็จของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้หญิงเก่งมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ คุณกานดา ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล หญิงแกร่งวัย 40 ปี ที่ทุ่มเทให้กับเซ็นทรัลมาตลอด 15 ปี เธอเริ่มต้นทำงานที่นี่ในฐานะพนักงานขายธรรมดา ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม คุณกานดาจึงก้าวหน้าในสายงานอย่างรวดเร็ว ขึ้นเป็นหัวหน้าแผนก และในที่สุดก็ได้เป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ในตำแหน่งนี้ คุณกานดามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายความหลากหลายและครอบคลุม (Diversity & Inclusion) ของเซ็นทรัล เธอเชื่อมั่นว่า พนักงานที่มีความหลากหลายด้านเพศ วัฒนธรรม และประสบการณ์ จะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่สร้างสรรค์ กระตุ้นการแลกเปลี่ยนความคิด และนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น
นโยบายของเซ็นทรัลจึงให้ความสำคัญกับการจ้างงานผู้หญิง โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้นำ คุณกานดาริเริ่มโครงการพัฒนาศักยภาพผู้หญิง ส่งเสริมให้ผู้หญิงมีโอกาสเรียนรู้ ทักษะใหม่ และก้าวหน้าในสายงาน
คุณนวล พนักงานขายแผนกเครื่องสำอาง คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนของนโยบายนี้ นวลเคยเป็นแม่บ้านเต็มเวลา เธอตัดสินใจสมัครงานที่เซ็นทรัลด้วยความหวังที่จะหาเงินช่วยครอบครัว
ในตอนแรก นวลรู้สึกกังวล เพราะเธอขาดประสบการณ์การทำงาน แต่คุณกานดาเห็นแววความมุ่งมั่นและทักษะการบริการที่ดีในตัวนวล เธอจึงได้รับโอกาสเข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้หญิง นวลเรียนรู้ทักษะการขาย การสื่อสาร และการให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ
ด้วยความตั้งใจและความพยายาม นวลก้าวขึ้นเป็นพนักงานขายที่ยอดเยี่ยม ลูกค้าต่างชื่นชมในบริการของเธอ และนวลก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง
คุณมิน หัวหน้าแผนกการตลาด เป็นอีกหนึ่งผู้หญิงเก่งของเซ็นทรัล เธอมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าลอง และสามารถนำกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ มาใช้กับเซ็นทรัลได้อย่างประสบความสำเร็จ
มินเคยเผชิญกับอคติจากเพื่อนร่วมงานชายบางคน ที่มองว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับงานด้านการตลาด แต่เธอไม่เคยย่อท้อ มินพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ผู้หญิงก็สามารถทำงานได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย
เรื่องราวของ คุณกานดา คุณนวล และคุณมิน เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของพลังหญิงที่ขับเคลื่อนธุรกิจเซ็นทรัลให้ประสบความสำเร็จ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55571 | Retail | รางวัล SET Awards 2022 มีรางวัลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีกหรือไม่? | null | ใช่ จากข้อมูลเกี่ยวกับรางวัล SET Awards 2022 มีการมอบรางวัลใน 2 กลุ่มใหญ่ คือ BUSINESS EXCELLENCE และ SUSTAINABILITY EXCELLENCE
ในกลุ่ม BUSINESS EXCELLENCE มีรางวัลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก ดังนี้
-Best Company Performance Awards: มอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น แบ่งตามระดับทุนจดทะเบียน
-Best CEO Awards: มอบให้กับ CEO ของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลงานโดดเด่น
--Best Investor Relations Awards: มอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีการสื่อสารกับนักลงทุนดีเด่น
Deal of the Year Awards: มอบให้กับธุรกรรมที่มีความโดดเด่น
-Best Securities Company Awards: มอบให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีผลงานดีเด่น
รางวัลเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก เพราะว่า
-บริษัทค้าปลีกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์: บริษัทค้าปลีกหลายแห่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO), บมจ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป (DMG)
-ผลการดำเนินงาน: รางวัล Best Company Performance Awards มอบให้กับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น ซึ่งรวมถึงบริษัทค้าปลีก
-CEO: CEO ของบริษัทค้าปลีกมีบทบาทสำคัญต่อผลการดำเนินงาน
-Investor Relations: บริษัทค้าปลีกต้องสื่อสารกับนักลงทุนเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน กลยุทธ์ และแผนงาน
-Deal of the Year: ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก เช่น การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ การระดมทุน ล้วนมีโอกาสได้รับรางวัลนี้
-Best Securities Company Awards: บริษัทหลักทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการให้บริการธุรกรรมทางการเงินแก่บริษัทค้าปลีก
ตัวอย่างบริษัทค้าปลีกที่ได้รับรางวัล SET Awards 2022:
-บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN): ได้รับรางวัล Best Company Performance Awards (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท)
-บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO): ได้รับรางวัล Best Investor Relations Awards
-บมจ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป (DMG): ได้รับรางวัล Deal of the Year Awards
สรุป
รางวัล SET Awards 2022 มีรางวัลหลายรางวัลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานที่ดีเด่นของบริษัทค้าปลีก CEO นักลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ และธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55579 | Retail | สถานีบริการน้ำมันทั้ง 3 แห่ง (โออาร์, บางจาก และเชลล์) มีกลยุทธ์อย่างไรเพื่อดึงดูดลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า? | สถานีบริการน้ำมันเร่งเครื่องขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โออาร์ เผยแผนกระจาย EV Station PluZ ครบ 450 แห่งปีนี้ ด้าน บางจาก ร่วมมือ MG ขยายจุดชาร์จ 50 แห่ง ส่วน เชลล์ จับมือ ปอร์เช่ ทำจุดชาร์จ 11 แห่ง โออาร์ ปูพรมจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไทย จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ โออาร์ แจ้งว่า บริษัทอยู่ระหว่างเดินหน้าขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในชื่อ EV Station PluZ มีทั้งให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ สำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ จะมีให้บริการตั้งแต่ Normal Charge หรือการชาร์จความเร็วปกติ ติดตั้งในหา้งสรรพสินค้า จนถึง Quick Charge หรือบริการชาร์จเร็วที่มีกำลังไฟกว่า 50 กิโลวัตติ จนถึง 160 กิโลวัตต์ รองรับหัวชาร์จ 3 รูปแบบ และนี้ผู้ใช้สามารถใช้บริการ และชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ โออาร์ ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ให้ครบ 450 แห่งภายในปี 2022 และเพิ่มเป็น 7,000 แห่งภายในปี 2030 เพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ ในประเทศไทย และบริษัทอยู่ระหว่างทำตลาด Ultra EV ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านคู่ขนานไปด้วย บางจาก กับการร่วมมือ MG ขยายสถานีชาร์จ ด้าน บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น มีการประกาศความร่วมมือกับแบรนด์รถยนต์ MG ในประเทศไทย เพื่อติดตั้ง MG Super Charge ในสถานีบริการน้ำมันบางจากตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2021 โดยเวลานั้นทั้งสององค์กรวางแผนขยายสถานีชาร์จกว่า 50 แห่งภายในปี 2022 และบางส่วนสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชม. “คนไทยคุ้นชินกับสถานีบริการน้ำมันที่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับเติมน้ำมัน เพราะมีบริการอื่น ๆ เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการได้ในระหว่างรอการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เช่นกัน” ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจาก กล่าว นอกจากนี้ บางจาก ยังร่วมมือกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า PEA VOLTA Charging Station เพื่อรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในต่างจังหวัดคู่ขนานไปกับการปูพรมสถานีชาร์จในกรุงเทพ และปริมณฑลที่ร่วมมือกับ MG เชลล์ ร่วมกับ ปอร์เช่ เริ่มต้นในไทย 11 สถานี ล่าสุด เชลล์ ร่วมมือกับ ปอร์เช่ เพื่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงในประเทศไทย พร้อมตั้งไทยเป็นศูนย์กลางเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของเชลล์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังเริ่มให้บริการในสิงคโปร์ 3 แห่ง และมาเลเซีย 6 แห่ง สำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ทั้งสององค์กรร่วมมือกันพัฒนามีชื่อว่า Shell High Performance Charging หรือ HPC โดยจะเริ่มขยายจุดให้บริการในประเทศไทยทั้งหมด 11 แห่ง ครอบคลุมการขับขี่ตั้งแต่ภาคใต้จนถึงภาคเหนือ โดยระบบชาร์จจะมากับการชาร์จความเร็วสูง 180 กิโลวัตต์ และ 360 กิโลวัตต์ ทั้งนี้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าของ ปอร์เช่ รุ่น Taycan ในประเทศไทย จะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับสถานะสมาชิกระดับ Platinum โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี ได้ส่วนลดอัตราค่าบริการ Pay-Per-Use (PPU) 50% หรือการสำรองจุดชาร์จล่วงหน้าได้ระยะเวลาสูงสุด 1 ชั่วโมงก่อนเดินทางมายังสถานี Shell HPC ทุกแห่ง เป็นต้น สรุป เรียกว่าสถานีบริการน้ำมันหันมาจริงจังกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะอนาคตของรถยนต์กำลังไปทางนี้ แต่ก็น่าสนใจว่า สถานีเติมก๊าซไฮโดรเจนที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า Fuel Cell จะมีการเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ เพราะค่ายรถยนต์บางเจ้ายังจริงจังกับเทคโนโลยีนี้อยู่ อ้างอิง // OR, MG, Shell อ่านเพิ่มเติม CHOSEN เปิด 4 โมเดลธุรกิจรุกตลาด EV ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในสถานประกอบการ CHOSEN เปิด 4 โมเดลธุรกิจรุกตลาด EV ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในสถานประกอบการ ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related BP เผย ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะกำไรดีกว่าปั๊มน้ำมัน เร่งขยายจุดบริการเป็น 70,000 แห่งทั่วอังกฤษ In "News" กฟผ. เดินหน้าทำตลาดตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ชูลงทุนเริ่ม 2.09 แสนบาท หวังขายได้ 30 ชุด ในปีแรก In "Business" Shell กับแผนผู้นำตลาดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการขยาย 5 แสนสถานีทั่วโลกภายใน 4 ปี In "News" | สถานีบริการน้ำมันทั้ง 3 แห่ง (โออาร์, บางจาก และเชลล์) ต่างมีกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. โออาร์
-ขยายจำนวนจุดชาร์จ โออาร์ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ให้ครบ 450 แห่งภายในปี 2022 และเพิ่มเป็น 7,000 แห่งภายในปี 2030 ครอบคลุมทั้งสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และห้างสรรพสินค้าต่างๆ
-ให้บริการชาร์จหลากหลาย รองรับการชาร์จแบบ Normal Charge (ชาร์จปกติ) และ Quick Charge (ชาร์จเร็ว)
-รองรับหัวชาร์จ 3 รูปแบบ รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น
-ชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
-ทำตลาด Ultra EV ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า
-ขยายบริการอื่นๆ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อรองรับลูกค้าระหว่างรอชาร์จ
2. บางจาก
-จับมือ MG ติดตั้ง MG Super Charge ขยายสถานีชาร์จกว่า 50 แห่งภายในปี 2022
-ให้บริการชาร์จ 24 ชม. บางส่วนของสถานีชาร์จ
-เพิ่มบริการอื่นๆ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต เช่นเดียวกับโออาร์
-ร่วมมือกับ PEA ติดตั้งสถานีชาร์จ PEA VOLTA Charging Station ในต่างจังหวัด
3. เชลล์
-จับมือปอร์เช่ สร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง 11 แห่ง
-ตั้งไทยเป็นศูนย์กลางเครือข่ายสถานีชาร์จ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็ว รองรับการชาร์จ 80% ของแบตเตอรี่ภายใน 30 นาที
-มอบประสบการณ์พิเศษ พื้นที่พักผ่อน ห้องรับรอง และบริการอื่นๆ
โดยสรุป
ทั้ง 3 สถานีบริการน้ำมันต่างมุ่งเน้นไปที่การขยายจำนวนจุดชาร์จ รองรับการชาร์จแบบหลากหลาย และเพิ่มบริการอื่นๆ ดึงดูดลูกค้า
-โออาร์มุ่งเน้นไปที่การครอบคลุมพื้นที่
-บางจากมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือกับพันธมิตร
-เชลล์มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีและประสบการณ์พิเศษ
กลยุทธ์เหล่านี้ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55591 | Retail | จากข้อมูลของ Nielsen ที่เปิดเผย 10 อันดับบริษัทที่ใช้เงินกับการโฆษณามากที่สุดในประเทศไทย พบว่า 5 อันดับแรกเป็นบริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Unilever, Nestle, P&G, Mass Marketing, Mono Shopping) อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ควรใช้เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ | null | กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกควรใช้เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
1. เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกควรศึกษาพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เข้าใจว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับอะไร สิ่งที่พวกเขามองหาในการซื้อสินค้า และช่องทางการซื้อที่พวกเขาใช้
2. นำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการ: ธุรกิจค้าปลีกควรนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาที่เหมาะสม และหลากหลาย
3. มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี: ธุรกิจค้าปลีกควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า สร้างบรรยากาศที่สะดวกสบาย พนักงานที่ให้บริการดี และบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการจัดส่งสินค้า
4. ใช้กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกควรใช้กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้า เช่น โปรโมชั่น ส่วนลด กิจกรรมส่งเสริมการขาย และโปรแกรมสมาชิก
5. ใช้ช่องทางออนไลน์: ธุรกิจค้าปลีกควรใช้ช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ลูกค้ากลุ่มนี้ใช้เวลากับออนไลน์มาก ธุรกิจค้าปลีกควรมีเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย น่าสนใจ และนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้:
การนำเสนอสินค้าเฉพาะกลุ่ม: ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น สินค้าออร์แกนิค สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าสำหรับเด็ก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง
การใช้ Influencer Marketing: ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ Influencer Marketing ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค Influencer ที่มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียสามารถช่วยสร้างกระแสความสนใจในสินค้า
การใช้ Big Data: ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ Big Data ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เข้าใจความต้องการของพวกเขา และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ
บทสรุป: ธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการดึงดูดลูกค้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคควรศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า เข้าใจความต้องการของพวกเขา และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกควรใช้กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าที่หลากหลาย เช่น โปรโมชั่น ส่วนลด กิจกรรมส่งเสริมการขาย และโปรแกรมสมาชิก และใช้ช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55592 | Retail | อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ควรใช้กลยุทธ์อย่างไรเพื่อเพิ่มยอดขายในอินโดนีเซีย | null | อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ มีแผนจะขยายสาขาในอินโดนีเซีย 2 สาขา ใจกลางเมืองจาการ์ตา โดยจับมือกับ MAP Group กลุ่มทุนบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในอินโดนีเซีย
กลยุทธ์ที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ควรพิจารณาเพื่อเพิ่มยอดขายในอินโดนีเซีย มีดังนี้:
1. เจาะกลุ่มเป้าหมาย:
- ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในอินโดนีเซีย
- เน้นกลุ่มเป้าหมาย Young Urbanism Families อายุ 30-60 ปี มีรายได้ 2,000 USD/เดือน
- นำเสนอสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ดีไซน์โดดเด่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง
2. เพิ่มช่องทางการจำหน่าย:
- ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-channel)
- มุ่งเน้นการใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมในอินโดนีเซีย
- นำเสนอบริการจัดส่งสินค้าที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
3. ปรับกลยุทธ์ราคา:
- เสนอราคาสินค้าที่แข่งขันได้
- จัดโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
- เสนอตัวเลือกการผ่อนชำระที่หลากหลาย
4. สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดึงดูด:
- ออกแบบร้านให้สวยงาม ทันสมัย น่าเดินช้อป
- นำเสนอบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ
- จัดกิจกรรมเวิร์คชอป สัมมนา หรืออีเวนต์ต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า
5. เน้นกลยุทธ์ Localization:
- ปรับสินค้าให้เหมาะกับวัฒนธรรมและความต้องการของท้องถิ่น
- แปลข้อมูลสินค้าและเว็บไซต์เป็นภาษาอินโดนีเซีย
- จ้างพนักงานที่พูดภาษาอินโดนีเซียได้
6. เสริมสร้างแบรนด์:
- ทำกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์
- เน้นจุดแข็งของแบรนด์ เช่น คุณภาพสินค้า ดีไซน์ และบริการ
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
7. การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและฐานลูกค้าของ MAP Group:
- ร่วมมือกับ MAP Group เพื่อเข้าถึงลูกค้าของพวกเขาผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ร้านค้าจริง แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และโปรแกรมสมาชิก
- นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการและความชอบของลูกค้า MAP Group
- จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกันเพื่อเพิ่มการรับรู้และยอดขายสินค้า
การร่วมมือกันในกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย:
- ร่วมมือกับ MAP Group ในการออกแบบและดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและการส่งเสริมการขายแบบครบวงจร
- ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและ influencer marketing เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
- จัดกิจกรรมและโปรแกรมที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและความภักดีของลูกค้า
8. การแบ่งปันข้อมูลและข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจตลาดอินโดนีเซียได้ดีขึ้น:
- ร่วมมือกับ MAP Group เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและข้อมูลตลาด เช่น แนวโน้มผู้บริโภค พฤติกรรมการซื้อ และข้อมูลประชากร
- ใช้ประโยชน์จากข้อมูลและข้อมูลดังกล่าวเพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
- เพิ่มขีดความสามารถในการทำความเข้าใจความต้องการและความต้องการของลูกค้าในอินโดนีเซีย
การใช้ประโยชน์จากโอกาสทางอีคอมเมิร์ซ:
การจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในอินโดนีเซีย:
- ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในอินโดนีเซีย เช่น Tokopedia, Shopee, Lazada และ Blibli
- เปิดร้านค้าอย่างเป็นทางการบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเหล่านั้นเพื่อเพิ่มการมองเห็นและความน่าเชื่อถือของสินค้า
- นำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลดที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ซื้อออนไลน์
การพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง:
สร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเองเพื่อควบคุมประสบการณ์ของลูกค้าและข้อมูลการขายได้อย่างเต็มที่ นำเสนอคุณสมบัติและบริการที่ไม่เหมือนใครและน่าสนใจเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเองเพื่อสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า
นำเสนอบริการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าออนไลน์ที่ง่ายดายและสะดวก:
ให้บริการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าออนไลน์ที่รวดเร็วและง่ายดาย นำเสนอตัวเลือกวิธีการชำระเงินและการจัดส่งที่หลากหลาย ปลอดภัย และเชื่อถือได้ มอบบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในกระบวนการสั่งซื้อและจัดส่ง
สรุป
ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพความร่วมมือกับ MAP Group และใช้ประโยชน์จากโอกาสทางอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงตลาด เพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้าในอินโดนีเซีย | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55593 | Retail | ในยุคที่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์เฟื่องฟู กลยุทธ์ “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกของไทยบนเวทีโลกได้อย่างไร | null | กลยุทธ์ “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งเน้นไปที่ 3 เสาหลัก ดังนี้
1. การขยายธุรกิจค้าปลีกและร้านค้าส่ง
-เครือซีพีมีแผนขยายสาขาของสยามแม็คโคร และศูนย์ค้าปลีกค้าส่งรูปแบบอื่นๆ ในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว
-เน้นการเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น จีน มาเลเซีย อินเดีย กัมพูชา และเมียนมา
-มุ่งเน้นไปที่รูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ
2. การสนับสนุนเกษตรกร ผู้ผลิต และ SME ไทย
-เครือซีพีจะใช้ธุรกิจค้าปลีกของตนเป็นแพลตฟอร์ม ให้เกษตรกร ผู้ผลิต และ SME ไทย นำผลผลิตและสินค้าไปขายในต่างประเทศ
-ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจกฎระเบียบท้องถิ่นที่ซับซ้อนของแต่ละประเทศ
-สนับสนุนด้านการตลาดและโลจิสติกส์
3. การสร้างพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย
-เครือซีพีจะร่วมมือกับธุรกิจไทยอื่นๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ธุรกิจที่แข็งแกร่ง
-แบ่งปันข้อมูล เทคโนโลยี และทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน
-พัฒนากลยุทธ์ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไทยบนเวทีโลก
ตัวอย่างแนวทางการขับเคลื่อนกลยุทธ์
-พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เชื่อมต่อร้านค้าปลีกของเครือซีพีทั่วโลก เข้ากับเกษตรกร ผู้ผลิต และ SME ไทย
-จัดตั้งศูนย์กลางกระจายสินค้าในต่างประเทศ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
-พัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์ ที่สะดวก ปลอดภัย และรองรับหลายสกุลเงิน
-จัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกร ผู้ผลิต และ SME ไทย เกี่ยวกับการค้าขายในต่างประเทศ
-ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริมธุรกิจไทยบนเวทีโลก
ข้อดีของกลยุทธ์
-ช่วยให้เกษตรกร ผู้ผลิต และ SME ไทย เข้าถึงตลาดใหม่ในต่างประเทศ
-เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจและสร้างรายได้
-เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกของไทยบนเวทีโลก
-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ความท้าทาย
-การแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในต่างประเทศ
-กฎระเบียบและข้อจำกัดทางการค้าในต่างประเทศ
-ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา
-การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ
แนวทางการรับมือ
-พัฒนาสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้า
-ลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม
-สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรในต่างประเทศ
-พัฒนาศักยภาพของบุคลากร
สรุป
กลยุทธ์ “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีศักยภาพที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกของไทยบนเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55601 | Retail | ตลาดไทออนไลน์ นำเสนอจุดแข็งอย่างไรเพื่อดึงดูดลูกค้าปลีก? | โชคชัย คลศรีชัย กรรมการผู้จัดการตลาดไท กล่าวถึงที่มาของแอปพลิเคชัน “Talaadthai Online (ตลาดไทออนไลน์)” ว่า จากการที่ตลาดไท เป็นตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งในกลุ่มผักสด ผลไม้ไทยและต่างประเทศ เนื้อสัตว์ ทำให้เห็นโอกาสทางการตลาดของกลุ่มผู้ซื้อ segment ใหม่ ที่เป็น group buying + smart choice รวมถึง กลุ่มค้าส่งเจ้าของธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก และแม่บ้านกลุ่มลูกค้าปลีก ที่มองหาสินค้าคุณภาพ ในราคาคุ้มค่า “Talaadthai Online ( )” segment group buying + smart choice ดังนั้น ตลาดไทได้เปิดประตูค้าส่งสู่ค้าปลีกออนไลน์โดยขจัดความกังวลของผู้ค้า โดยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้า ทางผู้ค้าเพียงแพคสินค้าตามคำสั่งซื้อเท่านั้น มีทีมคอยสนับสนุนการทำงานหน้าร้าน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพสินค้า การจัดการหน้าร้านบนแอปพลิเคชัน รับของจากร้านค้า และจัดส่งถึงลูกค้า ในขณะเดียวกันยังช่วยทำการประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์แบบครบวงจร อาทิ Facebook, Tiktok, Instagram, LINE Official Account เป็นต้น อีกทั้งยังมีการจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษฉลองการเปิดตัวด้วยของขวัญสมนาคุณต่างๆ อีกมากมายที่เตรียมไว้ต้อนรับผู้ใช้บริการ Facebook, Tiktok, Instagram, LINE Official Account ในด้าน customer insight พบว่ากลุ่มแม่บ้าน กลุ่มครอบครัวใหญ่ และกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ที่ชอบชอปปิ้ง อยากได้ของดีราคาคุ้มค่า “smart buy” ซื้อแล้วนำไปแบ่งกัน ซึ่งเป็นการค้าขายแบบ B2C (Business-to-Consumer) ที่ตลาดไทยังไม่เคยเข้าถึงมาก่อน แต่ด้วยสถานที่ตั้งของตลาดอาจไกลจากที่อยู่อาศัย หรือสถานประกอบการของผู้ซื้อ แอปพลิเคชัน “Talaadthai Online (ตลาดไทออนไลน์)” จึงเข้ามามีบทบาทในการขยับขยายธุรกิจสู่กลุ่มผู้ซื้อส่วนนี้ให้เข้ามาเป็นลูกค้าประจำของตลาดไทได้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีการคาดการณ์ถึงยอดการดาวน์โหลดและเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ 50,000 ยูสเซอร์ และตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ ประมาณ 180 ล้านบาทภายใน 1 ปี customer insight “smart buy” B2C (Business-to-Consumer) “Talaadthai Online ( )” 50,000 180 1 จุดแข็งของแอปพลิเคชัน Talaadthai Online (ตลาดไทออนไลน์) คือ ความเป็นตลาดค้าส่ง ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งคุ้มค่า จึงมีความได้เปรียบด้านราคา รวมถึงยังเป็นจุดศูนย์รวมวัตถุดิบคุณภาพที่ดีที่สุดในกลุ่มผัก และผลไม้สด ที่ส่งตรงจากหน้าร้านของคู่ค้า เพราะมีกระบวนการจัดการ และการจัดเก็บสินค้า (ระบบ supply chain) ที่สั้นกว่าผู้ให้บริการรายอื่น และบริการการจัดส่งแบบ next day delivery ทำให้ผัก ผลไม้ที่ลูกค้าได้รับนั้นสดใหม่อย่างแน่นอน Talaadthai Online ( ) ( supply chain) next day delivery นอกจากนั้นผู้ซื้อผู้ขายสามารถสนทนาโต้ตอบข้อซักถามผ่านฟังก์ชั่น “Chat” และในอนาคตมีแผนการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ อีกมากมาย อาทิ การขายแบบไลฟ์สตรีมผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น มอบประสบการณ์การซื้อขายออนไลน์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนซื้อของคุณภาพจากตลาดสดจริงอย่างแน่นอน “Chat” โปรโมชั่นพิเศษ! สำหรับลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (สมุทรปราการ, นครปฐม, นนทบุรี และปทุมธานี) ฟรีค่าจัดส่งเมื่อสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ และเตรียมพบกับกิจกรรมพิเศษรับเทศกาลสารทจีน “Top Spender ตลาดไทออนไลน์ Smart Buy สายเปย์” ผู้ที่มียอดซื้อสะสมมากที่สุด 3 อันดับแรก ระหว่างวันที่ 8-12 สิงหาคม 2565 รับทันทีรางวัลพิเศษจากตลาดไท บัตรล่องเรือรับประทานอาหารจาก Wonderful Pearl Cruise มูลค่า 3,000 บาท (รางวัลละ 2 ท่าน) โดยจะประกาศผลรางวัล ในวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ผ่านช่องทาง Facebook : ตลาดไทออนไลน์ – TalaadThai Online ( สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “Talaadthai Online (ตลาดไทออนไลน์)” ได้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2656 นี้เป็นต้นไป ผ่าน 2 ระบบปฏิบัติการได้แก่ ระบบ Android ดาวน์โหลดได้ที่ Play Store และระบบ IOS ดาวน์โหลดได้ที่ App Store และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : ตลาดไทออนไลน์ – TalaadThai Online ( หรือ Add line: @talaadthai-online ! ( , , ) “Top Spender Smart Buy ” 3 8-12 2565 Wonderful Pearl Cruise 3,000 ( 2 ) 16 2565 Facebook : – TalaadThai Online ( “Talaadthai Online ( )” 8 2656 2 Android Play Store IOS App Store Facebook : – TalaadThai Online ( Add line: @talaadthai-online ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related “ไทยน้ำทิพย์” จับมือ “ตลาดไท” ต่อเนื่องอีก 5 ปี ส่งเสริมธุรกิจ ตอบโจทย์คู่ค้า In "PR News" คาดการณ์ตลาด Click & Collect ในอังกฤษมีมูลค่าเกือบหมื่นล้านปอนด์ In "News" KBank เตรียมเปิดบริการ e-Marketplace ตลาดนัดออนไลน์เต็มรูปแบบ มี.ค. นี้ In "News" | ตลาดไทออนไลน์ นำเสนอจุดแข็งหลายประการ ดึงดูดลูกค้าปลีก ดังนี้
1. ราคาคุ้มค่า: ตลาดไทเป็นตลาดค้าส่ง ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งคุ้ม ลูกค้าปลีกสามารถซื้อสินค้าสดใหม่ในราคาขายส่งโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าจำนวนมากเพื่อนำไปแบ่งขายต่อ หรือกลุ่มครอบครัวใหญ่ที่ต้องการซื้อวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหาร
2. สินค้าสดใหม่ คุณภาพดี: ตลาดไทเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สินค้าทุกชิ้นส่งตรงจากหน้าร้านของคู่ค้า ผ่านกระบวนการจัดการและจัดเก็บสินค้าที่มีประสิทธิภาพ สินค้าจึงสดใหม่ ปลอดภัย ถูกหลักอนามัย ต่างจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วไปที่อาจมีสินค้าบางรายการที่ผ่านการเก็บไว้นาน
3. บริการจัดส่งรวดเร็ว: ตลาดไทออนไลน์มีบริการจัดส่งแบบ next day delivery ลูกค้าจะได้รับสินค้าสดใหม่ภายใน 1 วันหลังจากสั่งซื้อ เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อสินค้าที่ตลาดเอง
4. ฟังก์ชั่น Chat สื่อสารสะดวก: ลูกค้าสามารถพูดคุย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้ากับผู้ขายผ่านฟังก์ชั่น Chat บนแอปพลิเคชัน ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น มั่นใจในสินค้า
5. ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม: ตลาดไทออนไลน์มีแผนพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคต เช่น การขายแบบไลฟ์สตรีม ช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าจริง พูดคุยกับผู้ขายแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหมือนจริง
6. โปรโมชั่นพิเศษ: ตลาดไทออนไลน์มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ฟรีค่าจัดส่งเมื่อสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ กิจกรรมพิเศษรับเทศกาลต่าง ๆ ดึงดูดลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย
7. ช่องทางการติดตามข่าวสาร: ตลาดไทออนไลน์มีช่องทางการติดตามข่าวสารหลากหลาย Facebook, Instagram, LINE Official Account ช่วยให้ลูกค้าติดตามข่าวสาร โปรโมชั่น กิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ของตลาดไทออนไลน์ได้อย่างสะดวก
โดยสรุป: ตลาดไทออนไลน์ นำเสนอจุดแข็งที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าปลีก สินค้าสดใหม่ ราคาคุ้มค่า บริการจัดส่งรวดเร็ว ฟังก์ชั่นการใช้งานสะดวก โปรโมชั่นพิเศษ ช่องทางการติดตามข่าวสารที่หลากหลาย ดึงดูดลูกค้าปลีก เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ขยายฐานลูกค้า | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55606 | Retail | KBank ร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจ คาราบาว ในการพัฒนาบริการทางการเงิน มีแผนที่จะดำเนินการอย่างไรบ้าง ? | สองยักษ์ใหญ่จับมือกันอีกแล้ว ล่าสุด KBank หรือ บมจ. ธนาคารกสิกรไทยลงนามข้อตกลงร่วมมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว โดยกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารจะถือหุ้นมากกว่า 50% และมีอำนาจควบคุมในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนและการร่วมลงทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว ระบุว่า การร่วมทุนจัดตั้งบริษัทนี้ ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารเมื่อ 27 มกราคม 2565 และธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2565 และให้เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย โดยรายละเอียดร่วมทุน ดังนี้ ประเภทธุรกิจ: ธุรกิจบริการทางการเงิน
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง: เพื่อให้บริการทางการเงินแก่ผู้บริโภครายย่อยและร้านค้าของบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว ซึ่งจะช่วยพัฒนาบริการทางการเงินให้คนในชุมชนได้เข้าถึงและได้รับบริการทางการเงินที่ครบวงจร รวมทั้งช่วยสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชนทั่วไทย ประเภทธุรกิจ: ธุรกิจบริการทางการเงิน วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง: เพื่อให้บริการทางการเงินแก่ผู้บริโภครายย่อยและร้านค้าของบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว ซึ่งจะช่วยพัฒนาบริการทางการเงินให้คนในชุมชนได้เข้าถึงและได้รับบริการทางการเงินที่ครบวงจร รวมทั้งช่วยสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชนทั่วไทย นอกจากตั้งบริษัทร่วมทุนแล้ว กลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมร่วมลงทุนกับบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาวเช่นกัน เพื่อพัฒนาร้านค้าปลีก “ถูกดี มีมาตรฐาน” ซึ่งการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน การร่วมลงทุนกับบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด และการสนับนุนทางการเงินทั้งหมดให้แก่กลุ่มธุรกิจคาราบาวจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท KBank จับมือกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว เดินหน้าพัฒนาร้านสะดวกซื้อชุมชน “ถูกดี มีมาตรฐาน” โดยการลงทุนนี้ครอบคลุมการร่วมลงทุนผ่านตราสารการลงทุนที่ให้สิทธิลงทุนในหุ้นของบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด และเตรียมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้บริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าร้านถูกดี มีมาตรฐานเป็นผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อชุมชนในไทย ให้บริการการเงินและสินเชื่อครบวงจร มีจำนวน 30,000 ร้าน ภายในปี 2567 พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ชุมชนนอกตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการการเงิน บ้างไม่มีบัญชีเงินฝาก ไม่มีหลักฐานทางการเงินที่ทำให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ หรือเป็นพื้นที่ที่สาขาธนาคารยังเข้าไม่ถึง การ่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจ คาราบาว เป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ตั้งใจพัฒนาร้านถูกดี มีมาตรฐานให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชน ให้คนที่อยู่ในวงจรสามารถจับจ่ายใช้สอยและใช้บริการการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น เข้าถึงสินเชื่อธนาคารง่ายขึ้น สร้างรายได้หมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน แผนที่จะดำเนินการร่วมกับกลุ่มธุรกิจคาราบาวประกอบด้วย 3 ด้าน ส่งเสริมศักยภาพร้าน ถูกดี มีมาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการและระบบการชำระเงิน
เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค้าขายต่างๆ คือการนำข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยมาพิจารณาสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ประจำ
เป็นจุดให้บริการธุรกรรมทางการเงินในชีวิตประจำวันกับคนในชุมชน ส่งเสริมศักยภาพร้าน ถูกดี มีมาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการและระบบการชำระเงิน เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค้าขายต่างๆ คือการนำข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยมาพิจารณาสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ประจำ เป็นจุดให้บริการธุรกรรมทางการเงินในชีวิตประจำวันกับคนในชุมชน ความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้ธนาคารมีจุดบริการ KBank Service เพิ่มขึ้นอีก 30,000 จุด เดิมมีจำนวนกว่า 27,000 จุด ปัจจุบันมีช่องทางให้บริการผ่านสาขาจำนวน 830 สาขา ตู้เอทีเอ็มและตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติรวม 11,000 ตู้และ K PLUS ที่มีลูกค้าใช้งานกว่า 18 ล้านราย มูลค่าการลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท ทำอะไรบ้าง? ร่วมลงทุนผ่านตราสารการลงทุนที่ให้สิทธิลงทุนในหุ้นของบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด จำนวน 5,000 ล้านบาท เตรียมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้บริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ จำนวน 2,000 ล้านบาท สนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว จำนวน 8,000 ล้านบาท เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ระบุ การร่วมมือระหว่าง KBank กับร้านถูกดี มีมาตรฐาน จะช่วยเสริมกำลังซื้อให้กับชุมชน ยุทธศาสตร์ของบริษัทในการพัฒนาร้านไม่ใช่แค่ปรับร้านโชห่วยให้ทันสมัย แต่วางเป้าให้เป็นเหมือนแพลตฟอร์มและโครงข่ายเชื่อมโยงความต้องการของคนในชุมชนที่เคยเข้าถึงยาก ทั้งบริการทางการเงิน จุดรับส่งสินค้าในชุมชน บริการสินค้าทางการเกษตร ฯลฯ ตั้งใจให้ร้านถูกดี มีมาตรฐานเป็นโซลูชั่นตอบโจทย์แก่คนในชุมชน โดยยึดแนวคิด “กินแบ่ง ไม่กินรวบ” ปัจจุบันมีร้านแล้วกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ ด้านบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ก็แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/22565 เมื่อ 21 กรกฎาคม 2565 โดยสาระสำคัญสรุปว่า บริษัท ซี.เจ.เอ็กเพรส จำกัด (CJ) และบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด (TD) สองบริษัทนี้อาจมีความขัดแย้ง คือมีผู้ถือหุ้นหรือกรรมการหรือผู้บริหารร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ คือ บริษัท ทีดี เวนเจอร์ จำกัด (TDV) เพื่อประกอบธุรกิจการลงทุนหรือถือหุ้นในบริษัทอื่น โดยเห็นชอบให้ TDV ทำสัญญาร่วมทุนร่วมกับบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ถือหุ้นโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) 100% ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ คือ บริษัท กสิกร คาราบาว จำกัด (KBAO) เพื่อประกอบธุรกิจตามแผนที่วางไว้ มติที่อนุมัติดังนี้ อนุมัติลงทุนร่วมกับ CJ และ TD จัดตั้ง TDV ด้วยทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,000 ล้านบาท มูลค่าตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพื่อประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นในบริษัทอื่น สัดส่วนการถือหุ้น 15% หรือคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท โดย CJ และ TD มีสัดส่วนถือหุ้น 15% และ 70% ตามลำดับ
เห็นชอบให้ TVD เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ KVISION จัดตั้ง KBAO ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 4,000 ล้านบาท มูลค่าตราไว้ที่หุ้นละ 100 บาท เพื่อประกอบธุรกิจตามที่วัตถุประสงค์ที่ลงทุนไว้ โดย KVISION ถือครองหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วมากกว่า 2 หุ้นในบริษัทดังกล่าว อนุมัติลงทุนร่วมกับ CJ และ TD จัดตั้ง TDV ด้วยทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,000 ล้านบาท มูลค่าตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพื่อประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นในบริษัทอื่น สัดส่วนการถือหุ้น 15% หรือคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท โดย CJ และ TD มีสัดส่วนถือหุ้น 15% และ 70% ตามลำดับ เห็นชอบให้ TVD เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ KVISION จัดตั้ง KBAO ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 4,000 ล้านบาท มูลค่าตราไว้ที่หุ้นละ 100 บาท เพื่อประกอบธุรกิจตามที่วัตถุประสงค์ที่ลงทุนไว้ โดย KVISION ถือครองหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วมากกว่า 2 หุ้นในบริษัทดังกล่าว KBank ประกาศ ชาเลนเจอร์แบงก์ เตรียมลงทุน 22,000 ล้านบาท เล็งปิดดีลซื้อกิจการ 2-5 ดีลใน 2 ปี KBank ประกาศ ชาเลนเจอร์แบงก์ เตรียมลงทุน 22,000 ล้านบาท เล็งปิดดีลซื้อกิจการ 2-5 ดีลใน 2 ปี ที่มา – KBank, CBG ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ธนาคารกสิกรไทย เตรียมจัดตั้ง บริษัท กสิกร เอกซ์ เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด In "Article" JMT จับมือ KBank เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุน 2 แห่ง ลุยธุรกิจติดตามหนี้-บริหารสินทรัพย์ฯ In "Article" AIS จับมือ SCB ลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัท AISCB เพื่อให้บริการทางการเงิน In "Article" | ชุมชนนอกตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการการเงิน:
- บ้างไม่มีบัญชีเงินฝาก ไม่มีหลักฐานทางการเงินที่ทำให้เข้าถึงแหล่งทุนได้
- หรือเป็นพื้นที่ที่สาขาธนาคารยังเข้าไม่ถึง
การร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจ คาราบาว:
- เป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ตั้งใจพัฒนาร้านถูกดี มีมาตรฐานให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชน
- ให้คนที่อยู่ในวงจรสามารถจับจ่ายใช้สอยและใช้บริการการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น เข้าถึงสินเชื่อธนาคารง่ายขึ้น สร้างรายได้หมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน
แผนที่จะดำเนินการร่วมกับกลุ่มธุรกิจคาราบาวประกอบด้วย 3 ด้าน:
1. ส่งเสริมศักยภาพร้าน ถูกดี มีมาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการและระบบการชำระเงิน
2. เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค้าขายต่างๆ คือการนำข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยมาพิจารณาสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ประจำ
3. เป็นจุดให้บริการธุรกรรมทางการเงินในชีวิตประจำวันกับคนในชุมชน
ความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้ธนาคารมีจุดบริการ KBank Service เพิ่มขึ้นอีก 30,000 จุด เดิมมีจำนวนกว่า 27,000 จุด ปัจจุบันมีช่องทางให้บริการผ่านสาขาจำนวน 830 สาขา ตู้เอทีเอ็มและตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติรวม 11,000 ตู้และ K PLUS ที่มีลูกค้าใช้งานกว่า 18 ล้านราย | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55627 | Retail | จีนพยายามใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อกำจัดโควิดระบาด ส่งผลมห้พบว่ายอดขายค้าปลีกในเดือนมีนาคมหดตัวมากที่สุดและอัตราการว่างงานก็พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020 ใช่หรือไม่ | null | ใช่ จีนพยายามใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อกำจัดโควิดนับตั้งแต่มันโรคระบาด ข้อมูลเดือนมีนาคมพบว่ายอดขายค้าปลีกหดตัวมากที่สุดและอัตราการว่างงานก็พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนใช้มาตรการควบคุมไวรัสแบบเข้มข้นเสียอีก
ด้านนักเศรษฐศาสตร์จากนาคาร UBS Group AG ถึง Nomura Holdings Inc. ก็หั่นคาดการณ์การเติบโตของจีนต่ำกว่าที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้ที่ 5.5% เนื่องจากความเสี่ยงทางสังคมและการกดดันทางการเมืองที่สี จิ้นผิงต้องเผชิญที่เขากำลังเตรียมตัวเป็นผู้นำจีนอีกเป็นทศวรรษที่สอง สี จิ้นผิงระบุว่า รากของเศรษฐกิจจีนคือความยืดหยุ่น ศักยภาพที่มหาศาล มีโอกาสมากมายที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และยังมีความยั่งยืนด้วย จีนเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศที่เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปที่จีนปฏิเสธจะประณามรัสเซียกรณีบุกยูเครน สี จิ้นผิงให้การสนับสนุนเหตุผลที่รัสเซียบุกยูเครน สีกำลังเผชิญทั้งปัญหาภายในประเทศจากการใช้มาตรการเข้มข้นในการกำจัดโควิด ภาวะการตกงานว่างงานจำนวนมากของแรงงานในจีน ขณะเดียวกันก็เผชิญมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านที่กังวลจากท่าทีจีนที่เห็นด้วยกับรัสเซีย เผชิญกับแรงกดดันจากตะวันตกที่สนับสนุนรัสเซีย ไปจนถึงการดิสรัปของโควิดที่ทำให้ซัพพลายเชนโลกอย่างจีนกำลังมีปัญหาด้วย จีน Lockdown เข้มข้น: เร่งควบคุมโควิดจนคนอยู่ลำบาก รถโดยสารไม่มี คนส่งของไม่พอ จีน Lockdown เข้มข้น: เร่งควบคุมโควิดจนคนอยู่ลำบาก รถโดยสารไม่มี คนส่งของไม่พอ | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55628 | Retail | บริการของ Bluebik แบ่งเป็นกลุ่มอย่างไรบ้าง ? | Bluebik คอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ให้บริการคำปรึกษาธุรกิจและเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ จัดงาน Bluebik Career Talk 2022 เมื่อวันที่ 2-3 เมษายนที่ผ่านมาแนะนำให้ผู้สนใจเข้าฟังถึงแนวทางของบริษัท และโอกาสใหม่ๆ ของคนทำงานจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Bluebik ในอนาคต คอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ให้บริการคำปรึกษาธุรกิจและเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ จัดงาน เมื่อวันที่ 2-3 เมษายนที่ผ่านมาแนะนำให้ผู้สนใจเข้าฟังถึงแนวทางของบริษัท และโอกาสใหม่ๆ ของคนทำงานจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Bluebik ในอนาคต คุณพชร อารยะการกุล CEO Bluebik เล่าถึงธุรกิจของ Bluebik ว่าภาพรวมคือที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร (end-to-end digital transformation consulting) ซึ่งหมายถึงบริษัทจะเข้าไปร่วมกับลูกค้าต่างๆ เพื่อเตรียมวางแผนปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระดับธุรกิจที่ต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดออกไป โดยมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเข้าไปวิเคราะห์ธุรกิจ, สภาพตลาดโดยรวม, และคู่แข่งต่างๆ แล้วสร้างกลยุทธ์ขึ้นมา CEO Bluebik เล่าถึงธุรกิจของ Bluebik ว่าภาพรวมคือที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร (end-to-end digital transformation consulting) ซึ่งหมายถึงบริษัทจะเข้าไปร่วมกับลูกค้าต่างๆ เพื่อเตรียมวางแผนปรับเปลี่ยนตั้งแต่ระดับธุรกิจที่ต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดออกไป โดยมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเข้าไปวิเคราะห์ธุรกิจ, สภาพตลาดโดยรวม, และคู่แข่งต่างๆ แล้วสร้างกลยุทธ์ขึ้นมา Bluebik มีทีมงานด้านไอทีครบวงจร ตั้งแต่เทคโนโลยีที่ใช้งานกันทั่วไปจนถึงระดับ Deep Tech ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีระดับสูง พร้อมด้วยการช่วยเหลือองค์กรในการทำตลาดสินค้าหรือบริการใหม่นั้น ทั้งด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ Bluebik มีทีมงานด้านไอทีครบวงจร ตั้งแต่เทคโนโลยีที่ใช้งานกันทั่วไปจนถึงระดับ Deep Tech ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีระดับสูง พร้อมด้วยการช่วยเหลือองค์กรในการทำตลาดสินค้าหรือบริการใหม่นั้น ทั้งด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ ปัจจุบัน Bluebik ทำงานกับองค์กรชั้นนำในประเทศ และองค์กรระดับภูมิภาค โดยตอนนี้มีบริษัทลูกคือ Bluebik Global เน้นการทำงานกับลูกค้าต่างชาติ และ Orbit ที่ร่วมทุนกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เพื่อทำทรานส์ฟอร์เมชันให้กับกลุ่มOR และการหาโอกาสในการสร้างรายได้จากข้อมูลที่มี ปัจจุบัน Bluebik ทำงานกับองค์กรชั้นนำในประเทศ และองค์กรระดับภูมิภาค โดยตอนนี้มีบริษัทลูกคือ Bluebik Global เน้นการทำงานกับลูกค้าต่างชาติ และ Orbit ที่ร่วมทุนกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เพื่อทำทรานส์ฟอร์เมชันให้กับกลุ่มOR และการหาโอกาสในการสร้างรายได้จากข้อมูลที่มี การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Bluebik ทำให้บริษัทตั้งสำนักงานในไทยเองก็มี 3 สำนักงาน ในกรุงเทพฯ, ขอนแก่น, และเชียงใหม่ พร้อมกับสำนักงานเทคโนโลยีในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Bluebik ทำให้บริษัทตั้งสำนักงานในไทยเองก็มี 3 สำนักงาน ในกรุงเทพฯ, ขอนแก่น, และเชียงใหม่ พร้อมกับสำนักงานเทคโนโลยีในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย บริการของ Bluebik จึงแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้แก่ บริการของ Bluebik จึงแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้แก่ Management Consulting: เป็นทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์, บัญชี, หรือการเงิน ทำงานวางกลยุทธ์ให้กับองค์กรลูกค้าว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร มีโอกาสอะไรที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลกำไร เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรเหล่านั้นมองเห็นว่าควรลงทุนอะไร และคาดหวังผลตอบแทนได้เพียงใด
Software Development and Modernization: ทีมงานด้านเทคโนโลยีที่จะออกแบบและติดตั้งระบบว่าควรเป็นอย่างไรจึงรองรับธุรกิจได้จริง ที่ผ่านมาหลายระบบที่ Bluebik เข้าไปทำมีความสำคัญสูง มีผู้ใช้นับสิบล้านราย ทำให้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง หรือการวางระบบที่มีขายในตลาด เช่น CRM/ERP ที่ต้องอาศัยผู้ความช่วยเหลือในการวางระบบ
Big Data & Advanced Analytics: ทีมงานวางระบบระดับ Deep Tech ที่ Bluebik มีทั้ง Data Engineer และ Data Scientist สร้างระบบ machine learning เพื่อนำข้อมูลมาตอบปัญหาทางธุรกิจ
Business Implementation: ทีมงานวางแผนทั้งด้านการสร้างแบรนด์, ทำการตลาด, และการวางแผนลงสู่ตลาด (go-to-market strategy) เพื่อให้บริการใหม่ที่สร้างขึ้นมานั้นเข้าสู่ตลาดได้ดีขึ้น
Strategic PMO: ทีมงานจัดการโครงการตลอดกระบวนการ ทีมงานนี้ยังเข้าไปดูแลเหตุการณ์สำคัญๆ ขององค์กรลูกค้า เช่น การควบรวมกิจการของสององค์กร หรือ การเปลี่ยนระบบคอร์ของธนาคารที่เป็นหัวใจสำคัญและต้องมีการประสานงานจำนวนมาก ตลอดจนการสร้างธุรกิจร่วมทุน (joint venture)
Digital Uplift: บริการนำเทคโนดลยีดิจิทัลเข้าไปปรับปรุงองค์กรให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น Management Consulting: เป็นทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์, บัญชี, หรือการเงิน ทำงานวางกลยุทธ์ให้กับองค์กรลูกค้าว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร มีโอกาสอะไรที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลกำไร เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรเหล่านั้นมองเห็นว่าควรลงทุนอะไร และคาดหวังผลตอบแทนได้เพียงใด เป็นทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์, บัญชี, หรือการเงิน ทำงานวางกลยุทธ์ให้กับองค์กรลูกค้าว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร มีโอกาสอะไรที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลกำไร เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรเหล่านั้นมองเห็นว่าควรลงทุนอะไร และคาดหวังผลตอบแทนได้เพียงใด Software Development and Modernization: ทีมงานด้านเทคโนโลยีที่จะออกแบบและติดตั้งระบบว่าควรเป็นอย่างไรจึงรองรับธุรกิจได้จริง ที่ผ่านมาหลายระบบที่ Bluebik เข้าไปทำมีความสำคัญสูง มีผู้ใช้นับสิบล้านราย ทำให้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง หรือการวางระบบที่มีขายในตลาด เช่น CRM/ERP ที่ต้องอาศัยผู้ความช่วยเหลือในการวางระบบ ทีมงานด้านเทคโนโลยีที่จะออกแบบและติดตั้งระบบว่าควรเป็นอย่างไรจึงรองรับธุรกิจได้จริง ที่ผ่านมาหลายระบบที่ Bluebik เข้าไปทำมีความสำคัญสูง มีผู้ใช้นับสิบล้านราย ทำให้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง หรือการวางระบบที่มีขายในตลาด เช่น CRM/ERP ที่ต้องอาศัยผู้ความช่วยเหลือในการวางระบบ Big Data & Advanced Analytics: ทีมงานวางระบบระดับ Deep Tech ที่ Bluebik มีทั้ง Data Engineer และ Data Scientist สร้างระบบ machine learning เพื่อนำข้อมูลมาตอบปัญหาทางธุรกิจ ทีมงานวางระบบระดับ Deep Tech ที่ Bluebik มีทั้ง Data Engineer และ Data Scientist สร้างระบบ machine learning เพื่อนำข้อมูลมาตอบปัญหาทางธุรกิจ Business Implementation: ทีมงานวางแผนทั้งด้านการสร้างแบรนด์, ทำการตลาด, และการวางแผนลงสู่ตลาด (go-to-market strategy) เพื่อให้บริการใหม่ที่สร้างขึ้นมานั้นเข้าสู่ตลาดได้ดีขึ้น ทีมงานวางแผนทั้งด้านการสร้างแบรนด์, ทำการตลาด, และการวางแผนลงสู่ตลาด (go-to-market strategy) เพื่อให้บริการใหม่ที่สร้างขึ้นมานั้นเข้าสู่ตลาดได้ดีขึ้น Strategic PMO: ทีมงานจัดการโครงการตลอดกระบวนการ ทีมงานนี้ยังเข้าไปดูแลเหตุการณ์สำคัญๆ ขององค์กรลูกค้า เช่น การควบรวมกิจการของสององค์กร หรือ การเปลี่ยนระบบคอร์ของธนาคารที่เป็นหัวใจสำคัญและต้องมีการประสานงานจำนวนมาก ตลอดจนการสร้างธุรกิจร่วมทุน (joint venture) ทีมงานจัดการโครงการตลอดกระบวนการ ทีมงานนี้ยังเข้าไปดูแลเหตุการณ์สำคัญๆ ขององค์กรลูกค้า เช่น การควบรวมกิจการของสององค์กร หรือ การเปลี่ยนระบบคอร์ของธนาคารที่เป็นหัวใจสำคัญและต้องมีการประสานงานจำนวนมาก ตลอดจนการสร้างธุรกิจร่วมทุน (joint venture) Digital Uplift: บริการนำเทคโนดลยีดิจิทัลเข้าไปปรับปรุงองค์กรให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น บริการนำเทคโนดลยีดิจิทัลเข้าไปปรับปรุงองค์กรให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่สามารถช่วยองค์กรต่างๆ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ยุคใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมดนี้ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่สามารถช่วยองค์กรต่างๆ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ยุคใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ แพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตของทุกคน แพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตของทุกคน ความโดดเด่นที่ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่น่าร่วมงานด้วยแบ่งได้ 8 ด้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Bluebik เป็นแพลตฟอร์มสำหรับโอกาสในการเติบโตของทุกคน ความโดดเด่นที่ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่น่าร่วมงานด้วยแบ่งได้ 8 ด้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Bluebik เป็นแพลตฟอร์มสำหรับโอกาสในการเติบโตของทุกคน เปิดโอกาสเติบโต เปิดโอกาสเติบโต Bluebik เป็นบริษัทที่เติบโตสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉลี่ย 30-50% ทำให้พนักงานแต่ละคนมีพื้นที่ในการก้าวหน้าตามความสามารถ มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งทันที เรียกว่ามีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานได้โดยไม่ต้องย้ายงาน Bluebik เป็นบริษัทที่เติบโตสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉลี่ย 30-50% ทำให้พนักงานแต่ละคนมีพื้นที่ในการก้าวหน้าตามความสามารถ มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งทันที เรียกว่ามีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานได้โดยไม่ต้องย้ายงาน เลือกเส้นทางอาชีพได้หลากหลาย เลือกเส้นทางอาชีพได้หลากหลาย Bluebik มีงานหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ เปิดทางให้แต่ละคนปรับสายงานไปได้ตามความต้องการ เช่น คนเริ่มงานจากสายธุรกิจและต้องการปรับสายไปด้านเทคโนโลยีมากขึ้น หรือทำงานด้านเทคต้องการย้ายงานไปดูสายธุรกิจ หรือแม้แต่การย้ายข้ามไปยังบริษัทในเครือต่างๆ ก็มีโอกาสทำได้มากมายโดยไม่ต้องย้ายงาน Bluebik มีงานหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ เปิดทางให้แต่ละคนปรับสายงานไปได้ตามความต้องการ เช่น คนเริ่มงานจากสายธุรกิจและต้องการปรับสายไปด้านเทคโนโลยีมากขึ้น หรือทำงานด้านเทคต้องการย้ายงานไปดูสายธุรกิจ หรือแม้แต่การย้ายข้ามไปยังบริษัทในเครือต่างๆ ก็มีโอกาสทำได้มากมายโดยไม่ต้องย้ายงาน มีทางเลือกเป็นพันธมิตรกับบริษัท มีทางเลือกเป็นพันธมิตรกับบริษัท การเติบโตใน Bluebik ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อยๆ แต่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทในช่องทางต่างๆ เช่น ก่อน Bluebik นำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็มีพนักงานจำนวนหนึ่งได้รับหุ้นและสามารถทำกำไรจากความสำเร็จของบริษัทได้ ในอนาคตก็จะมีรูปแบบเพื่อให้พนักงานเพิ่มไปเรื่อยๆ เช่นการเปิดโอกาสให้ตั้งบริษัทและทาง Bluebik เข้าไปลงทุน การเติบโตใน Bluebik ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อยๆ แต่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทในช่องทางต่างๆ เช่น ก่อน Bluebik นำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็มีพนักงานจำนวนหนึ่งได้รับหุ้นและสามารถทำกำไรจากความสำเร็จของบริษัทได้ ในอนาคตก็จะมีรูปแบบเพื่อให้พนักงานเพิ่มไปเรื่อยๆ เช่นการเปิดโอกาสให้ตั้งบริษัทและทาง Bluebik เข้าไปลงทุน รวมข้อดีทั้งสตาร์ตอัพและบริษัทขนาดใหญ่ รวมข้อดีทั้งสตาร์ตอัพและบริษัทขนาดใหญ่ Bluebik มีลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่นเหมือนองค์กรสตาร์ทอัพ ขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคง ลักษณะทั้งสองด้านทำให้คนทำงานใน Bluebik มีความยืดหยุ่น ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแต่ขณะเดียวกันก็ทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยังมีทีมคณะกรรมการบริษัทที่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ของประเทศ ที่ผ่านมาก็เคยมีการจัดงานให้พนักงานได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษากับกรรมการโดยตรงอย่างใกล้ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก Bluebik มีลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่นเหมือนองค์กรสตาร์ทอัพ ขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคง ลักษณะทั้งสองด้านทำให้คนทำงานใน Bluebik มีความยืดหยุ่น ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแต่ขณะเดียวกันก็ทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยังมีทีมคณะกรรมการบริษัทที่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ของประเทศ ที่ผ่านมาก็เคยมีการจัดงานให้พนักงานได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษากับกรรมการโดยตรงอย่างใกล้ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก บุคลากรมาก่อน People First บุคลากรมาก่อน People First Bluebik ไม่ได้มองว่าการมาทำงานเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันและเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก่อนช่วง COVID บริษัทจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงออกแบบบรรยากาศในบริษัทให้พนักงานมีโอกาสได้พูดคุยกัน ให้การสนับสนุนกับความสนใจของพนักงาน เช่น จัดตั้งชมรมต่างๆ เพื่อให้พนักงานมีกิจกรรมร่วมกัน Bluebik ไม่ได้มองว่าการมาทำงานเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันและเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก่อนช่วง COVID บริษัทจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงออกแบบบรรยากาศในบริษัทให้พนักงานมีโอกาสได้พูดคุยกัน ให้การสนับสนุนกับความสนใจของพนักงาน เช่น จัดตั้งชมรมต่างๆ เพื่อให้พนักงานมีกิจกรรมร่วมกัน โอกาสทำงานร่วมกับคนเก่ง โอกาสทำงานร่วมกับคนเก่ง Bluebik รวมเอาคนเก่งๆ และเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เอาไว้มากมาย ทั้งคนที่เคยทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก, วิศวกรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ, หรือผู้ที่เคยแข่งขันได้รางวัลรายการใหญ่ๆ มาแล้ว การได้ทำงานร่วมกับคนเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน Bluebik รวมเอาคนเก่งๆ และเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เอาไว้มากมาย ทั้งคนที่เคยทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก, วิศวกรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ, หรือผู้ที่เคยแข่งขันได้รางวัลรายการใหญ่ๆ มาแล้ว การได้ทำงานร่วมกับคนเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน ความท้าทายหลากหลาย ความท้าทายหลากหลาย จากธุรกิจของ Bluebik ที่มีลูกค้าหลากหลายตั้งแต่ธนาคาร, ค้าปลีก, ไปจนถึงสตาร์ทอัพ ทำให้งานใน Bluebik มีความหลากหลายอย่างมาก เปิดโอกาสให้คนที่ต้องการค้นหาตัวเองว่าชอบงานสายใดเป็นพิเศษ สามารถทำงานข้ามสายระหว่างโปรเจคต่างๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนงาน จากธุรกิจของ Bluebik ที่มีลูกค้าหลากหลายตั้งแต่ธนาคาร, ค้าปลีก, ไปจนถึงสตาร์ทอัพ ทำให้งานใน Bluebik มีความหลากหลายอย่างมาก เปิดโอกาสให้คนที่ต้องการค้นหาตัวเองว่าชอบงานสายใดเป็นพิเศษ สามารถทำงานข้ามสายระหว่างโปรเจคต่างๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนงาน เปิดโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปิดโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่ผ่านมา Bluebik เติบโตอย่างรวดเร็วและพนักงานมีส่วนร่วมกับความเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งของบริษัท เช่น การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณพชรระบุว่า Bluebik จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อไปอีกในอนาคตให้พนักงานได้มีส่วนร่วมหากได้มาร่วมงานกันแน่นอน ที่ผ่านมา Bluebik เติบโตอย่างรวดเร็วและพนักงานมีส่วนร่วมกับความเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งของบริษัท เช่น การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณพชรระบุว่า Bluebik จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อไปอีกในอนาคตให้พนักงานได้มีส่วนร่วมหากได้มาร่วมงานกันแน่นอน งาน Bluebik Career Talk 2022 ครั้งนี้ทีมงาน Bluebik แนะนำสายงานต่างๆ ของบริษัทให้ผู้เข้าฟังได้รับรู้ว่างานในแต่ละวันที่แต่ละทีมต้องเจอเป็นอย่างไรบ้าง โดยวันแรกเป็นการแนะนำงานสายธุรกิจ งาน Bluebik Career Talk 2022 ครั้งนี้ทีมงาน Bluebik แนะนำสายงานต่างๆ ของบริษัทให้ผู้เข้าฟังได้รับรู้ว่างานในแต่ละวันที่แต่ละทีมต้องเจอเป็นอย่างไรบ้าง โดยวันแรกเป็นการแนะนำงานสายธุรกิจ เริ่มจากงาน Management Consulting เป็นการเข้าไปแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ หรือการวางแผนเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ ที่ผ่านมา Bluebik เคยเข้าไปวางแผนระบบLoyalty Program ให้กับองค์กรระดับประเทศ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างมหาศาล หรือการปรับเปลี่ยนธนาคารให้กลายเป็นธนาคารดิจิทัล ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการผู้ใช้ว่าทำไมจึงไม่ใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคาร ต่อเนื่องไปจนถึงการออกแบบ UX/UI ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จนกระทั่งมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 10 ล้านรายภายในเวลา 3 ปี เริ่มจากงาน Management Consulting เป็นการเข้าไปแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ หรือการวางแผนเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ ที่ผ่านมา Bluebik เคยเข้าไปวางแผนระบบLoyalty Program ให้กับองค์กรระดับประเทศ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างมหาศาล หรือการปรับเปลี่ยนธนาคารให้กลายเป็นธนาคารดิจิทัล ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการผู้ใช้ว่าทำไมจึงไม่ใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคาร ต่อเนื่องไปจนถึงการออกแบบ UX/UI ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จนกระทั่งมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 10 ล้านรายภายในเวลา 3 ปี การทำงานของกลุ่มนี้ต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารขององค์กรลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่จะทำงานในสายนี้ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา เสนอแนวทางแก้ไข พร้อมกับสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจเพื่อให้เห็นภาพเดียวกัน การทำงานของกลุ่มนี้ต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารขององค์กรลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่จะทำงานในสายนี้ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา เสนอแนวทางแก้ไข พร้อมกับสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจเพื่อให้เห็นภาพเดียวกัน งาน Strategic PMO เป็นการจัดการตัวโครงการและประสานงานให้สำเร็จสมบูรณ์ โดยที่ผ่านมาทีมงานนี้ได้เข้าไปบริหารโครงการสำคัญๆ หลายโครงการ เช่น การวางระบบหลัก (Core System) ของธุรกิจการเงินหรือประกันภัย เพื่อให้โครงการสำเร็จภายในกรอบเวลาและงบประมาณ โดยบางโครงการอาจเป็นการให้คำปรึกษาตั้งแต่การการเลือกผู้ผลิตเทคโนโลยี งาน Strategic PMO เป็นการจัดการตัวโครงการและประสานงานให้สำเร็จสมบูรณ์ โดยที่ผ่านมาทีมงานนี้ได้เข้าไปบริหารโครงการสำคัญๆ หลายโครงการ เช่น การวางระบบหลัก (Core System) ของธุรกิจการเงินหรือประกันภัย เพื่อให้โครงการสำเร็จภายในกรอบเวลาและงบประมาณ โดยบางโครงการอาจเป็นการให้คำปรึกษาตั้งแต่การการเลือกผู้ผลิตเทคโนโลยี การทำงานของกลุ่มนี้มีตั้งแต่การสื่อสารกับลูกค้า จัดการโครงการให้อยู่ในงบประมาณพร้อมกับจัดการความเสี่ยงและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการติดตามความก้าวหน้าของโครงการ ผู้ทำงานในสายนี้ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร สามารถเรียนรู้และช่วยเหลือแก้ปัญหา การทำงานของกลุ่มนี้มีตั้งแต่การสื่อสารกับลูกค้า จัดการโครงการให้อยู่ในงบประมาณพร้อมกับจัดการความเสี่ยงและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการติดตามความก้าวหน้าของโครงการ ผู้ทำงานในสายนี้ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร สามารถเรียนรู้และช่วยเหลือแก้ปัญหา งาน Marketing Transformation ให้บริการวางแผนการทำการตลาดควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุคใหม่ เริ่มตั้งแต่การปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่ ปรับแนวทางการทำการตลาดให้ใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้คนทำงานในสายนี้จำเป็นต้องติดตามกระแสในสังคม พร้อมกับเข้าใจการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อนำมาตอบโจทย์ธุรกิจ งาน Marketing Transformation ให้บริการวางแผนการทำการตลาดควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุคใหม่ เริ่มตั้งแต่การปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่ ปรับแนวทางการทำการตลาดให้ใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้คนทำงานในสายนี้จำเป็นต้องติดตามกระแสในสังคม พร้อมกับเข้าใจการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อนำมาตอบโจทย์ธุรกิจ ช่วงสุดท้ายของวันแรก คือทีม CRM Advisory & Solution เป็นการนำเทคโนโลยี CRM เช่น Salesforce มาปรับธุรกิจเพื่อให้จัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระงานธุรการที่เป็นงานซ้ำๆ โดยทีมต้องทำความเข้าใจในธุรกิจที่มักมีความต้องการต่างกันไปตามธรรมชาติของแต่ละธุรกิจ และสร้างระบบงานที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ทีมงานนี้มีทั้งฝั่งธุรกิจและฝั่งเทคนิคที่ช่วยปรับทั้งธุรกิจและ Implement โซลูชันให้ตอบโจทย์ ช่วงสุดท้ายของวันแรก คือทีม CRM Advisory & Solution เป็นการนำเทคโนโลยี CRM เช่น Salesforce มาปรับธุรกิจเพื่อให้จัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระงานธุรการที่เป็นงานซ้ำๆ โดยทีมต้องทำความเข้าใจในธุรกิจที่มักมีความต้องการต่างกันไปตามธรรมชาติของแต่ละธุรกิจ และสร้างระบบงานที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ทีมงานนี้มีทั้งฝั่งธุรกิจและฝั่งเทคนิคที่ช่วยปรับทั้งธุรกิจและ Implement โซลูชันให้ตอบโจทย์ วันที่สองเป็นการแนะนำงานในสายเทคโนโลยี โดยเริ่มจากทีม DX (Digital Excellence & Delivery) ให้บริการ 5 ด้านแก่องค์กรลูกค้า ได้แก่ การวางกลยุทธ์ด้านไอที, การวางสถาปัตยกรรมระบบไอที ปรับระบบให้ใช้งานคลาวด์ หรือปรับปรุงให้รองรับโหลดงานที่มากขึ้น, IT Capability Assessment ตรวจสอบความสามารถของไอทีองค์กรว่ายังมีจุดใดปรับปรุงได้บ้าง, DevOps ในทีมนี้มีทีมงานมาแนะนำงานในทีมอีก 3 สายงาน ได้แก่ วันที่สองเป็นการแนะนำงานในสายเทคโนโลยี โดยเริ่มจากทีม DX (Digital Excellence & Delivery) ให้บริการ 5 ด้านแก่องค์กรลูกค้า ได้แก่ การวางกลยุทธ์ด้านไอที, การวางสถาปัตยกรรมระบบไอที ปรับระบบให้ใช้งานคลาวด์ หรือปรับปรุงให้รองรับโหลดงานที่มากขึ้น, IT Capability Assessment ตรวจสอบความสามารถของไอทีองค์กรว่ายังมีจุดใดปรับปรุงได้บ้าง, DevOps ในทีมนี้มีทีมงานมาแนะนำงานในทีมอีก 3 สายงาน ได้แก่ System Analyst (SA) เป็นผู้วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจและออกแบบเป็นสเปคของระบบ โดยต้องทำงานร่วมกับฝั่งนักพัฒนาวิเคราะห์หาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหน้าที่ SA ต้องมีความสามารถทั้งด้านเทคนิคและ soft skill ไปพร้อมกัน
Business Analyst (BA) เป็นผู้แปลงความต้องการของธุรกิจให้กลายเป็นความต้องการของระบบ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์และต่อรองจัดการความต้องการต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้ฟีเจอร์สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจจริงภายในงบประมาณ โดยต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับทั้งลูกค้าและฝ่ายเทคนิค ช่วยมองแทนผู้เกี่ยวข้องว่าความต้องการต่างๆ อาจจะสร้างความเสี่ยงให้กับโครงการหรือไม่
Software Engineer เป็นผู้รับ requirement จาก project manager และนำฟีเจอร์ต่างๆ มาอิมพลีเมนต์ เช่นในฝั่ง frontend ใช้งาน React สำหรับเว็บ และ React Native สำหรับแอป, Angular, และภาษา TypeScript กระบวนการทำงานมีการทำ code review เพื่อให้แนะนำโค้ดมาช่วยกันแนะนำปรับปรุง System Analyst (SA) เป็นผู้วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจและออกแบบเป็นสเปคของระบบ โดยต้องทำงานร่วมกับฝั่งนักพัฒนาวิเคราะห์หาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหน้าที่ SA ต้องมีความสามารถทั้งด้านเทคนิคและ soft skill ไปพร้อมกัน System Analyst (SA) เป็นผู้วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจและออกแบบเป็นสเปคของระบบ โดยต้องทำงานร่วมกับฝั่งนักพัฒนาวิเคราะห์หาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหน้าที่ SA ต้องมีความสามารถทั้งด้านเทคนิคและ soft skill ไปพร้อมกัน Business Analyst (BA) เป็นผู้แปลงความต้องการของธุรกิจให้กลายเป็นความต้องการของระบบ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์และต่อรองจัดการความต้องการต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้ฟีเจอร์สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจจริงภายในงบประมาณ โดยต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับทั้งลูกค้าและฝ่ายเทคนิค ช่วยมองแทนผู้เกี่ยวข้องว่าความต้องการต่างๆ อาจจะสร้างความเสี่ยงให้กับโครงการหรือไม่ Business Analyst (BA) เป็นผู้แปลงความต้องการของธุรกิจให้กลายเป็นความต้องการของระบบ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์และต่อรองจัดการความต้องการต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้ฟีเจอร์สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจจริงภายในงบประมาณ โดยต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับทั้งลูกค้าและฝ่ายเทคนิค ช่วยมองแทนผู้เกี่ยวข้องว่าความต้องการต่างๆ อาจจะสร้างความเสี่ยงให้กับโครงการหรือไม่ Software Engineer เป็นผู้รับ requirement จาก project manager และนำฟีเจอร์ต่างๆ มาอิมพลีเมนต์ เช่นในฝั่ง frontend ใช้งาน React สำหรับเว็บ และ React Native สำหรับแอป, Angular, และภาษา TypeScript กระบวนการทำงานมีการทำ code review เพื่อให้แนะนำโค้ดมาช่วยกันแนะนำปรับปรุง Software Engineer เป็นผู้รับ requirement จาก project manager และนำฟีเจอร์ต่างๆ มาอิมพลีเมนต์ เช่นในฝั่ง frontend ใช้งาน React สำหรับเว็บ และ React Native สำหรับแอป, Angular, และภาษา TypeScript กระบวนการทำงานมีการทำ code review เพื่อให้แนะนำโค้ดมาช่วยกันแนะนำปรับปรุง ทีมงาน Advanced Insight เป็นทีมงานให้บริการด้านข้อมูลครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่ Data Consultant แนะนำการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจ จากนั้นเป็นการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูล โดยอาศัย Data Engineer และ Data Scientist สร้างกระบวนการใช้งานข้อมูลให้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ จากนั้นมีควบคุมการใช้งานทั้งด้านความปลอดภัยและนโยบายการเข้าถึงให้เป็นไปตามการกำกับดูแลของแต่ละธุรกิจ ตัวอย่างงานที่ทีม AI เคยทำเช่น การช่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดึงข้อมูลลูกค้าที่เคยติดต่อเข้ามาเพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้รายได้ต่อเดือนของบริษัทเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ทีมงาน Advanced Insight เป็นทีมงานให้บริการด้านข้อมูลครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่ Data Consultant แนะนำการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจ จากนั้นเป็นการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูล โดยอาศัย Data Engineer และ Data Scientist สร้างกระบวนการใช้งานข้อมูลให้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ จากนั้นมีควบคุมการใช้งานทั้งด้านความปลอดภัยและนโยบายการเข้าถึงให้เป็นไปตามการกำกับดูแลของแต่ละธุรกิจ ตัวอย่างงานที่ทีม AI เคยทำเช่น การช่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดึงข้อมูลลูกค้าที่เคยติดต่อเข้ามาเพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้รายได้ต่อเดือนของบริษัทเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ทีม ERP Intelligence เป็นทีมให้คำปรึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์ ERP ยอดนิยมอย่าง SAP โดยแนวทางของทีมจะเป็นการให้บริการ ERP Maximization คือการให้ธุรกิจสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่การลดปัญหาการใช้งาน เช่น การปรับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ, ปรับเพิ่มประสิทธิภาพ, แก้ปัญหาบั๊กต่างๆ ที่เคยมีในระบบ, และปรับ UX/UI ให้ใช้งานได้ง่าย จากนั้นเชื่อม SAP เข้ากับ Social Media เช่น LINE หรือ Microsoft Teams ทีม ERP Intelligence เป็นทีมให้คำปรึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์ ERP ยอดนิยมอย่าง SAP โดยแนวทางของทีมจะเป็นการให้บริการ ERP Maximization คือการให้ธุรกิจสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่การลดปัญหาการใช้งาน เช่น การปรับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ, ปรับเพิ่มประสิทธิภาพ, แก้ปัญหาบั๊กต่างๆ ที่เคยมีในระบบ, และปรับ UX/UI ให้ใช้งานได้ง่าย จากนั้นเชื่อม SAP เข้ากับ Social Media เช่น LINE หรือ Microsoft Teams งานด้าน SAP แบ่งออกเป็นสองด้าน คือ SAP Consultant รับ requirement จากลูกค้ามาออกแบบ และ Developer เขียนโปรแกรมภาษา ABAP เพื่อ Implement ตาม requirement ที่ได้รับมา การทำงานในสายนี้ทำให้คนทำงานได้เรียนรู้ธุรกิจที่หลากหลาย งานด้าน SAP แบ่งออกเป็นสองด้าน คือ SAP Consultant รับ requirement จากลูกค้ามาออกแบบ และ Developer เขียนโปรแกรมภาษา ABAP เพื่อ Implement ตาม requirement ที่ได้รับมา การทำงานในสายนี้ทำให้คนทำงานได้เรียนรู้ธุรกิจที่หลากหลาย ช่วงท้ายของงาน Bluebik Career Talk 2022 ทางบริษัทเล่านโยบายการทำงานภายในของ Bluebik เป็น Open Door Policy เปิดให้พนักงานทุกคนมีโอกาสเข้าถึงผู้บริหารระดับสูง ในแง่ของการพัฒนาความสามารถพนักงาน Bluebik ลงทุนกับการพัฒนาพนักงานหลายรูปแบบ ทั้งการเทรนนิ่งภายในและภายนอก การแชร์ความรู้ระหว่างกัน ไปจนถึงการให้ทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้กับพนักงาน สิทธิประโยชน์ของการทำงานกับ Bluebik ที่มีทั้ง ประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิต, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ, ประกันทันตกรรม และค่าตอบแทนที่แข่งขันได้ ช่วงท้ายของงาน Bluebik Career Talk 2022 ทางบริษัทเล่านโยบายการทำงานภายในของ Bluebik เป็น Open Door Policy เปิดให้พนักงานทุกคนมีโอกาสเข้าถึงผู้บริหารระดับสูง ในแง่ของการพัฒนาความสามารถพนักงาน Bluebik ลงทุนกับการพัฒนาพนักงานหลายรูปแบบ ทั้งการเทรนนิ่งภายในและภายนอก การแชร์ความรู้ระหว่างกัน ไปจนถึงการให้ทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้กับพนักงาน สิทธิประโยชน์ของการทำงานกับ Bluebik ที่มีทั้ง ประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิต, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ, ประกันทันตกรรม และค่าตอบแทนที่แข่งขันได้ สำหรับคนที่มองหางานที่มีความหลากหลาย ทั้งในเส้นทางธุรกิจและเส้นทางเทคโนโลยี นี่คือโอกาสที่ดีอีกครั้งที่ไม่ควรพลาด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และการสมัครงานกับ Bluebik สามารถสมัครได้ที่ สำหรับคนที่มองหางานที่มีความหลากหลาย ทั้งในเส้นทางธุรกิจและเส้นทางเทคโนโลยี นี่คือโอกาสที่ดีอีกครั้งที่ไม่ควรพลาด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และการสมัครงานกับ Bluebik สามารถสมัครได้ที่ ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related OR ร่วม Bluebik ประกาศเพิ่มทุนเป็น 50 ล้านบาท ใน Orbit Digital In "News" บลูบิค หรือ BBIK เตรียมเสนอขาย IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนกันยายน 64 In "News" ธนา เธียรอัจฉริยะ นั่งประธานบอร์ด บลูบิค กรุ๊ป มุ่งสู่คอนซัลต์ระดับแนวหน้าของไทย In "News" | -Management Consulting: เป็นทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์, บัญชี, หรือการเงิน ทำงานวางกลยุทธ์ให้กับองค์กรลูกค้าว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร มีโอกาสอะไรที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลกำไร เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรเหล่านั้นมองเห็นว่าควรลงทุนอะไร และคาดหวังผลตอบแทนได้เพียงใด
-Software Development and Modernization: ทีมงานด้านเทคโนโลยีที่จะออกแบบและติดตั้งระบบว่าควรเป็นอย่างไรจึงรองรับธุรกิจได้จริง ที่ผ่านมาหลายระบบที่ Bluebik เข้าไปทำมีความสำคัญสูง มีผู้ใช้นับสิบล้านราย ทำให้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง หรือการวางระบบที่มีขายในตลาด เช่น CRM/ERP ที่ต้องอาศัยผู้ความช่วยเหลือในการวางระบบ
-Big Data & Advanced Analytics: ทีมงานวางระบบระดับ Deep Tech ที่ Bluebik มีทั้ง Data Engineer และ Data Scientist สร้างระบบ machine learning เพื่อนำข้อมูลมาตอบปัญหาทางธุรกิจ
Business Implementation: ทีมงานวางแผนทั้งด้านการสร้างแบรนด์, ทำการตลาด, และการวางแผนลงสู่ตลาด (go-to-market strategy) เพื่อให้บริการใหม่ที่สร้างขึ้นมานั้นเข้าสู่ตลาดได้ดีขึ้น
-Strategic PMO: ทีมงานจัดการโครงการตลอดกระบวนการ ทีมงานนี้ยังเข้าไปดูแลเหตุการณ์สำคัญๆ ขององค์กรลูกค้า เช่น การควบรวมกิจการของสององค์กร หรือ การเปลี่ยนระบบคอร์ของธนาคารที่เป็นหัวใจสำคัญและต้องมีการประสานงานจำนวนมาก ตลอดจนการสร้างธุรกิจร่วมทุน (joint venture)
-Digital Uplift: บริการนำเทคโนดลยีดิจิทัลเข้าไปปรับปรุงองค์กรให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น
ทั้งหมดนี้ทำให้ Bluebik เป็นบริษัทที่สามารถช่วยองค์กรต่างๆ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ยุคใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55639 | Retail | จากกรณีไก่ย่างเชสเตอร์ ออกมาขายซอสเทอริยากิและซอสน้ำปลา สูตรลับของร้าน อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดขายจากสินค้าประเภทซอสปรุงรส | null | กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดขายจากสินค้าประเภทซอสปรุงรส:
1. เข้าใจความต้องการของลูกค้า: ธุรกิจค้าปลีกควรศึกษาความต้องการของลูกค้า เข้าใจว่าพวกเขามองหาอะไรในซอสปรุงรส รสชาติ ประเภท และความสะดวกในการใช้งาน
2. นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย: ธุรกิจค้าปลีกควรนำเสนอซอสปรุงรสหลากหลายรสชาติ ประเภท และแบรนด์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
3. จัดโปรโมชั่น: ธุรกิจค้าปลีกควรจัดโปรโมชั่น เช่น ลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 เพื่อดึงดูดลูกค้า
4. นำเสนอสูตรอาหาร: ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอสูตรอาหารที่ใช้ซอสปรุงรส เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างแรงบันดาลใจในการทำอาหาร
5. ใช้ช่องทางออนไลน์: ธุรกิจค้าปลีกควรใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชั่น ในการนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่น
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้:
จัดทำ "โซนซอสปรุงรส": จัดทำพื้นที่เฉพาะในร้านค้าสำหรับวางจำหน่ายซอสปรุงรสหลากหลายประเภท เพื่อดึงดูดลูกค้า
จัดกิจกรรม "ชิมและลอง": จัดกิจกรรมให้ลูกค้าได้ลองชิมซอสปรุงรสก่อนตัดสินใจซื้อ
จับคู่สินค้า: จับคู่ซอสปรุงรสกับวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ผัก เพื่อเพิ่มยอดขาย
นำเสนอ "เซ็ตซอสปรุงรส": นำเสนอเซ็ตซอสปรุงรสที่รวมซอสหลายชนิดในราคาพิเศษ
สร้าง influencer marketing: ร่วมมือกับ influencer บนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทซอสปรุงรส
บทสรุป:
ธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการเพิ่มยอดขายจากสินค้าประเภทซอสปรุงรส ควรศึกษาความต้องการของลูกค้า นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย จัดโปรโมชั่น นำเสนอสูตรอาหาร และใช้ช่องทางออนไลน์ effectively. | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55640 | Retail | การลงทุนของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป ใน "เถ้าแก่น้อย" และ "เวิร์คพอยท์" จะช่วยเพิ่มรายได้จากธุรกิจค้าปลีกของบริษัทหรือไม่? | null | ใช่ เหตุผล:
1. ขยายช่องทางจำหน่าย:
เถ้าแก่น้อย: มีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในประเทศ:
ร้านสะดวกซื้อ
ซูเปอร์มาร์เก็ต
ห้างสรรพสินค้า
ต่างประเทศ:
จีน
เวียดนาม
กัมพูชา
ลาว
พม่า
เวิร์คพอยท์:
ช่องทางออนไลน์
ช่องทางโทรทัศน์
ช่องทางอีเวนต์
2. เพิ่มสินค้าใหม่:
เถ้าแก่น้อย:
พัฒนาสินค้าร่วมกับเมเจอร์ เช่น ป๊อปคอร์นรสชาติใหม่
ขยายไลน์สินค้าใหม่ ๆ
เวิร์คพอยท์:
พัฒนาสินค้าลิขสิทธิ์จากรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์
3. เพิ่มฐานลูกค้า:
เถ้าแก่น้อย:
เพิ่มฐานลูกค้าจากแฟนคลับของเวิร์คพอยท์
เวิร์คพอยท์:
เพิ่มฐานลูกค้าจากผู้ชมภาพยนตร์ของเมเจอร์
4. เพิ่มโอกาสทางการตลาด:
เถ้าแก่น้อย:
ใช้ช่องทางการตลาดของเวิร์คพอยท์
เวิร์คพอยท์:
ใช้ช่องทางการตลาดของเมเจอร์
5. เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน:
เมเจอร์:
มีสินค้าหลากหลาย
มีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย
เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
6. เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ:
เมเจอร์:
ขยายธุรกิจค้าปลีก
ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
7. เพิ่มรายได้:
เมเจอร์:
รายได้จากการขายสินค้า
รายได้จากค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่าย
8. ลดความเสี่ยง:
เมเจอร์:
ลดความเสี่ยงจากธุรกิจโรงภาพยนตร์
กระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น
ตัวอย่าง:
เมเจอร์สามารถนำสินค้าของเถ้าแก่น้อยมาจำหน่ายในโรงภาพยนตร์
เมเจอร์สามารถนำสินค้าลิขสิทธิ์ของเวิร์คพอยท์มาจำหน่าย
เมเจอร์สามารถร่วมมือกับเวิร์คพอยท์ในการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์
สรุป:การลงทุนของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป ใน "เถ้าแก่น้อย" และ "เวิร์คพอยท์" จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากธุรกิจค้าปลีกของบริษัท | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55643 | Retail | SCB TechX มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้า Retail หรือไม่? | null | ใช่ เพราะ
1. กลยุทธ์ของ SCB TechX
SCB TechX มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับภูมิภาค ซึ่งหมายความว่า SCB TechX ต้องการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงกลุ่มลูกค้า Retail
2. ความเชี่ยวชาญของ SCB TechX
SCB TechX มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่หลากหลาย ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ Retail ได้ เช่น เทคโนโลยี AI, Cloud Computing, Big Data, Blockchain
3. ความร่วมมือกับ SCB X
SCB TechX เป็นส่วนหนึ่งของ SCB X ซึ่งประกอบด้วยบริษัทต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ Retail เช่น SCB Abacus, SCB Venture Capital
4. ตัวอย่างการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้า Retail
SCB TechX ได้เริ่มขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้า Retail บ้างแล้ว เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน "Robinhood" แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี
5. โอกาสทางธุรกิจ
ธุรกิจ Retail ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
6. เทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์
เทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
7. การแข่งขัน
มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้า Retail
8. ความท้าทาย
SCB TechX ต้องการเข้าใจความต้องการของลูกค้า Retail
9. กลยุทธ์ที่เหมาะสม
SCB TechX จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Retail
10. ความสำเร็จ
SCB TechX มีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจ Retail
สรุป
SCB TechX มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้า Retail เพราะมีกลยุทธ์ ความเชี่ยวชาญ ความร่วมมือ ตัวอย่าง ความท้าทาย และโอกาสทางธุรกิจ | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55648 | Retail | กลยุทธ์การขยายธุรกิจของ Barbie ไปสู่อุตสาหกรรมบันเทิง จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร? | null | จากข้อมูลข้างต้น กลยุทธ์ของ Barbie น่าจะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก ดังนี้:
1. เพิ่มยอดขายของเล่น Barbie
ภาพยนตร์ รายการทีวี และโฆษณา จะช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค
การร่วมมือกับบุคคลที่มีชื่อเสียง จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่
การเข้าร่วมงานอีเวนต์สำคัญ จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์
2. ขยายช่องทางจำหน่าย
Mattel สามารถจำหน่ายสินค้า Barbie ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
Mattel สามารถจับมือกับร้านค้าปลีกเพื่อจัดโปรโมชั่นพิเศษ
Mattel สามารถสร้างร้านค้าเฉพาะของ Barbie
3. สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า
Mattel สามารถจัดกิจกรรมพิเศษที่เกี่ยวข้องกับ Barbie
Mattel สามารถสร้างสวนสนุกหรือพิพิธภัณฑ์ Barbie
Mattel สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นเกม Barbie
4. เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์
Barbie จะกลายเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยและน่าสนใจ
Barbie จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กผู้หญิง
Barbie จะสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว
5. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
Mattel จะสามารถแข่งขันกับบริษัทของเล่นอื่น ๆ ได้ดีขึ้น
Mattel จะสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ
Mattel จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของ Barbie ยังมีความเสี่ยงบางประการ ดังนี้:
ภาพยนตร์ รายการทีวี หรือโฆษณา อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ
การร่วมมือกับบุคคลที่มีชื่อเสียง อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง
การเข้าร่วมงานอีเวนต์สำคัญ อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง
ดังนั้น Mattel จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบและติดตามผลอย่างใกล้ชิดสรุป
กลยุทธ์การขยายธุรกิจของ Barbie ไปสู่อุตสาหกรรมบันเทิง น่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในหลาย ๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม Mattel จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบและติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55651 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....การเปิดตัวไมโล นมถั่วเหลือง สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่เริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ผู้คนมองหานมทางเลือกที่มีประโยชน์ ทานง่าย และราคาไม่แพง | null | ไมโล นมถั่วเหลือง: ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพและอนาคต
ณ ร้านสะดวกซื้อปลายซอย เด็กชายวัย 10 ขวบ นามว่า "ต้น" กำลังยืนเลือกซื้อนมอยู่ เขาหยิบไมโลสูตรปกติขึ้นมาดู แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีเขียวสะดุดตา บนกล่องเขียนว่า "ไมโล นมถั่วเหลือง"
"นี่มันอะไรกัน?" ต้นพึมพำกับตัวเอง เขาหยิบกล่องขึ้นมาอ่านข้อมูลอย่างละเอียด พบว่าไมโลสูตรนี้มีส่วนผสมจากถั่วเหลือง 100% ปราศจากแลคโตส และมีโปรตีนสูงถึง 5,000 มก.
"น่าลอง!" ต้นตัดสินใจซื้อไมโล นมถั่วเหลืองกลับไปบ้าน
เมื่อถึงบ้าน ต้นรีบแกะกล่องและเทลงแก้ว กลิ่นหอมของโกโก้และมอลต์ลอยมาแตะจมูก เขาจิบไมโลอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติเข้มข้น หวานมัน ไม่ต่างจากไมโลสูตรปกติ
"อร่อยดี!" ต้นร้องด้วยความประหลาดใจ
แม่ของต้นเดินมาดู "ลองชิมไมโลสูตรใหม่แล้วเหรอ?"
"ครับ อร่อยมากเลย!" ต้นตอบ
"แม่ดีใจนะที่ลูกชอบ แม่ซื้อมาให้ลอง เพราะอยากให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ นมถั่วเหลืองมีโปรตีนสูง ดีต่อสุขภาพ และยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่แพ้นมวัวด้วย"
ต้นพยักหน้า "ครับ ต่อไปนี้ต้นจะกินไมโลสูตรนี้นะครับ"
วันต่อมา ต้นไปโรงเรียนและเล่าเรื่องไมโล นมถั่วเหลืองให้เพื่อน ๆ ฟัง เพื่อน ๆ หลายคนสนใจและอยากลองชิม
"ที่ร้านสะดวกซื้อมีขายนะ" ต้นบอกเพื่อน
หลังจากนั้น ไมโล นมถั่วเหลืองก็กลายเป็นตัวเลือกใหม่ของเด็ก ๆ ในโรงเรียน หลายคนเริ่มหันมาดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมโค | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55663 | Retail | ช่วยสรุปเรื่อง "เม็ดเงินโฆษณา 2565 ฟื้นตัวแน่นอน" ให้หน่อยค่ะ | นีลเส็น มั่นใจ เม็ดเงิน โฆษณา 2565 ฟื้นตัวกลับมาปกติ หลังปี 2563 หดตัวเหลือ 1.07 แสนล้านบาท และปีนี้ยังทรง ๆ เชื่อแบรนด์ต่าง ๆ ลงทุนเพิ่ม แต่ฝั่งผู้ผลิตเนื้อหาต้องตอบโจทย์กลุ่มต่าง ๆ และใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่ให้เป็น เม็ดเงิน โฆษณา 2565 ฟื้นตัวแน่นอน รัญชิตา ศรีวรวิไล ผู้อำนวยการธุรกิจมีเดีย นีลเส็น ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในไทยหดตัวต่อเนื่อง หากนับจากปี 2562 ที่อยู่ราว 1.23 แสนล้านบาท ปี 2563 ที่มีโรคระบาดกลับปรับตัวลดลงเหลือ 1.07 แสนล้านบาท และนับถึงเดือน พ.ย. 2564 ตัวเลขใกล้เคียงปี 2563 สำหรับเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวในปี 2565 การใช้จ่ายของแบรนด์ต่าง ๆ จะพุ่งไปที่สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ เพราะทั้งสองยังมีอิทธิพลในการจับจ่ายของผู้บริโภค กล่าวคือ สื่อโทรทัศน์ ยังเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้ดีที่สุด ผ่านการครอบคลุม 99% ของผู้บริโภค ส่วนสื่อออนไลน์ เป็นสื่อที่เข้าถึงได้รวดเร็ว และวัดผลได้จริง อย่างไรก็ตามตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว แบรนด์ต่าง ๆ ต้องวางแผนการทำตลาดในระยะสั้น และระยะยาวให้สมดุล เพื่อเกื้อกูลการสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ได้จริง เพราะหากเทไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อาจทำให้ภาพลักษณ์ และภาพรวมการทำตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น | นีลเส็น กล่าวว่า ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในไทยจากการระบาดของโรค COVID-19 หดตัวลงเหลือ 1.07 แสนล้านบาทในปี 2563 สำหรับเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวในปี 2565 จะพุ่งไปที่สื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ซึ่งยังมีอิทธิพลในการใช้จ่ายของผู้บริโภค แบรนด์ต่าง ๆ ต้องวางแผนการทำตลาดระยะสั้น และระยะยาวให้สมดุล | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55673 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....เทคโนโลยีใหม่ ๆ มักดึงดูดผู้บริโภค | null | แสงสว่างปลายอุโมงค์: เรื่องราวจากโลก Retail
ณ ใจกลางเมืองหลวง ท่ามกลางห้างสรรพสินค้าอันคึกคัก ร้านค้า Apple แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต พนักงานทุกคนแต่งตัวสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กับการเปิดตัว iPhone 13 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ทุกคนรอคอย
หนึ่งในลูกค้าที่มาเยือนร้านคือ "นลิน" สาวออฟฟิศวัย 28 ปี ผู้ใช้ iPhone 11 มาหลายปีแล้ว เธอใฝ่ฝันอยากได้ iPhone 13 ใหม่ ใจหนึ่งก็ลังเลกับราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เธอก็อดใจไม่ไหวกับกล้องที่ถ่ายสวยขึ้น และแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น
นลินเดินวนดู iPhone 13 ที่วางโชว์อยู่บนเคาน์เตอร์ พนักงานขายหนุ่มยิ้มแย้มเข้ามาต้อนรับ เขาอธิบายฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone 13 ให้เธอฟังอย่างละเอียด นลินฟังอย่างตั้งใจ รู้สึกประทับใจกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยี
"สนใจสีไหนครับ?" พนักงานขายถาม
"สีชมพูค่ะ" นลินตอบ
"สีชมพูสวยมากครับ แต่ตอนนี้ของหมดครับ" พนักงานขายแจ้ง
นลินรู้สึกผิดหวัง เธออยากได้ iPhone 13 สีชมพูมากที่สุด
"แล้วจะเข้ามาอีกเมื่อไหร่คะ?" เธอถาม
"ไม่แน่ใจครับ อาจจะอีกสักอาทิตย์"
นลินตัดสินใจจอง iPhone 13 สีชมพูไว้ เธอไม่อยากรอ เธอคิดว่าสีชมพูน่าจะเหมาะกับเธอมากที่สุด
ในระหว่างที่รอ นลินก็ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ iPhone 13 อยู่เสมอ เธออ่านรีวิว ดูวิดีโอ เปรียบเทียบราคา
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา นลินได้รับโทรศัพท์จากพนักงานขาย แจ้งว่า iPhone 13 สีชมพูมาแล้ว เธอรีบไปรับเครื่องทันที
"ขอบคุณค่ะ" นลินพูดด้วยรอยยิ้ม
"ยินดีครับ เชิญใช้งาน iPhone 13 อย่างมีความสุขนะครับ" พนักงานขายตอบ
นลินรู้สึกดีใจมาก เธอแกะกล่อง iPhone 13 ด้วยความตื่นเต้น ดีไซน์สวยงาม จับถนัดมือ หน้าจอคมชัด กล้องถ่ายรูปสวย
เธอเริ่มใช้งาน iPhone 13 ทันที ถ่ายรูป เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ทุกอย่างลื่นไหล รวดเร็ว ประทับใจเกินคาด
นลินรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เธอคิดว่า iPhone 13 จะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตเธอได้มาก | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55676 | Retail | ช่วยสรุปเรื่อง "ทิศทางการทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์" ให้หน่อยค่ะ | ถือของสวย ๆ ไม่ได้ ต้องช่วยแบรนด์ขายด้วย สุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tellscore แพลตฟอร์มรวมอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า แบรนด์ต่าง ๆ ยังลงทุนทำตลาดผ่าน อินฟลูเอนเซอร์ อยู่ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ทำให้การลงทุนเริ่มเปลี่ยนจากเน้นวัดผลเรื่องการรับรู้ หรือภาพลักษณ์ เป็นเน้น Conversion หรือวัดผลเรื่องยอดขาย “ตอนนี้ อินฟลูเอนเซอร์ ยังงง ๆ ว่าสรุปแล้วต้องให้ไลฟ์ขายของ หรือมีวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้ เพราะก่อนหน้านี้ อินฟลูเอนเซอร์ เหมือนเป็นช่องทางในการสื่อสารแบรนด์ไปหาลูกค้ามากกว่า แต่ถ้า อินฟลูเอนเซอร์บางคนปรับตัวไม่ได้ โอกาสที่จะสร้างรายได้ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจนี้ก็แทบสูญหาย” สุวิตา ได้ยกตัวอย่างกรณีน่าสนใจ เช่น อินฟลูเอนเซอร์ ในประเทศจีนมีการไลฟ์ขายของจนช่วยสร้างยอดขายให้แบรนด์ที่มาจ้าง ตอบโจทย์ช่วยเศรษฐกิจฝืดเคืองได้ดี ที่สำคัญคือ ไม่มีใครอายว่าต้องถือของออกมาขาย เพราะคือโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้ให้พวกเขา จาก Marketing Tool สู่ Marketing Channel ขณะเดียวกัน อินฟลูเอนเซอร์ ที่ปรับรูปแบบตัวเองจากการช่วยสื่อสารแบรนด์ เป็นการช่วยแบรนด์สร้างยอดขายได้จริง พวกเขาจะยกระดับตัวเองจาก Marketing Tool หรือเครื่องมือในการทำตลาด สู่ Marketing Channel หรือช่องทางในการทำตลาดที่ดึงยอดขายเข้ามาที่แบรนด์ต่าง ๆ ได้ “เมื่อเกิดวิกฤต แบรนด์จะหยุดใช้เงินกับ Marketing Tool เพื่อคุมค่าใช้จ่าย แต่ไม่ใช่กับ Marketing Channel ที่แบรนด์ยังต้องทุ่มเงินฝากขายสินค้าตามค้าปลีก หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ อยู่ มันจึงน่าจะดีกว่าที่ อินฟลูเอนเซอร์ จะพัฒนาตัวเอง และก้าวขึ้นมาเป็นช่องทางขายสินค้าของแบรนด์ต่าง ๆ ได้” ในทางกลับกัน แบรนด์ ต้องพยายามเป็นเพื่อน หรือเป็น อินฟลูเอนเซอร์ เองด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสการขายสินค้าได้มากกว่าเดิม ผ่านการสะสมความเชื่อใจจากผู้ติดตาม รวมถึงการพัฒนาเนื้อหาที่แตกต่าง จึงไม่แปลกที่หลังจากนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งฝั่ง อินฟลูเอนเซอร์ และแบรนด์ต่าง ๆ ปรับตัวอย่างหนักเพื่อให้ขายสินค้า หรือบริการได้จริง อินฟลูเอนเซอร์ กับ Affiliate อาจไปด้วยกันยาก เมื่อวัดกันเรื่องยอดขายเป็นหลัก บางแบรนด์เริ่มเสนอโปรแกรม Affiliate หรือการแบ่งรายได้จากการขายให้อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งคนนอกวงการอาจมองว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ดี แต่จากที่พิสูจน์มา Affiliate ที่มีประสิทธิภาพ ต้องให้ผลตอบแทนกับ อินฟลูเอนเซอร์ มากกว่าที่เป็นอยู่ “อินฟลูเอนเซอร์ ที่เก่ง ๆ มีเยอะ และพวกเขาเริ่มนำเข้าสินค้ามาขายเอง แถมทำกำไรได้หลายร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าแบรนด์จะแบ่งกำไรแค่เปอร์เซนต์หลักหน่วย ก็คงไม่คุ้มกับที่พวกเขาจะร่วมมือด้วย ซึ่ง Tellscore มองว่า จุดที่เหมาะสมคือราว 30%” สำหรับโปรแกรม Affiliate สุวิตา มองว่า คล้ายกับ Direct Sale หรือการตลาดขายตรง ทำให้แบรนด์ต้องไปเรียนรู้การตลาดแบบนี้มากขึ้นก่อนที่จะเริ่มโปรแกรม Affiliate เช่นการพัฒนาบุคลากรภายในให้เข้าใจกลยุทธ์ และสินค้า พร้อมปั้นพวกเขาเป็น อินฟลูเอนเซอร์ เพื่อช่วยจำหน่ายสินค้าได้เช่นกัน Tellscore กับการเติบโต 60% ในปี 2020 ส่วนธุรกิจ Tellscore ปัจจุบันมี อินฟลูเอนเซอร์ ในระบบกว่า 70,000 คน แลtทำงานกับ Key Opinion Leader หรือ KOL เพื่อเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ | "ทิศทางการทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ สรุปได้ดังนี้:
1. อินฟลูเอนเซอร์ นอกจากถือของสวย ๆ ต้องช่วยเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ด้วย
2. อินฟลูเอนเซอร์ปรับรูปแบบจากการช่วยสื่อสารแบรนด์เป็นการช่วยแบรนด์สร้างยอดขาย ยกระดับเครื่องมือทำตลาดสู่ช่องทางทำตลาดที่ดึงยอดขายเข้ามาที่แบรนด์ต่าง ๆ
3. บางแบรนด์เริ่มเสนอการแบ่งรายได้จากการขายให้อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งอาจไปด้วยกันยาก
4. มีอินฟลูเอนเซอร์ ในระบบ Tellscore กว่า 70,000 คนทำงานกับ Key Opinion Leader เพื่อเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55680 | Retail | สรุปบทความเรื่อง JKN บุกตลาดกัญชง ให้หน่อย | JKN เปิดเกมนอกธุรกิจสื่อด้วยการบุกตลาดกัญชงแท้ ร่วมมือผู้ผลิตเครื่องสำอาง และอาหารเสริม DOD ปั้นสินค้านับสิบรายการ เบื้องต้นจำหน่ายผ่านช่องทางทีวี และออนไลน์ เสริมแกร่งรายได้อื่นๆ ในอนาคต JKN กับการลุยตลาดกัญชงรายแรก จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN เปิดเผยว่า หลังอย. อนุญาตให้มีผลิตภัณฑ์กัญชงในไทย และกระแสความนิยมกัญชงที่เติบโต ทำให้บริษัทเห็นโอกาสทางธุรกิจ ในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้กัญชงเป็นสารสกัดสำคัญ ล่าสุดบริษัทเตรียมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารสกัดของกัญชงแท้แบบออร์แกนิค ที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยบริษัทฯ และมีพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่างบมจ.ดีโอดี ไบโอเทค หรือ DOD เป็นผู้ผลิตให้ จะสร้างปรากฎการณ์เขย่าวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพของเมืองไทยอย่างแน่นอน “ JKN ได้มีแผนการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบ Exclusive ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน และชอบสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากกว่า ซึ่งถือว่าเราเป็นเจ้าแรกที่จัดจำหน่ายขายปลีกส่งตรงถึงผู้บริโภค ผ่านสื่อโทรทัศน์ทุกช่อง ครอบคลุมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม และสามารถสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง” เบื้องต้นสินค้ากัญชงที่ JKN จำหน่ายจะมีกว่า 10 รายการ ไล่ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลข้อเข่าและลดความเมื่อยล้าคลายอาการปวดกล้ามเนื้อ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยการนอนหลับและคลายเครียด และชาสำเร็จรูปจากกัญชง ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวลเป็นต้น สรุป ถือเป็นการแตกไลน์สินค้าที่น่าสนใจของ JKN เพราะแค่ทำธุรกิจสื่ออาจไม่ยั่งยืน ดังนั้นการกระจายไปหาธุรกิจที่สร้างโอกาสรายได้ใหม่ๆ น่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า JKN จะประสบความสำเร็จในตลาดกัญชงหรือไม่ และในอนาคตจะมีสินค้าอะไรของกลุ่ม JKN ออกมาอีก ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related โรจูคิส ทำตลาดกัญชงอีกราย ใส่เครื่องสำอาง-อาหารเสริม ชูช่องทางแข็งแกร่ง หวังขึ้นผู้นำ In "News" ครึ่งปีหลัง 2564 เตรียมพบสินค้ากัญชง-กัญชา หลายแบรนด์ลงทุน-พร้อมทำตลาด In "News" ถุงสายเขียว!? เจ้าของถุงยาง One Touch ลงทุน กัญชง-กัญชา-กระท่อม เตรียมใส่ใน ถุงยาง-เจลหล่อลื่น In "News" | บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย เปิดเผยว่า หลังอย. อนุญาตให้มีผลิตภัณฑ์กัญชงในไทย ทำให้เห็นโอกาสทางธุรกิจ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้กัญชง ตามกระแสนิยมกัญชง ล่าสุดเตรียมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารสกัดของกัญชงแท้แบบออร์แกนิค โดยได้ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค เป็นผู้ผลิตให้ เบื้องต้นสินค้ากัญชงที่ JKN จำหน่ายจะมีกว่า 10 รายการ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55681 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....ในยุคดิจิทัล ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย ห้างสรรพสินค้าจึงต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า มุ่งเน้นไปที่ "Customer First" | null | ภารกิจพิชิตใจลูกค้า: กลยุทธ์รักษาความภักดีในยุคดิจิทัล
ณ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของผู้คน นางสาวพิม พนักงานสาวฝ่ายการตลาด กำลังจดจ่ออยู่กับรายงานผลวิจัย RPI ประจำปี 2564 ดวงตาของเธอฉายแววความกังวลใจ ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าคะแนนความภักดีของลูกค้าต่อห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก
"ทำไมลูกค้าถึงไม่ผูกพันกับเรา?" พิมอดตั้งคำถามในใจ
เธอหันไปมองผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมา แต่ละคนมีจุดหมายปลายทาง มีสินค้าที่ต้องการ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้สึกผูกพันกับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นพิเศษ พิมถอนหายใจ รู้ดีว่าเธอมีภารกิจสำคัญรออยู่ข้างหน้า นั่นคือการหาวิธีสร้างความภักดีให้กับลูกค้า ยกระดับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
พิมเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด เธอค้นพบว่าลูกค้าในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับสินค้าเพื่อสุขภาพ ความหลากหลายของสินค้า โปรแกรมสมาชิกที่คุ้มค่า ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก และช่องทางการสื่อสารที่ตรงใจ
จากข้อมูลเหล่านี้ พิมจึงริเริ่มโครงการ "Customer First" ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์หลัก 3 ประการ ดังนี้
1. สินค้าเพื่อสุขภาพตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์: พิมนำเสนอสินค้าออร์แกนิก สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น เธอจัดพื้นที่พิเศษภายในห้างสรรพสินค้าเพื่อแสดงสินค้าเหล่านี้ และจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าแก่ลูกค้า
2. สวรรค์ของนักช้อป: พิมเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ตอบโจทย์ทุความต้องการของลูกค้า เธอคัดสรรสินค้าใหม่ๆ จากแบรนด์ชั้นนำ นำเสนอสินค้าเฉพาะกลุ่ม และจัดโปรโมชันพิเศษกระตุ้นยอดขาย
3. ประสบการณ์เหนือระดับ: พิมพัฒนาโปรแกรมสมาชิกให้คุ้มค่ามากขึ้น เสนอสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมาย พัฒนาบริการให้รวดเร็ว สะดวก ตรงใจลูกค้า สร้างช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น แอปพลิเคชัน ไลน์ และเฟซบุ๊ก เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามและติดตามข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวก
ผลลัพธ์ที่ได้ช่างน่าประทับใจ ลูกค้าเริ่มทยอยกลับมาช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ยอดขายสินค้าพุ่งสูงขึ้น โปรแกรมสมาชิกได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม พิมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความภักดีให้กับลูกค้า ยกระดับห้างสรรพสินค้าให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักช้อป | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55683 | Retail | AIS 5G จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร? | null | AIS 5G จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม ดังนี้
1. การช็อปปิ้งออนไลน์
-ผู้บริโภคจะช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น
-ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องมีช่องทางออนไลน์ที่แข็งแกร่ง
-5G จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ เช่น การลองสินค้าเสมือนจริง
2. การชำระเงิน
-5G จะช่วยให้การชำระเงินรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น
-ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น การชำระเงินผ่านมือถือ
3. การจัดส่งสินค้า
-5G จะช่วยให้การจัดส่งสินค้ารวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
-ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอตัวเลือกการจัดส่งสินค้าที่หลากหลาย เช่น บริการจัดส่งในวันเดียวกัน
4. การบริการลูกค้า
-5G จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำเสนอบริการลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น
-ตัวอย่างเช่น ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ chatbots ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อตอบคำถามของลูกค้า
5. การวิเคราะห์ข้อมูล
-5G จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้ดีขึ้น
-ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การช็อปปิ้งสำหรับลูกค้าแต่ละราย
ตัวอย่าง
-ห้างสรรพสินค้า CentralWorld ได้นำเทคโนโลยี 5G มาใช้เพื่อพัฒนาระบบ AR Shopping Assistant ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถลองสินค้าเสมือนจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
-ร้านค้าปลีก Tesco Lotus ได้นำเทคโนโลยี 5G มาใช้เพื่อพัฒนาระบบ Smart Shelf ที่ช่วยให้พนักงานสามารถติดตามสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์
อย่างไรก็ตาม
-ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องลงทุนในเทคโนโลยี 5G
-ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี 5G
โดยสรุป
5G จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55686 | Retail | Hisense วางกลยุทธ์การขยายตลาดในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ใช่หรือไม่? | null | ใช่
เหตุผล คือ:
1. การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่าน Sport Marketing:
- Hisense เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยปี 2016 และเริ่มสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านการสนับสนุน ฟุตบอล Euro 2016
- กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Hisense เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวาง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
- Hisense เดินหน้าใช้กลยุทธ์ Sport Marketing ต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุน ฟุตบอลโลก 2018 และ ฟุตบอลยูโร 2020
- กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Hisense รักษาการรับรู้แบรนด์ และสร้างความผูกพันกับลูกค้า
2. การนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด:
- Hisense เน้นจำหน่ายทีวีรุ่นกลางบน ขนาดค่อนข้างใหญ่ ในราคาที่คุ้มค่า
- กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Hisense ดึงดูดลูกค้าที่มองหาทีวีที่มีคุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสม
- Hisense ขยายสินค้ากลุ่มอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และไมโครเวฟ
- การขยายสินค้ากลุ่มอื่น ๆ ช่วยให้ Hisense เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น และสร้างรายได้เพิ่ม
3. การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์:
- Hisense ปรับกลยุทธ์การขายในช่วง COVID-19 โดยรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น
- กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Hisense รักษายอดขาย และเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย
- Hisense นำเสนอโปรโมชัน และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เหมาะสมกับสถานการณ์
- กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Hisense ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการขาย
4. การสร้างจุดแข็งด้านนวัตกรรม:
- Hisense นำเสนอ Laser TV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
Laser TV มอบประสบการณ์การรับชมที่เหนือกว่าทีวีแบบดั้งเดิม
- การนำเสนอ Laser TV ช่วยให้ Hisense แตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์
5. การตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย:
- Hisense ตั้งเป้ายอดขายในไทยไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ในปี 2021
- เป้าหมายนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Hisense ในการขยายตลาดในประเทศไทย
- Hisense มุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำในประเทศไทย
สรุป:
Hisense วางกลยุทธ์การขยายตลาดในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย, การนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด, การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์, การสร้างจุดแข็งด้านนวัตกรรม, และการตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้ Hisense เติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในประเทศไทย | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55688 | Retail | ช่วยสรุปบทความ Bar B Q Plaza ขายชุดอาหารทะเลในซูเปอร์มาร์เก็ต | ตั้งแต่ต้นปี Bar B Q Plaza ทำงานกับพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างแบรนด์ให้อยู่ในใจคนไทย ล่าสุดจับมือ Thai Union ยักษ์ใหญ่อาหารทะเล ทำชุดอาหารทะเลพร้อมปรุง GON กับแก๊งกุ้ง และ GON ยกมาทั้งทะเล ขายในค้าปลีกทั่วไป Bar B Q Plaza กับการรุกตลาดค้าปลีกอีกครั้ง บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น เผยว่า การร่วมมือกับ Thai Union เป็นการต่อยอดกลยุทธ์ Licensing Partnerships ที่ทำมาตั้งแต่ต้นปี โดยครั้งนี้จะมากับชุกอาหารทะเล ผู้ซื้อนำไปปรุงอาหารได้ง่าย ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้ สำหรับ GON กับแก๊งกุ้ง และ GON ยกมาทั้งทะเล วางขายในราคาเริ่มต้น 179 บาท ที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต โลตัส และ ท็อปส์ โดยนอกจากอาหารทะเลต่าง ๆ เช่น เนื้อปลาแซลมอน ปลาหมึก หอยแมลงภู่ และกุ้ง ภายในชุดยังมาพร้อมกับ คามะจัง และน้ำจิ้มบาร์บีคิวสูตรดั้งเดิม “นอกจากจะเป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ จากการเก็บค่า GP สินค้ากับพาร์ทเนอร์แล้ว เรายังเตรียมจัดเซอร์ไพรส์สุดพิเศษให้แก่แฟนบาร์บีคิวพลาซ่า ด้วยการรังสรรค์เมนูใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ โดยการใช้วัตถุดิบหลักของไทยยูเนี่ยน เตรียมบุกตลาดเดลิเวอรี เร็ว ๆ นี้ อยากให้รอติดตาม” ด้าน ธนโชติ บุญมีโชติ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า การจับมือกันครั้งนี้ยังสร้างความหลากหลาย และเป็นตัวเลือกใหม่ของผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพร้อมปรุงเอาใจทั้งสายปิ้ง ย่าง ต้ม หรือลวก ที่มาพร้อมกับมาตรฐานการผลิตระดับโลก มั่นใจในความปลอดภัยได้ สรุป ก่อนหน้านี้ Bar B Q Plaza มีการร่วมมือกับ AIS เพื่อเปิดร้านดิจิทัลขยายช่องทางจำหน่าย, ทำเมนูขนมกับ KCG ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเบเกอรี่, ทำการตลาดร่วมกับ แสนสิริ และทำชุดอาหารพร้อมปรุงกับ TGM แสดงให้เห็นว่า Bar B Q Plaza และกลุ่ม Food Passion ไม่เคยหยุดแม้ร้านอาหารจะถูกปิดเพราะ COVID-19 ก็ต้องมีช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้ ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related เจาะตลาดอาหารแช่แข็ง 2,000 ล้านบาท ผ่านสายตา Q Fresh แบรนด์ลูกกลุ่ม Thai Union และอันดับ 2 ของตลาดนี้ In "Business" Bar B Q Plaza ร่วมมือ After You ขาย แป้งโอโคโนมิยากิ GON X After You In "News" แก้เกมร้านอาหารปิด Bar B Q Plaza จัดชุด “เบค่อน” พร้อมน้ำจิ้มแท้ให้ไปทำกินถึงบ้าน In "News" | Bar B Q Plaza ร่วมมือกับ Thai Union เพื่อนำเสนอชุดอาหารทะเล GON แก๊งกุ้งและ GON ทะเลในร้านค้าปลีกทั่วไปในไทย
Bar B Q Plaza กับการรุกตลาดค้าปลีกอีกครั้ง
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น, ร่วมมือกับ Thai Union ในกลยุทธ์ Licensing Partnerships เพื่อขยายตลาดอาหารทะเล ที่จะวางขายในร้านสะดวกซื้อและตลาดทั่วไปในราคาเริ่มต้น 179 บาท มีเมนูทะเลต่าง ๆ และมาพร้อมคามะจัง และน้ำจิ้มบาร์บีคิวดั้งเดิม
การสร้างรายได้ผ่านการเก็บค่า GP สินค้ากับพาร์ทเนอร์เป็นช่องทางหนึ่ง และมีเซอร์ไพรส์เมนูใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ สำหรับแฟนบาร์บีคิวพลาซ่า โดยใช้วัตถุดิบหลักของไทยยูเนี่ยน มีแผนที่เตรียมบุกตลาดเดลิเวอรีเร็ว ๆ นี้ ธนโชติ บุญมีโชติ, ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป, ยืนยันว่ามีความหลากหลายและมาตรฐานการผลิตระดับโลกในผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่เตรียมเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ Bar B Q Plazaร่วมมือกับ AIS เพื่อเปิดร้านดิจิทัลขยายช่องทางจำหน่าย ทำเมนูขนมกับ KCG ธุรกิจเบเกอรี่ ทำการตลาดร่วมกับ แสนสิริ และทำชุดอาหารพร้อมปรุงกับ TGM แสดงให้เห็นว่า Bar B Q Plaza และกลุ่ม Food Passion แม้ว่าร้านอาหารจะปิดตัวลงเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ก็ยังคงพัฒนาช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55694 | Retail | กลยุทธ์ Total Solution ของ TOA ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร | null | กลยุทธ์ Total Solution ของ TOA ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก ดังนี้
1. เพิ่มช่องทางการขาย
-TOA เปิดร้าน Mega Paint & Home จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง
-กลยุทธ์นี้ช่วยให้ TOA เข้าถึงลูกค้าโดยตรง และขยายฐานลูกค้าใหม่
2. เพิ่มสินค้าที่จำหน่าย
-TOA ขยายพอร์ตสินค้าไปยังกลุ่ม Non-Decorate เช่น กระเบื้องปูพื้น, เครื่องมือช่าง
-กลยุทธ์นี้ช่วยให้ TOA ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร
3. เพิ่มบริการ
-TOA มีบริการ Who Service ซ่อมบำรุงบ้าน และอาคาร
-กลยุทธ์นี้ช่วยให้ TOA เพิ่มรายได้จากบริการ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
4. เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง
-TOA พัฒนาศูนย์รวมสี และอุปกรณ์ก่อสร้างบนโลกออนไลน์ TOA Smart
-กลยุทธ์นี้ช่วยให้ลูกค้าสะดวกในการเลือกซื้อสินค้า และเปรียบเทียบราคา
5. เพิ่มการแข่งขัน
-TOA เข้ามาเป็นคู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง
-กลยุทธ์นี้ช่วยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และได้สินค้าในราคาที่ cạnh tranh
โดยสรุป
กลยุทธ์ Total Solution ของ TOA ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก ในหลายแง่มุม กลยุทธ์นี้ช่วยให้ TOA เพิ่มช่องทางการขาย เพิ่มสินค้าที่จำหน่าย เพิ่มบริการ เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง และเพิ่มการแข่งขัน | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55699 | Retail | จงสรุปบทความเรื่อง "Yamazaki พร้อมส่งขนมปังช่วยภัยพิบัติในญี่ปุ่น" ให้หน่อยนะคะ | เมื่อเกิดภัยพิบัติในญี่ปุ่น Yamazaki คือแบรนด์ประจำที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยขนมปังบรรจุถุง ไม่ว่าสภาพเส้นทางจะแย่แค่ไหน Yamazaki สามารถส่งขนมปังได้ทันเวลาเสมอ มาดูกันว่าทำไม Yamazaki ถึงทำได้ กระจายโรงงานผลิตทั่วประเทศญี่ปุ่น ภัยพิบัติล่าสุดที่ Yamazaki เข้าไปช่วยเหลือคือเหตุการณ์ฝนตกอย่างหนักทั่วประเทศญี่ปุ่นช่วงกลางเดือน ส.ค. 2021 หลายพื้นที่น้ำท่วม และเกิดดินถล่ม จนเทศบาลเมืองต่าง ๆ ต้องประกาศตั้งศูนย์อพยพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่นในเมือง Soja จังหวัด Okayama ที่ัตั้งศูนย์อพยพถึง 9 แห่ง และอาหารต้องพร้อมเมื่อผู้ประสบภัยมาถึง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเมื่อ Yamazaki รับรู้ เพราะบริษัทอาศัยการมีโรงงานกว่า 26 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งยังมีรถสายส่งของตัวเอง ทำให้ Yamazaki สามารถส่งขนมปังแซนด์วิชสอดบรรจุถุงกว่า 1,400 ชิ้น หลังผู้ประสบภัยมาถึงศูนย์อพยพได้ภายในไม่ถึงชั่วโมง ทั้งในช่วงเวลาเดียวกัน Yamazaki ยังส่งขนมปังไปยังศูนย์อพยพในเมืองอื่นในจังหวัดข้างต้นเช่นกัน รวมถึงทั้งหมดกว่า 4,000 ชิ้น ถือเป็นการช่วยเหลือที่น่าสนใจ เพราะต้องฝ่าถนนที่มีปัญหา และต้องใช้เวลารวดเร็วเพื่อส่งมอบทุกอย่างให้ทันเวลา ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Yamazaki ทำแบบนี้ ตัวอย่างวีดีโอรถขนส่งขนมปัง Yamazaki ที่วิ่งฝ่าฝน และถนนเลนเดียวไปส่งขนมปัง ทุกภัยพิบัติ ต้องมี Yamazaki เป็นอาหาร จะบอกว่าเป็นการสร้างแบรนด์ให้เกิดการรับรู้ช่วงภัยพิบัติก็ได้ แต่ทุกภัยพิบัติ โดยเฉพาะแผ่นดินไหว Yamazaki ในศูนย์ผู้อพยพจะมีขนมปัง Yamazaki พร้อมให้รับประทานเสมอ จึงน่าจะเป็นความตั้งใจของ Yamazaki ในการช่วยเหลือมากกว่า เพราะขนมปังบรรจุถุงค่อนข้างง่ายต่อการรับประทาน และการขนส่งในช่วงเวลาดังกล่าว ทางการ Yamazaki ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในฐานะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร บริษัทย่อมมีหน้าที่ช่วยเหลือสังคมผ่านการส่งมอบอาหารให้กับพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ และใช้ความพยายามเต็มที่ในการส่งมอบขนมปัง, ข้าว และเครื่องดื่มเพื่อดูแลผู้ประสบภัย ซึ่งบริษัทจะยึดมั่นแนวคิดนี้ไว้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับภาพรวมธุรกิจของ Yamazaki ประกอบด้วยธุรกิจอาหาร คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 93.8% ในปีงบประมาณ 2020 รองลงมาเป็นธุรกิจค้าปลีกผ่านการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต 4.9% และธุรกิจอื่น ๆ เช่นการจำหน่ายวัตถุดิบ หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับอาหารอีก 1.3% ทั้งหมดนี้คิดเป็นรายได้รวม 9.52 แสนล้านเยน มีพนักงาน 29,243 คน ในประเทศไทยมี Farmhouse ที่ช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามเมื่อมองมาที่ประเทศไทย Yamazaki ถูกวางเป็นร้านขายขนมปังตอบโจทย์คนเมือง หรือลูกค้าซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ ไม่เหมือนกับในญี่ปุ่นที่ Yamazaki จะวางจำหน่ายขนมปังในร้านสะดวกซื้อ และค้าปลีก ทำให้บทบาทในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอาจมีไม่มากนัก หากมองในมุมเดียวกันนี้จะพบว่า Farmhouse แบรนด์ขนมปังของ บมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ มีการส่งขนมปังบรรจุถุงพร้อมทานในภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ต่างกับที่ Yamazaki ทำ โดย Farmhouse มีรถขนส่งของตัวเองกว่า 1,000 คัน และมีขนมปังกว่า 100 ชนิดวางจำหน่ายอยู่ เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้จะพบว่า ขนมปัง กลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความหิวในช่วงเกิดภัยพิบัติได้เป็นอย่างดี เพราะรับประทาน และขนส่งได้ง่าย จึงอยู่ที่ว่าฝั่งผู้ผลิตขนมปังเหล่านั้นจะพร้อมเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัย และทุ่มเทกับการขนส่งขนมปังให้ถึงที่หมายอย่างทันท่วงทีแค่ไหน สรุป การช่วยเหลือของ Yamazaki แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท และจริงใจที่จะส่งขนมปังให้ถึงผู้ประสบภัยจริง ๆ ไม่ใช่แค่ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ส่วนในประเทศไทย Farmhouse มีการช่วยเหลือในทิศทางเดียวกัน และส่วนตัวมองว่าในอนาคต ทั้งสองแบรนด์น่าจะคงแนวคิดนี้ไว้ และพร้อมช่วยเหลือสังคมเมื่อเกิดภัยพิบัติทุกเมื่อ อ้างอิง // Soranews24 ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related รู้จักขนมปัง “ยามาซากิ” พร้อมแบรนด์ย่อยต่างๆ และการขยายธุรกิจจนรายได้แตะพันล้านบาท In "Analysis" ไอเดียเจ๋ง! ญี่ปุ่นใช้ Pokémon GO เพื่อการท่องเที่ยว เตรียมปล่อย rare Pokémon ใน 4 จังหวัดภัยพิบัติ In "News" ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืน Nestle ส่ง KitKat รสโยเกิร์ต ช่วยเหลือฟาร์มโคนมที่ถูกไต้ฝุ่นโจมตี In "News" | ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติในญี่ปุ่น, บริษัท Yamazaki เป็นแบรนด์ประจำที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการส่งขนมปังบรรจุถุงทันที ไม่ว่าสภาพเส้นทางจะแย่แค่ไหน, Yamazaki สามารถส่งขนมปังได้ทันเวลาเสมอ มีโรงงานผลิตทั่วประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 26 แห่งและรถสายส่งตัวเอง ทำให้สามารถส่งขนมปังไปยังศูนย์อพยพที่มีปัญหาได้ทันที ในภัยพิบัติล่าสุดเกิดฝนตกอย่างหนักทั่วประเทศญี่ปุ่น, Yamazaki ส่งขนมปังไปยังศูนย์อพยพภายในไม่ถึงชั่วโมงหลังจากผู้ประสบภัยมาถึง รวมถึงการส่งขนมปังไปยังศูนย์อพยพในเมืองอื่น ๆ ในจังหวัดเดียวกัน ทั้งหมดกว่า 4,000 ชิ้น การช่วยเหลือนี้แสดงถึงความทุ่มเทและจริงใจของ Yamazaki ในการช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพในการส่งมอบอาหารให้กับผู้ประสบภัยที่ต้องการช่วยเหลือทันที บทบาทสำคัญของ Yamazaki ในช่วงภัยพิบัตินี้เน้นที่การส่งขนมปังที่ง่ายต่อการรับประทานและการขนส่งที่รวดเร็ว บริษัทยังชี้ว่าเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะช่วยเหลือสังคมผ่านการส่งมอบอาหาร และยืนยันความมุ่งมั่นในการทำเช่นนี้ในทุกภัยพิบัติ
ทั้งนี้, ในประเทศไทย, มีบริษัท Farmhouse ที่เป็นแบรนด์ขนมปังของบมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ ที่มีการช่วยเหลือในทิศทางเดียวกันในกรณีภัยพิบัติ แสดงถึงความสำคัญของขนมปังในการตอบสนองความต้องการในช่วงฉุกเฉิน โดยการมีรถขนส่งตัวเองและการเตรียมขนมปังพร้อมทานให้กับผู้ประสบภัยทันที เป็นการแสดงว่าบริษัททั้งสองมีความรับผิดชอบทางสังคมและพร้อมที่จะช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างจริงจัง รวมถึงเป็นการสร้างความเข้าใจและรับรู้จากสังคมในทิศทางที่ดี | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55704 | Retail | ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ Origin เผยผลประกอบการ 1H/2564 กวาดรายได้รวมได้แค่ 1 ล้านบาท จริงหรือไม่ | null | ไม่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ Origin เผยผลประกอบการ 1H/2564 กวาดรายได้รวมได้ถึง 7,671 ล้านบาท ทะลุ 55% ของเป้าทั้งปี พร้อมกำไรสุทธิ 1,677 ล้าน หลังผลงาน Q2/2564 แกร่งกวาดรายได้ 3,801 ล้าน และกำไร 852 ล้าน รักษาอัตรากำไรสุทธิระดับ 22.4% “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” หรือ Origin เผยผลประกอบการ กวาดรายได้รวม ล้านบาท ทะลุ ของเป้าทั้งปี พร้อมกำไรสุทธิ ล้าน หลังผลงาน แกร่งกวาดรายได้ ล้าน และกำไร ล้าน รักษาอัตรากำไรสุทธิระดับ ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรเครือบริทาเนียพุ่ง สร้าง New High ต่อเนื่อง เล็งจ่ายปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.12 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 สิงหานี้ จับตาสถานการณ์ประเทศครึ่งปีหลังใกล้ชิด พร้อมปรับตัวต่อเนื่อง มั่นใจ Q3/2564 โครงการสร้างเสร็จใหม่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตามแผน ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรเครือบริทาเนียพุ่ง สร้าง ต่อเนื่อง เล็งจ่ายปันผลระหว่างกาล หุ้นละ บาท ขึ้นเครื่องหมาย วันที่ สิงหานี้ จับตาสถานการณ์ประเทศครึ่งปีหลังใกล้ชิด พร้อมปรับตัวต่อเนื่อง มั่นใจ โครงการสร้างเสร็จใหม่ ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตามแผน นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 หรือ 1H/2564 (ม.ค.-มิ.ย. 2564) อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,671 ล้านบาท เติบโตขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 55% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2564 ขณะเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY) | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55712 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....เสียงกระซิบจากอีคอมเมิร์ซ บอกให้เรารู้ว่า ธุรกิจออนไลน์เป็นโอกาสสำหรับทุกคน | null | เสียงกระซิบจากอีคอมเมิร์ซ
ตัวละคร:
ลินดา - นักศึกษาสาว ผู้ใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจของตัวเอง
คุณยาย - ผู้มีประสบการณ์ค้าขาย
อาจารย์ - ผู้สอนวิชาการตลาด
ฉาก:
ในร้านกาแฟเล็ก ๆ ใจกลางเมือง ลินดานั่งจิบกาแฟ sambil ติวหนังสือเตรียมสอบปลายภาค เสียงเพลงบรรเลงเบา ๆ บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วบด ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อผู้ติดต่อว่า "คุณยาย"
บทสนทนา:
"ว่าไงจ๊ะลินดา มีอะไรให้ยายช่วยไหม?" คุณยายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ยายคะ ลินดาอยากปรึกษาเรื่องธุรกิจค่ะ ลินดาอยากลองขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี" ลินดาตอบ
"อ๋อ ดีแล้วจ้ะ ยายมีเรื่องจะเล่าให้ฟังพอดี เมื่อเช้ายายไปตลาดมา ได้ยินแม่ค้าคุยกันว่า เดี๋ยวนี้คนนิยมซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ร้านค้าหลายร้านก็เริ่มมีเว็บไซต์และเพจของตัวเอง ยายว่านี่เป็นโอกาสดีนะ" คุณยายอธิบาย
"จริงเหรอคะ งั้นลินดาต้องลองดูบ้างแล้วค่ะ" ลินดาพูดด้วยความตื่นเต้น
"ใจเย็นก่อนนะจ๊ะ การขายของออนไลน์ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียด วางแผนธุรกิจที่ดี และที่สำคัญคือต้องอดทน" คุณยายเตือน
"ลินดาเข้าใจค่ะ ลินดาจะตั้งใจเรียนรู้และพยายามให้เต็มที่" ลินดาตอบ
บทเรียน:
หลังจากวางสายจากคุณยาย ลินดาก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ เธอศึกษาเกี่ยวกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ กลยุทธ์การตลาด และวิธีการสร้างแบรนด์ เธอปรึกษาอาจารย์ผู้สอนวิชาการตลาด และหาแรงบันดาลใจจากร้านค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ
จุดพลิกผัน:
ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายาม ลินดาสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ของตัวเองได้ เธอเริ่มต้นจากขายสินค้า handmade ที่เธอออกแบบเอง ค่อย ๆ พัฒนาธุรกิจจนมีสินค้าหลากหลายประเภท ร้านค้าของเธอได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ยอดขายค่อย ๆ เพิ่มขึ้น | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55713 | Retail | อะไรคือปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2564 | null | ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2564 มีดังนี้
1. การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรง
-ผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรง
-สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการในประเทศ
-มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
2. ต้นทุนการผลิตที่สูง
-ราคาวัตถุดิบ อาทิ เหล็ก อลูมิเนียม และพลาสติก อยู่ในระดับสูง
-ต้นทุนด้านสาธารณสุขที่สูงขึ้นตามมาตรการคุมโรคที่เข้มงวด
-ต้นทุนการผลิตที่สูง ส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจ
3. มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19
-มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
-มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลต่อความต้องการในประเทศ
-มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลต่อสภาพคล่องของธุรกิจ
ผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก
-ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจค้าปลีกปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 50
-ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้า
-ธุรกิจค้าปลีกเผชิญกับภาวะสภาพคล่องตึงตัว
บทสรุป
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2564 คือ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรง ต้นทุนการผลิตที่สูง และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก
เพิ่มเติม
-ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัว 0.7-1.7%
-ธปท. ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
-ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ COVID-19
ตัวอย่าง
-ธุรกิจค้าปลีกอาจจะต้องปรับรูปแบบการขายไปออนไลน์มากขึ้น
-ธุรกิจค้าปลีกอาจจะต้องลดต้นทุนการดำเนินงาน
-ธุรกิจค้าปลีกอาจจะต้องพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55723 | Retail | อะไรคือผลกระทบของมาตรการกักตัวต่อธุรกิจค้าปลีกในอังกฤษ? | null | มาตรการกักตัวมีผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในอังกฤษอย่างมาก ดังนี้
1. ขาดแคลนพนักงาน
-พนักงานจำนวนมากต้องกักตัวเนื่องจากมีผลตรวจโควิดเป็นบวกหรือมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย
-ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกหลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว หรือลดเวลาทำการ
-ธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องงดบริการเดลิเวอรี่
-ธุรกิจร้านอาหารต้องปรับรูปแบบการให้บริการ เน้นการสั่งกลับบ้าน
2. ยอดขายลดลง
-ผู้คนมีความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 ไม่ค่อยออกไปซื้อของ
-ธุรกิจค้าปลีกหลายแห่งมีรายได้ลดลง
-ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบหนัก
3. ต้นทุนเพิ่มขึ้น
-ธุรกิจค้าปลีกต้องจ่ายค่าจ้างพนักงานที่กักตัว
-ธุรกิจค้าปลีกต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการป้องกันโควิด-19
4. ปัญหาการจัดส่งสินค้า
-พนักงานขับรถส่งสินค้าจำนวนมากต้องกักตัว
-ส่งผลให้สินค้าบางประเภทขาดแคลน
-ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ได้รับผลกระทบ
ตัวอย่าง
-Greene King หนึ่งในเครือผับชั้นนำของอังกฤษต้องปิดผับกว่า 33 แห่งชั่วคราว
-Tesco ซุปเปอร์มาร์เก็ตเจ้าใหญ่ในอังกฤษต้องงดบริการเดลิเวอรี่
-Iceland Foods ซุปเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษต้องปิดบางสาขา
-Marks & Spencer ห้างสรรพสินค้าในอังกฤษอาจจะต้องเปลี่ยนหรือลดเวลาทำการของร้าน
แนวทางแก้ไข
-รัฐบาลควรมีมาตรการผ่อนคลายการกักตัวสำหรับผู้ได้รับวัคซีนครบสองโดส
-ธุรกิจค้าปลีกควรปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เช่น เพิ่มบริการออนไลน์ พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้า
-ธุรกิจค้าปลีกควรหาแนวทางลดต้นทุน
สรุป
มาตรการกักตัวมีผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในอังกฤษอย่างมาก ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีก | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55725 | Retail | จากงาน Taobao Maker Festival 2021 อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในประเทศไทยสามารถนำไปใช้เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Products) | null | กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในประเทศไทยสามารถนำไปใช้เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Products) จากงาน Taobao Maker Festival 2021:
1. จัดงานแสดงสินค้าเฉพาะกลุ่ม: ธุรกิจค้าปลีกสามารถจัดงานแสดงสินค้าเฉพาะกลุ่ม เพื่อเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้นำเสนอสินค้าของพวกเขา
2. พัฒนาระบบเรตติ้งร้านค้า: ธุรกิจค้าปลีกสามารถพัฒนาระบบเรตติ้งร้านค้า เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์โดดเด่น
3. สนับสนุนเครื่องมือการโปรโมท: ธุรกิจค้าปลีกสามารถสนับสนุนเครื่องมือการโปรโมท เช่น วิดีโอสั้น ไลฟ์สตรีม ให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่
4. ลดกำแพงในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม: ธุรกิจค้าปลีกสามารถลดกำแพงในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม เช่น ลดขั้นตอนการเปิดร้าน ลดค่าธรรมเนียม
5. พัฒนาระบบสร้างการเติบโตให้ผู้ขาย: ธุรกิจค้าปลีกสามารถพัฒนาระบบสร้างการเติบโตให้ผู้ขาย เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจกลยุทธ์การสร้างธุรกิจ
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปใช้:
- จัดงาน "Pop-up Market": จัดพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้นำเสนอสินค้าของพวกเขา
- พัฒนาระบบ "Star Rating": ให้คะแนนร้านค้า based on ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และคุณภาพสินค้า
- จัดอบรม "Live Streaming": สอนผู้ประกอบการรุ่นใหม่เกี่ยวกับเทคนิคการไลฟ์สตรีมเพื่อโปรโมทสินค้า
- เปิดตัว "Incubator Program": โปรแกรมบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้คำปรึกษาและเงินทุนสนับสนุน
- พัฒนา "AI-powered Recommendation System": แนะนำสินค้าเฉพาะกลุ่มให้กับลูกค้า based on ความสนใจ
บทสรุป:
ธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากงาน Taobao Maker Festival 2021 และนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสินค้าเฉพาะกลุ่ม การสนับสนุนผู้ประกอบการเหล่านี้จะช่วยสร้างความหลากหลายให้กับตลาดค้าปลีก และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55726 | Retail | เถ้าแก่น้อยทำอย่างไรในวันที่ลูกค้าคนจีนหายไป ในปี 2021 ? | สำรวจ “เถ้าแก่น้อย” ในวันที่นอกจากวิกฤตโควิดจะกระทบแล้ว อีกปัจจัยที่สำคัญคือลูกค้าหลักอย่างชาวจีนหายไป ธุรกิจตอนนี้ยังไหวอยู่หรือไม่ และอะไรคือทางรอดของธุรกิจสาหร่ายแปรรูป สำรวจ “เถ้าแก่น้อย” ในวันที่นอกจากวิกฤตโควิดจะกระทบแล้ว อีกปัจจัยที่สำคัญคือลูกค้าหลักอย่างชาวจีนหายไป ธุรกิจตอนนี้ยังไหวอยู่หรือไม่ และอะไรคือทางรอดของธุรกิจสาหร่ายแปรรูป เปิดผลประกอบการเถ้าแก่น้อย (TKN) ไตรมาสแรกของปี 2021 พบว่า ยอดขายลดต่ำลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เปิดผลประกอบการเถ้าแก่น้อย (TKN) ไตรมาสแรกของปี 2021 พบว่า ยอดขายลดต่ำลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2021 อยู่ที่ 920 ล้านบาท
ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 1,110 ล้านบาท ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2021 อยู่ที่ 920 ล้านบาท ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2020 อยู่ที่ 1,110 ล้านบาท สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดขายของเถ้าแก่น้อยลดลงเป็นเพราะวิกฤตโควิด จำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว และที่สำคัญที่สุดคือ “ชาวจีน” ที่เป็นฐานสำคัญของธุรกิจเถ้าแก่น้อย ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขจะพบว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าของเถ้าแก่น้อยไปจีนลดต่ำลงถึง 39% ถือว่าอาการหนักมากๆ เถ้าแก่น้อยไปจีนลดต่ำลงถึง 39% ถือว่าอาการหนักมากๆ ส่วนกำไรสุทธิของเถ้าแก่น้อยในไตรมาสแรกของปี 2021 ส่วนกำไรสุทธิของเถ้าแก่น้อยในไตรมาสแรกของปี 2021 ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้าจะติดลบหนักถึง 35% (ไตรมาส 1/2020 มีกำไร 81 ล้านบาท, ส่วนไตรมาส 1/2021 มีกำไร 56 ล้านบาท)
แต่ถ้าเทียบเฉพาะไตรมาสต่อไตรมาสปรับตัวดีขึ้น 6.1% (ไตรมาส 4/2020 ขาดทุน 21 ล้านบาท, ส่วนไตรมาส 1/2021 มีกำไร 56 ล้านบาท) ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้าจะติดลบหนักถึง 35% (ไตรมาส 1/2020 มีกำไร 81 ล้านบาท, ส่วนไตรมาส 1/2021 มีกำไร 56 ล้านบาท) ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้าจะติดลบหนักถึง 35% (ไตรมาส 1/2020 มีกำไร 81 ล้านบาท, ส่วนไตรมาส 1/2021 มีกำไร 56 ล้านบาท) แต่ถ้าเทียบเฉพาะไตรมาสต่อไตรมาสปรับตัวดีขึ้น 6.1% (ไตรมาส 4/2020 ขาดทุน 21 ล้านบาท, ส่วนไตรมาส 1/2021 มีกำไร 56 ล้านบาท) แต่ถ้าเทียบเฉพาะไตรมาสต่อไตรมาสปรับตัวดีขึ้น 6.1% (ไตรมาส 4/2020 ขาดทุน 21 ล้านบาท, ส่วนไตรมาส 1/2021 มีกำไร 56 ล้านบาท) โควิดทำสัดส่วนยอดขายในประเทศสำคัญมากขึ้น แม้ตัวเลขยอดขายนอกประเทศไทยของเถ้าแก่น้อยจะลดลงกว่า 25% แต่ยอดขายในประเทศไทยติดลบเพียง 3.1% เท่านั้น แม้ตัวเลขยอดขายนอกประเทศไทยของเถ้าแก่น้อยจะลดลงกว่า 25% แต่ยอดขายในประเทศไทย ติดลบเพียง 3.1% เท่านั้น ความน่าสนใจคือ วิกฤตโควิดทำให้สัดส่วนยอดขายในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ความน่าสนใจคือ วิกฤตโควิดทำให้สัดส่วนยอดขายในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ในยุคก่อนโควิด สัดส่วนยอดตลาดในประเทศไทยของเถ้าแก่น้อยมีเพียง 36% ส่วนตลาดต่างประเทศ+ตลาดจีนรวมกันอยู่ที่ 64%
แต่ในยุคโควิด สัดส่วนยอดขายของเถ้าแก่น้อยปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยสัดส่วนยอดขายตลาดในประเทศไทยอยู่ที่ 42% (เกือบครึ่ง) ส่วนตลาดต่างประเทศ+ตลาดจีนรวมกันอยู่ที่ 58% ในยุคก่อนโควิด สัดส่วนยอดตลาดในประเทศไทยของเถ้าแก่น้อยมีเพียง 36% ส่วนตลาดต่างประเทศ+ตลาดจีนรวมกันอยู่ที่ 64% ในยุคก่อนโควิด สัดส่วนยอดตลาดในประเทศไทยของเถ้าแก่น้อยมีเพียง 36% ส่วนตลาดต่างประเทศ+ตลาดจีนรวมกันอยู่ที่ 64% แต่ในยุคโควิด สัดส่วนยอดขายของเถ้าแก่น้อยปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยสัดส่วนยอดขายตลาดในประเทศไทยอยู่ที่ 42% (เกือบครึ่ง) ส่วนตลาดต่างประเทศ+ตลาดจีนรวมกันอยู่ที่ 58% แต่ในยุคโควิด สัดส่วนยอดขายของเถ้าแก่น้อยปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยสัดส่วนยอดขายตลาดในประเทศไทยอยู่ที่ 42% (เกือบครึ่ง) ส่วนตลาดต่างประเทศ+ตลาดจีนรวมกันอยู่ที่ 58% จากตัวเลขยอดขายของเถ้าแก่น้อยยืนยันชัดเจนว่า วิกฤตโควิดทำให้เถ้าแก่น้อยต้องพึ่งตลาดในประเทศมากขึ้น จากตัวเลขยอดขายของเถ้าแก่น้อยยืนยันชัดเจนว่า วิกฤตโควิดทำให้เถ้าแก่น้อยต้องพึ่งตลาดในประเทศมากขึ้น ในเมื่อลูกค้าคนจีนมาไทยไม่ได้ เถ้าแก่น้อยใช้วิธีบุกจีนแทน คำถามที่สำคัญคือ แล้วเถ้าแก่น้อยทำอย่างไรในวันที่ลูกค้าคนจีนหายไป คำตอบอยู่ที่ข่าวสำคัญในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2021 นั่นคือการที่เถ้าแก่น้อยประกาศแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย คำตอบอยู่ที่ข่าวสำคัญในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2021 นั่นคือการที่เถ้าแก่น้อยประกาศแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า ‘เถ้าแก่น้อย’ รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บอกว่า สาเหตุที่แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเป็นเพราะต้องการให้มาทำหน้าที่หลักคือ “การกระจายสินค้า” ทั้งช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง E-Commerce ที่เป็นช่องทางซึ่งมีศักยภาพและโอกาสขยายตัวสูง อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า ‘เถ้าแก่น้อย’ รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บอกว่า สาเหตุที่แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเป็นเพราะต้องการให้มาทำหน้าที่หลักคือ “การกระจายสินค้า” ทั้งช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง E-Commerce ที่เป็นช่องทางซึ่งมีศักยภาพและโอกาสขยายตัวสูง เห็นได้ชัดเจนว่า สำหรับเถ้าแก่น้อยแล้ว จีนยังคงเป็นพื้นที่ที่เถ้าแก่น้อยยังคงทุ่มเทเพราะเชื่อมั่นว่ามีโอกาสให้เติบโตได้อีกมาก และแม้การเดินทางมาไทยของลูกค้าชาวจีนจะไม่ง่ายในยุคหลังโควิด แต่การส่งออกสินค้าของเถ้าแก่น้อยไปยังจีนน่าจะมีภาพเป็นบวกมากขึ้น เพราะตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา จีนก็เริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่า สำหรับเถ้าแก่น้อยแล้ว จีนยังคงเป็นพื้นที่ที่เถ้าแก่น้อยยังคงทุ่มเทเพราะเชื่อมั่นว่ามีโอกาสให้เติบโตได้อีกมาก และแม้การเดินทางมาไทยของลูกค้าชาวจีนจะไม่ง่ายในยุคหลังโควิด แต่การส่งออกสินค้าของเถ้าแก่น้อยไปยังจีนน่าจะมีภาพเป็นบวกมากขึ้น เพราะตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา จีนก็เริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว ประเมินอนาคตของเถ้าแก่น้อย ในวันที่ตลาดในประเทศเป็นเสาหลักของธุรกิจ แต่ความเสี่ยงของเถ้าแก่น้อยในไทยคือความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด อย่างเช่นแม้ว่าจะเข้าสู่ปี 2021 แล้ว แต่สถานการณ์การล็อคดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดยังคงเกิดขึ้น ทำให้ยอดขายของเถ้าแก่น้อยลดลงตามไปด้วย ส่วนตลาดต่างประเทศ เถ้าแก่น้อยมองว่า น่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการที่หลายๆ ประเทศเริ่มเปิดประเทศแล้ว ส่วนในแง่ของธุรกิจ เถ้าแก่น้อยจะผลักดันสินค้าใหม่ๆ ของบริษัท เช่น ในจีน รวมถึงมีกระแสข่าวว่าธุรกิจในอนาคตที่เถ้าแก่น้อยจะลงไปเล่นคือตลาด Plant-based มากขึ้น ส่วนในด้านการลดต้นทุน ที่ผ่านมาเถ้าแก่น้อยได้ใช้วิธีการปิดโรงงานผลิตจาก 2 แห่งเหลือ 1 แห่ง โดยเถ้าแก่น้อยมีโรงงาน 2 แห่งคือที่ลาดหลุมแก้ว(นพวงศ์) และโรจนะ(อยุธยา) ทำให้ต้นทุนพนักงานลดน้อยลง และในด้านการตลาดก็ได้มีการลดจำนวนการใช้พรีเซนเตอร์ เน้นการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น รู้หรือไม่ เถ้าแก่น้อยไม่ได้ขายแค่สาหร่าย แม้ว่าหลายคนจะรู้จักเถ้าแก่น้อยในฐานะคนขายสาหร่ายแปรรูป แต่สินค้าที่เถ้าแก่น้อยขาย ไม่ได้มีแค่สาหร่ายเท่านั้น สินค้าของเถ้าแก่น้อยในปัจจุบันมีตั้งแต่สาหร่ายแปรรูปที่แตกไลน์ออกไปหลายรสชาติ อย่างล่าสุดคือรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นและต้มยำมันกุ้ง นอกจากนั้นยังมีเครื่องดื่มชานมไต้หวันยี่ห้อ Just Drink ที่โด่งดังและวางขายในร้านสะดวกซื้อ มากกว่านั้น เถ้าแก่น้อยมีธุรกิจร้านอาหารด้วย มีทั้งร้านขายสินค้าแฟลกชิพของเถ้าแก่น้อย TKN Land จำนวน 1 สาขาที่เทอร์มินอล 21 มีร้านข้าวแกงกะหรี่ Hinoya Curry 5 สาขา รวมที่เป็นร้านแบบ express อีก 2 สาขา (ปิดตัวลงไป 1 สาขาในยุคโควิด) และมีที่เป็น Cloud Kitchen กับ LINEMAN อีก 2 สาขา นอกจากนั้นก็ยังมีร้านอาหารเกาหลีอย่าง Bomber Dog อีก 1 สาขาด้วย กรณีศึกษา ดราม่าเถ้าแก่น้อย จากแบรนด์ดังสู่แบรนด์พังชั่วข้ามคืน กรณีศึกษา ดราม่าเถ้าแก่น้อย จากแบรนด์ดังสู่แบรนด์พังชั่วข้ามคืน อ้างอิง – ผลประกอบการ Taokaenoi Food & Marketing Public Company Limited ไตรมาส 1 ปี 2021 ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related ชานม “ฉุน ชุ่ย เฮอ” ภารกิจใหม่ของเถ้าแก่น้อย ในวันที่ไม่ได้มีแค่สาหร่ายอบกรอบอีกต่อไป In "Article" เถ้าแก่น้อย ลุยธุรกิจสตรีทฟู้ดเกาหลี ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ Bomber Dog 45 สาขา In "Article" เรียนรู้การปั้นผู้นำของเครือ CP ผ่านโครงการเถ้าแก่น้อย: เรียนให้รอบด้าน รู้ให้ลึก ทำจริง In "Article" | ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2021 นั่นคือการที่เถ้าแก่น้อยประกาศแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย
เหตุผล คือ:
1. อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า ‘เถ้าแก่น้อย’ รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บอกว่า:
- สาเหตุที่แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนเป็นเพราะต้องการให้มาทำหน้าที่หลักคือ “การกระจายสินค้า” ทั้งช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง E-Commerce ที่เป็นช่องทางซึ่งมีศักยภาพและโอกาสขยายตัวสูง
2. เห็นได้ชัดเจนว่า สำหรับเถ้าแก่น้อยแล้ว จีนยังคงเป็นพื้นที่ที่เถ้าแก่น้อยยังคงทุ่มเท:
- เพราะเชื่อมั่นว่ามีโอกาสให้เติบโตได้อีกมาก และแม้การเดินทางมาไทยของลูกค้าชาวจีนจะไม่ง่ายในยุคหลังโควิด แต่การส่งออกสินค้าของเถ้าแก่น้อยไปยังจีนน่าจะมีภาพเป็นบวกมากขึ้น เพราะตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา จีนก็เริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว
3. ในวันที่ตลาดในประเทศเป็นเสาหลักของธุรกิจ:
- แต่ความเสี่ยงของเถ้าแก่น้อยในไทยคือความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด อย่างเช่น แม้ว่าจะเข้าสู่ปี 2021 แล้ว แต่สถานการณ์การล็อคดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดยังคงเกิดขึ้น ทำให้ยอดขายของเถ้าแก่น้อยลดลงตามไปด้วย ส่วนตลาดต่างประเทศ เถ้าแก่น้อยมองว่า น่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการที่หลายๆ ประเทศเริ่มเปิดประเทศแล้ว
4. ส่วนในแง่ของธุรกิจ:
- เถ้าแก่น้อยจะผลักดันสินค้าใหม่ๆ ของบริษัท เช่น ในจีน รวมถึงมีกระแสข่าวว่าธุรกิจในอนาคตที่เถ้าแก่น้อยจะลงไปเล่นคือตลาด Plant-based มากขึ้น
5. ส่วนในด้านการลดต้นทุน:
- ที่ผ่านมาเถ้าแก่น้อยได้ใช้วิธีการปิดโรงงานผลิตจาก 2 แห่งเหลือ 1 แห่ง โดยเถ้าแก่น้อยมีโรงงาน 2 แห่งคือที่ลาดหลุมแก้ว(นพวงศ์) และโรจนะ(อยุธยา) ทำให้ต้นทุนพนักงานลดน้อยลง
- และในด้านการตลาดก็ได้มีการลดจำนวนการใช้พรีเซนเตอร์ เน้นการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55732 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....เทคโนโลยี 5G Private Network เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจค้าปลีก | null | 5G ปลดล็อกพลังค้าปลีก: อนาคตที่เชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด
ณ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน เสียงเพลง และสินค้ามากมาย คุณนวล เจ้าของร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ดัง กำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับสต๊อกสินค้าบนแท็บเล็ตของเธอ
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล สินค้าบางรายการเริ่มหมดสต๊อก แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าควรสั่งเพิ่มเท่าไหร่ ลูกค้าบางคนเดินผ่านร้านของเธอ มองดูสินค้าอย่างสนใจ แต่แล้วก็เดินจากไปโดยไม่ซื้ออะไร
คุณนวลถอนหายใจ รู้สึกเสียดายโอกาส เธออยากรู้จักลูกค้าของเธอให้ดีขึ้น อยากเข้าใจความต้องการของพวกเขา และนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทวอทช์ของเธอก็ดังขึ้น แจ้งเตือนว่าระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้ประมวลผลเสร็จแล้ว คุณนวลรีบเปิดแอปพลิเคชันบนแท็บเล็ตของเธอ
หน้าจอแสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่เพิ่งเดินผ่านร้านของเธอ เพศ วัย อาชีพ ความสนใจ และสินค้าที่พวกเขากำลังมองหา
คุณนวลรู้สึกตื่นเต้น เธอรีบจัดการปรับสินค้าในหน้าร้านใหม่ นำสินค้าที่ลูกค้าสนใจมาวางไว้ด้านหน้า และเตรียมพร้อมที่จะให้คำปรึกษา
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา ลูกค้าคนเดิมก็เดินกลับมาที่ร้านของเธอ เธอหยิบเสื้อผ้าที่คุณนวลแนะนำขึ้นมาลอง และตัดสินใจซื้อในที่สุด
คุณนวลยิ้มอย่างมีความสุข เธอรู้ดีว่าเทคโนโลยี 5G Private Network ที่เธอใช้ คือกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจเธอ
5G Private Network คือเครือข่ายส่วนตัวที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับองค์กร ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถ:
วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เข้าใจความต้องการของลูกค้า และนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ
บริหารจัดการสต๊อกสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันสินค้าขาดสต๊อกหรือล้นสต๊อก
เพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงิน รองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส และช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว และประทับใจ
ตัวอย่างการใช้งาน 5G Private Network ในธุรกิจค้าปลีก:
ห้างสรรพสินค้า: ใช้ 5G Private Network เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า แนะนำสินค้าที่ตรงใจ และติดตามพฤติกรรมการช้อปปิ้ง
ร้านสะดวกซื้อ: ใช้ 5G Private Network เพื่อบริหารจัดการสต๊อกสินค้า ควบคุมสินค้าคงคลัง และป้องกันสินค้าหมดอายุ
ร้านค้าปลีกออนไลน์: ใช้ 5G Private Network เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า และรองรับการชำระเงินแบบออนไลน์ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55740 | Retail | กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ของ JD CENTRAL จะช่วยให้ JD CENTRAL แข่งขันกับ Lazada และ Shopee ได้อย่างไร | null | กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ของ JD CENTRAL จะช่วยให้ JD CENTRAL แข่งขันกับ Lazada และ Shopee ได้ ดังนี้
1. สร้างความแตกต่าง
กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” เน้นเรื่องความชัวร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Lazada และ Shopee ไม่ได้เน้น
กลยุทธ์นี้ช่วยให้ JD CENTRAL สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างจุดยืนที่ชัดเจน
2. ดึงดูดลูกค้า
กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสินค้าของแท้, คุณภาพดี, และบริการที่ดี
กลยุทธ์นี้ช่วยให้ JD CENTRAL เจาะกลุ่มลูกค้าที่ Lazada และ Shopee อาจเข้าไม่ถึง
3. สร้างความมั่นใจ
กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการซื้อสินค้า
กลยุทธ์นี้ช่วยให้ JD CENTRAL เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ และรักษาลูกค้าเก่า
4. เพิ่มการรับรู้
กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ช่วยให้ JD CENTRAL เป็นที่รู้จักมากขึ้น
กลยุทธ์นี้ช่วยให้ JD CENTRAL แข่งขันกับ Lazada และ Shopee ที่เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดี
5. ขยายฐานลูกค้า
กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ช่วยให้ JD CENTRAL ขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด
กลยุทธ์นี้ช่วยให้ JD CENTRAL เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่
โดยสรุป กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” ของ JD CENTRAL จะช่วยให้ JD CENTRAL แข่งขันกับ Lazada และ Shopee ได้ โดยการสร้างความแตกต่าง, ดึงดูดลูกค้า, สร้างความมั่นใจ, เพิ่มการรับรู้, และขยายฐานลูกค้า
เพิ่มเติม:
กลยุทธ์ “จอยชัวร์ ตัวจริง” เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า
กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักช้อปออนไลน์ที่ต้องการสินค้าของแท้, คุณภาพดี, และบริการที่ดี | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55742 | Retail | ช่วยสรุปบทความ หนังโฆษณายกระดับภาพลักษณ์ แอดไวซ์ เดินหน้าแผน IPO โอดตลาดไอทีลำบากเพราะซัพพลายขาดแคลน | ปรับกลยุทธ์ด้วยการหาสินค้าอื่นเสริม
เมื่อสถานการณ์ซัพพลายสินค้าไอทีขาดแคลน แอดไวซ์ จึงต้องปรับตัวด้วยการหาสินค้าอื่น ๆ มาช่วยเสริมรายได้ เช่นการจำหน่ายสินค้ากลุ่มไอโอที หรือการทำตลาดกับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อยกระดับการใช้งานไอทีในบริษัท ส่วนตัวโน้ตบุ๊ค แอดไวซ์ เลือกเน้นทำตลาดสินค้ากลุ่ม Mid-High เพื่อมียอดขายต่อเครื่องที่มากขึ้น
“เมื่อ แอดไวซ์ อยู่ต่างจังหวัด สินค้าที่เราขายหลัก ๆ จะเป็นโน้ตบุ๊กระดับ Mid-Low และถ้ายังทำต่อไปอาจไม่ได้ตามเป้ายอดขายที่วางไว้ นอกจากนี้เรายังเร่งยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บของเรา, มาร์เก็ตเพลส และโซเชียลคอมเมิร์ซ รวมถึงบริการเสริมที่ทำให้ลูกค้าใช้สินค้าไอทีง่ายขึ้น เช่นการบริการซ่อมถึงบ้าน”
ทั้งนี้ จักรกฤช ให้ข้อมูลเพียงสัดส่วนยอดขายของ แอดไวซ์ ในปัจจุบันที่มากจากต่างจังหวัด 85% และเกือบทั้งหมดมาจากโน้ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ประกอบ (DIY) ส่วนโทรศัพท์มือถือ แอดไวซ์ ยังไม่เน้นทำตลาด ส่วนรายได้รวมปี 2563 ตามข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอยู่ที่ 12,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.31% กำไรสุทธิ 250 ล้านบาท | เมื่อซัพพลายสินค้าไอทีขาดแคลน แอดไวซ์ปรับตัวด้วยการขายสินค้าอื่น ตลาดโน้ตบุ๊ก Mid-High เป็นเส้นทางหลัก ส่งผลให้ยอดขายจากต่างจังหวัดเพิ่มมาก และเพิ่มช่องทางออนไลน์
จักรกฤช กล่าวว่า 85% ของยอดขายมาจากต่างจังหวัด ยอดขายปี 2563 เพิ่มขึ้น 9.31% ถึง 12,152 ล้านบาท กำไรสุทธิ 250 ล้านบาท | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55762 | Retail | Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar จะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดชาพร้อมดื่มไม่มีน้ำตาลได้ 10% ภายใน 2 ปีข้างหน้าหรือไม่? | null | มีโอกาสเป็นไปได้
1. กระแสรักสุขภาพ: ผู้บริโภคไทยมีความตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลเติบโตอย่างต่อเนื่อง Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar ตอบโจทย์เทรนด์นี้โดยตรง
2. รสชาติ: จากข้อมูล Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar มีรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว อร่อย เต็มรสชาติ 100% แต่น้ำตาล 0% หมดกังวลเรื่องแคลอรี ซึ่งน่าจะดึงดูดผู้บริโภคที่ต้องการความอร่อยควบคู่กับสุขภาพ
3. กลยุทธ์ทางการตลาด: ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดเครื่องดื่ม ประกอบกับ Lipton เป็นแบรนด์ชาที่มีชื่อเสียง
4. ช่องทางจำหน่าย: Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar วางจำหน่ายในค้าปลีกต่างๆ และบน E-Commerce ครอบคลุมช่องทางการซื้อที่หลากหลาย
5. ราคา: Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar วางจำหน่ายในราคา 20 บาท (445 มล.) และ 15 บาท (320 มล.) ถือว่าอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบางประการที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จของ Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar ดังนี้:
การแข่งขัน: ตลาดชาพร้อมดื่มไม่มีน้ำตาลมีการแข่งขันสูง มีหลายแบรนด์ที่มีสินค้าในกลุ่มนี้
พฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจยังคงติดรสชาติชาแบบดั้งเดิมที่มีน้ำตาล
ราคา: สินค้าไม่มีน้ำตาลมักมีราคาสูงกว่าสินค้าปกติ
โดยสรุป
Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar มีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดค้าปลีก ปัจจัยสนับสนุนหลักคือกระแสรักสุขภาพ รสชาติ กลยุทธ์ทางการตลาด ช่องทางจำหน่าย และราคา อย่างไรก็ตาม Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เน้นการสื่อสารจุดเด่นเรื่องสุขภาพ รสชาติ และราคา ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดใจผู้บริโภค หาก Lipton Ice Tea Lemon Zero Sugar สามารถดำเนินกลยุทธ์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่จะครองส่วนแบ่งตลาดชาพร้อมดื่มไม่มีน้ำตาล 10% ภายใน 2 ปีข้างหน้า ก็เป็นไปได้สูง | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55763 | Retail | ช่วยสรุปบทความ โคลัมเบียพิคเจอร์ส อควาเวิร์ส เตรียมให้บริการตุลานี้ | “นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วยจุดเด่นที่แตกต่างของเครื่องเล่นของเรา หวังว่าจะสามารถประสานความร่วมมือในวงกว้างขึ้นทั้งกับผู้ประกอบการ โรงแรมที่พัก พันธมิตรธุรกิจด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกและอาหารเครื่องดื่มระดับแนวหน้าเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร” มร. เลียแคท แดนจี ประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการบริษัท อเมซอน ฟอลล์ จำกัด เจ้าของและผู้ประกอบการ Columbia Picture’s Aquaverse
ด้าน ดร. คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกล่าวว่า Columbia Picture’s Aquaverse จะเป็นจุดเปลี่ยนในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความบันเทิงแบบ Immersive Entertainment ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทย เชื่อว่า โครงการนี้จะเป็นจุดสำคัญในการพลิกโฉมและกระตุ้นการเติบโตอย่างรวดเร็วใน EEC
โครงการนี้จะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักในแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะใน EEC และเราพร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งในส่วนการให้บริการ 5G และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เทคโนโลยีดิจิทัล การเชื่อมโยงคมนาคมขนส่ง การเป็นพันธมิตรกันด้านการใช้พลังงานสะอาดและสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ในการลงทุนต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการนี้จะสำเร็จและช่วยสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนระยะยาวในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก | โครงการ Columbia Picture’s Aquaverse เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะใน EEC จุดเด่นที่แตกต่างของโครงการเน้นบันเทิงแบบ Immersive มร. เลียแคท แดนจี ประธานบริหาร Amazone Falls เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นจุดสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตใน EEC
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะใน EEC และจะได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการให้บริการ 5G โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล, การเชื่อมโยงคมนาคม, พลังงานสะอาด และการลงทุนอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการนี้จะสำเร็จและช่วยสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55768 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ปัญหาใหญ่ ๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยความร่วมมือจากทุกคน เด็ก ๆ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกได้ | null | วุ่นวาย...วุ่นวาย...วุ่นวาย กับนโยบายใหม่
"โอ๊ย... ยุ่งตายแล้ว!" เสียงบ่นอุบอิบของ "คุณลุงหวัง" เจ้าของร้านขายของชำดังก้องไปทั่วร้าน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล มือของเขาจับจ้องไปที่จดหมายในมือ จดหมายจากกระทรวงพาณิชย์ที่แจ้งถึงนโยบายใหม่
นโยบายใหม่นี้สร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าค้าปลีกทั่วประเทศจีน รัฐบาลต้องการให้พวกเขาติดตั้งระบบรายงานการใช้พลาสติกอย่างละเอียด เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมือง
"นี่มันยุ่งยากเกินไป!" คุณลุงหวังบ่นพึมพำ เขาไม่เข้าใจระบบเทคโนโลยีใหม่นี้
"ปู่คะ มีอะไรเหรอคะ?" เสียงใสของ "หลานลู่" เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ดังขึ้น
"ปู่กำลังกังวลเรื่องนโยบายใหม่ของรัฐบาล" คุณลุงหวังถอนหายใจ "พวกเขาต้องการให้ปู่ติดตั้งระบบรายงานการใช้พลาสติก"
"หลานลู่ช่วยปู่ได้นะ" หลานลู่ยิ้มอย่างร่าเริง "หลานเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน หลานสามารถช่วยปู่ติดตั้งระบบใหม่นี้ได้"
"จริงเหรอ?" คุณลุงหวังรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที "ขอบคุณลู่มากนะ"
หลานลู่ใช้เวลาหลายวันในการศึกษาและติดตั้งระบบใหม่ เด็กหญิงเรียนรู้วิธีการใช้งานอย่างคล่องแคล่ว
ในไม่ช้า ร้านขายของชำของคุณลุงหวังก็กลายเป็นร้านตัวอย่างสำหรับระบบรายงานการใช้พลาสติก
ลูกค้าต่างชื่นชมนโยบายใหม่นี้ หลายคนเริ่มตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติก และพยายามลดการใช้พลาสติกในชีวิตประจำวัน
"ปู่ภูมิใจในตัวลู่มากนะ" คุณลุงหวังยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "ลู่ช่วยปู่และช่วยโลกของเรา"
หลานลู่ยิ้มกว้าง รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55780 | Retail | สรุปบทความเรื่อง Plant-based Protein ไม่ดีกับสุขภาพอย่างที่ทุกคนคิด ให้หน่อย | แม้ Plant-based Protein จะเติบโตก้าวกระโดด แต่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Whole Foods ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา กลับออกมาบอกว่า Plant-based Protein ไม่ดีกับสุขภาพอย่างที่ทุกคนคิด Plant-based Protein ที่ดีแค่สิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2019 John Mackey ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Whole Foods มองว่า Plant-based Protein ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้อาจไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะเป็น Highly Process Food หรืออาหารแปรรูปมากมาย ซึ่งปกติแล้วมนุษย์ควรรับประทานอาหารที่ไม่แปรรูปมากกว่า “ถ้าคุณมองไปที่วัตถุดิบของอาหารเหล่านี้ คุณจะเห็นว่ามันเต็มไปด้วยอาหารแปรรูปมากมาย ซึ่งผมคิดว่าการรับประทานอาหารแปรรูปนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นผมจึงไม่ได้เห็นด้วยกับการโฆษณาไปทางเพื่อสุขภาพ แต่ถ้ามองในมุมสิ่งแวดล้อม และความมีจริยธรรม Plant-based Protein นั้นดีกว่าเนื้อสัตว์จริงๆ” ทั้งนี้ Whole Foods เคยเป็นช่องทางแรกๆ ของ Beyond Meat เพื่อจำหน่าย Plant-based Protein ในรูปแบบเนื้อไก่มาตั้งแต่ปี 2013 ถือเป็นส่วนสำคัญในการเปิดช่องให้ Beyond Meat และผู้ผลิต Plant-based Protein อื่นๆ สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน ขณะเดียวกันนักโภชณาการยังออกมายืนยันว่า Plant-based Protein ไม่ได้มีประโยชน์ทางโภชณาการมากกว่าเนื้อสัตว์จริงๆ เช่นผลิตภัณฑ์ก้อนเนื้อเบอร์เกอร์ที่ทั้ง Plant-based Protein และเนื้อสัตว์ ต่างมีโซเดียม และไขมันอิ่มตัวใกล้เคียงกัน สรุป กระแส Plant-based Protein ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สังเกตจากมูลค่าหุ้นของ Beyond Meat ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ Plant-based Protein ต้องอาศัยการแปรรูปจำนวนมากเพื่อทำให้รสชาติ และรสสัมผัสออกมาเหมือนเนื้อจริงมากที่สุด ดังนั้นการจะบอกว่ามันมอบสุขภาพดีแก่ผู้รับประทานอาจไม่ถูกต้องนัก อ้างอิง // CNBC ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related รู้จัก New Wave Foods ผู้ผลิต Plant-based Shrimp ที่ชูเรื่องสุขภาพ และรักโลกในการทำตลาด In "News" รู้จัก OmniMeat ผู้ผลิต Plant-based Meat ที่เริ่มจากดูแลสิ่งแวดล้อม สู่การเติบโตยั่งยืน In "Knowledge" รู้จัก Plant-based Food ธุรกิจเนื้อไร้เนื้อที่มาแรงที่สุดในปี 2019 In "Knowledge" | แม้ Plant-based Protein จะเติบโตก้าวกระโดด แต่ Whole Foods กลับออกมาบอกว่า Plant-based Protein ไม่ดีกับสุขภาพอย่างที่ทุกคนคิด เพราะเป็น Highly Process Food หรืออาหารแปรรูป ซึ่งควรทานอาหารที่ไม่แปรรูปมากกว่า นอกจากนี้นักโภชณาการยังออกมายืนยันว่า Plant-based Protein ไม่ได้มีประโยชน์ทางโภชณาการมากกว่าเนื้อสัตว์จริงๆ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55786 | Retail | สรุปบทความเรื่อง เทสโก้ มาเลเซีย ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s ให้หน่อย | หลังจากเทสโก้ โลตัสเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนสีสันใหม่ ในประเทศไทย เป็น Lotus’s ไปแล้ว ขณะที่ในมาเลเซีย Tesco เปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s รายงานข่าวจาก New Straits Times ระบุว่า Tesco มาเลเซีย ที่บริหารไฮเปอร์มาเก็ต Tesco และ Tesco Extra กว่า 60 สาขาทั่วประเทศ ได้ประกาศไว้ใน Facebook Page เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น Lotus’s มาเลเซีย เป็นที่เรียบร้อย และการรีแบรนด์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในปลายปี 2021 สำหรับ Lotus’s Malaysia เป็นหนึ่งในธุรกิจของเครือ CP ซึ่ง CP ได้ซื้อกิจการทั้ง Tesco Lotus ประเทศไทย และ Tesco Malaysia ในปี 2020 ที่ผ่านมา จากบริษัท เทสโก้ ค้าปลีกรายใหญ่จากอังกฤษ เป็นมูลค่ากว่า 10.6 พันล้านดอลลาร์ Lotus’s -โลตัส ภายใต้กลุ่ม CP เปลี่ยนชื่อและโลโก้ใหม่ สีสันสดใส Lotus’s -โลตัส ภายใต้กลุ่ม CP เปลี่ยนชื่อและโลโก้ใหม่ สีสันสดใส source ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Lotus’s -โลตัส ภายใต้กลุ่ม CP เปลี่ยนชื่อและโลโก้ใหม่ สีสันสดใส In "News" CP, Central ถูกเชิญเข้าประมูลซื้อ Tesco Lotus ส่วน TCC Group สนใจซื้อทั้งไทยและมาเลเซีย In "News" “โลตัส” กลับสู่อ้อมอก CP อีกครั้ง มูลค่าดีลกว่า 335,415 ล้านบาท คาดปิดดีลหมดได้ครึ่งปีหลัง In "News" | หลังจากโลตัส ในไทยเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนสีสันใหม่ เป็น Lotus’s ไปแล้ว ด้าน New Straits Times ระบุว่า Tesco มาเลเซีย ที่บริหารไฮเปอร์มาเก็ต Tesco และ Tesco Extra กว่า 60 สาขาทั่วประเทศ ประกาศใน Facebook Page เปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s มาเลเซีย เช่นกัน และรีแบรนด์ทุกอย่างในปลายปี 2021 | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55792 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....อนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมี " แสงสว่าง " รออยู่ ผู้ที่ปรับตัว เรียนรู้ และมองหาโอกาส ย่อมมี " โอกาส " ที่จะประสบความสำเร็จ | null | แสงสว่างปลายอุโมงค์: บทเรียนจากตลาดอสังหาริมทรัพย์
ท่ามกลางความมืดมนของวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจค้าปลีกต้องเผชิญกับคลื่นยักษ์ลูกใหญ่ ผู้คนกักตัว ห้างสรรพสินค้าเงียบเหงา ร้านค้าทยอยปิดตัว อนาคตดูมืดมน แต่แล้ว แสงสว่างปลายอุโมงค์ก็ปรากฏ ร้านค้าออนไลน์ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ผู้คนคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งผ่านหน้าจอ แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
"คุณพิม" เจ้าของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ไทย กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ลูกค้าหาย รายได้หด เงินเก็บร่อยหรอ อนาคตของร้านดูริบหรี่
แต่คุณพิมไม่ยอมแพ้ เธอปรับตัว เรียนรู้วิธีขายออนไลน์ พัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ร่วมโปรโมชั่นกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ยอดขายเริ่มกลับมา ร้านค้าออนไลน์ของเธอเติบโตขึ้น แบรนด์ของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น
"คุณวิน" พนักงานออฟฟิศหนุ่ม กำลังมองหาบ้านใหม่ เขาต้องการพื้นที่ทำงานที่บ้านมากขึ้น
เขาเล็งคอนโดใจกลางเมือง แต่ราคาสูงเกินเอื้อม เขาจึงหันมาสนใจบ้านเดี่ยวชานเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะแก่การทำงานและพักผ่อน
คุณวินตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวพร้อมพื้นที่ทำงานในสวน เขาสามารถทำงานจากบ้านได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
"คุณก้อง" นักลงทุนหนุ่ม กำลังมองหาโอกาสในวิกฤต เขาติดตามข่าวสารอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด
เขาเล็งเห็นถึงโอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ พื้นที่เก็บสินค้าและคลังสินค้าเป็นที่ต้องการสูง
คุณก้องตัดสินใจซื้อโกดังเก็บสินค้าเพื่อปล่อยเช่า เขาคาดการณ์ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เรื่องราวของตัวละครทั้งสาม สะท้อนให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในยุคโควิด-19
บทเรียนแรก คือ การปรับตัว ธุรกิจที่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ยากที่จะอยู่รอด ธุรกิจที่ปรับตัว เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน มีโอกาสที่จะเติบโต
บทเรียนที่สอง คือ การมองหาโอกาสในวิกฤต วิกฤตมักมาพร้อมกับโอกาส ผู้ที่มองหาโอกาส มักจะประสบความสำเร็จ
บทเรียนที่สาม คือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ในยุคดิจิทัล การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็น | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55803 | Retail | ช่วยสรุปบทความ SNKRDUNK แพลตฟอร์มซื้อขาย Sneakers ในญี่ปุ่นระดมทุนรอบ Series B ได้กว่า 660 ล้านบาท | SNKRDUNK ระดมทุนรอบใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า SODA ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายรองเท้าผ้าใบในรูปแบบขายต่อ หรือ Resell ในชื่อ
SNKRDUNK ระดมทุนรอบ Series B ได้ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 660 ล้านบาท) มี SoftBank Ventures Asia เป็นผู้ลงทุนหลัก โดยปี 2563 บริษัทระดมทุนรอบ Series A ได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ (ราว 90 ล้านบาท)
สำหรับเงินทุนก้อนใหม่ที่ได้มา SODA จะนำไปต่อยอดการทำตลาดในระดับเอเชีย เพราะปัจจุบันยอดซื้อขาย Sneakers เกิดขึ้นในญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทจะนำไปพัฒนาระบบหลังบ้านให้ดีขึ้น เช่นระบบชำระเงิน และระบบยืนยันสินค้าต่างๆ ทั้งยังเตรียมร่วมมือกับ Startup ที่ SoftBank เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้
ปัจจุบัน SODA มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม SNKRDUNK ราว 2.5 ล้านบัญชี/เดือน และเปิดเว็บไซต์รายงานข่าวสารเกี่ยวกับ Sneakers รวมถึงสร้างสังคมผู้ชื่นชอบ Sneakers เช่นกัน โดยบริษัทเปิดมาตั้งแต่ปี 2561 และในเดือนธ.ค. 2563 แพลตฟอร์ม SNKRDUNK มียอดซื้อขายเติบโตกว่า 3,000% เมื่อเทียบกับปี 2562
แม้การระบาดของโรค COVID-19 จะทำให้การจำหน่าย Sneakers ตามร้านค้าปลีกทั่วไปมีปัญหา แต่ไม่ใช่กับการ Resell บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคเชื่อมั่นในแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น เช่นเบอร์หนึ่งในบริการนี้อย่าง StockX แจ้งว่าในเดือนพ.ค. และมิ.ย. 2563 เป็นเดือนที่มียอดซื้อขายมากที่สุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา | SODA ระดมทุนรอบ Series B 22 ล้านดอลลาร์ มี SoftBank Ventures Asia เป็นผู้ลงทุนหลัก จะใช้ทุนพัฒนาตลาดในเอเชีย ปรับปรุงระบบหลังบ้าน ร่วมมือกับ Startup ที่ SoftBank เข้าทุน
SNKRDUNK มียอดซื้อขายเติบโตกว่า 3,000% เมื่อเทียบ 2562 การ Resell Sneakers ออนไลน์ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในเดือนพ.ค. และมิ.ย. 2563
StockX รายงานมียอดซื้อขายมากที่สุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55809 | Retail | การควบรวมกิจการระหว่าง Gojek และ Tokopedia จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก (Retail) ในอินโดนีเซียหรือไม่? | null | ใช่ การขยายฐานลูกค้า: Gojek มีฐานลูกค้าที่กว้างขวางในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้บริการเรียกรถและส่งอาหาร การควบรวมกิจการกับ Tokopedia จะช่วยให้ Gojek เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก
การเสริมสร้างระบบนิเวศ: Gojek และ Tokopedia ต่างมีระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง การควบรวมกิจการจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถผสานรวมบริการต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน Tokopedia และชำระเงินผ่าน GoPay หรือสามารถเรียกรถ Gojek ไปรับสินค้าที่ร้านค้าออฟไลน์ที่ร่วมรายการกับ Tokopedia
การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: การควบรวมกิจการจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน Gojek และ Tokopedia สามารถใช้ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เช่น ศูนย์กระจายสินค้า พนักงาน และระบบเทคโนโลยี
การเข้าถึงข้อมูลลูกค้า: การควบรวมกิจการจะช่วยให้ Gojek และ Tokopedia เข้าถึงข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: การควบรวมกิจการจะสร้างบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มการแข่งขันในตลาด ส่งผลดีต่อผู้บริโภคในแง่ของราคาสินค้าและบริการที่ถูกลง รวมถึงตัวเลือกสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการครั้งนี้ยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น ปัญหาการผสานรวมระบบงานและวัฒนธรรมองค์กร ความกังวลเรื่องการต่อต้านการผูกขาดที่อาจเกิดขึ้น และความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียลูกค้าเนื่องจากการควบรวมกิจการ
โดยสรุปแล้ว การควบรวมกิจการระหว่าง Gojek และ Tokopedia น่าจะมีผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในอินโดนีเซีย โดยการขยายฐานลูกค้า เสริมสร้างระบบนิเวศ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เข้าถึงข้อมูลลูกค้า และเพิ่มการแข่งขันในตลาด อย่างไรก็ตาม ยังมี potential risks ที่ต้องติดตามต่อไป | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55822 | Retail | ช่วยสรุปบทความ ทำแค่คอนเทนต์ไม่พอ JKN ขยายธุรกิจสุขภาพ ความงาม ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาทใน 3 ปี | จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ระบุว่า หลังจากที่ JKN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญจากการทำตลาดในกลุ่มคอนเท้นต์โดยใช้ด้วยกลยุทธ์ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ปั้นรายการสร้างแบรนด์ของธุรกิจใหม่ผ่านช่องทางทีวีดิจัทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งอย่างเดียว ทำให้ตอนนี้ธุรกิจของ JKN แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ
กลุ่มธุรกิจ Content จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งนำเข้าและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
กลุ่มธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม สินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ คือ ความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและความเชี่ยวชาญในตลาดคอนเทนต์ ดังนั้นการต่อยอดไปธุรกิจสินค้าสุขภาพ ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค จึงเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโตในอนาคต โดยมีเป้าหมายภายใน 3 ปี จะทำรายได้เพิ่ม 5,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 50% ของรายได้รวม โดยสินค้าสุขภาพ ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
สินค้าสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มสมุนไพร
สินค้าบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์ คลินิกศัลยกรรมตกแต่งความงาม
JKN ได้นำกลยุทธ์ CEO Branding และจุดแข็งจากการเป็นบริษัทผลิตคอนเท้นต์มาใช้ในการสร้างคอนเท้นต์เชิงการตลาดเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านการ tie-in สินค้าในรายการของ JKN และกลุ่มพันธมิตร ก่อนเตรียมกระจายสินค้าไปตามร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์อื่นๆ
สำหรับแนวทางการทำธุรกิจจากผู้ผลิตและจำหน่ายคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ และขยายมาทำด้านธุรกิจเชิงพาณิชย์ มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น RS Group ซึ่งถือเป็นรายแรกๆ ในตลาด ที่เริ่มต้นจากธุรกิจบันเทิงและเปลี่ยนเป็นธุรกิจพาณิชย์ จนมีรายได้เติบโตขึ้น รวมถึงมีการจับมือพันธมิตรกับช่องทีวี อื่นๆ เช่น ไทยรัฐทีวี, เวิร์คพอยต์ เป็นต้น | ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JKN ระบุว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมีแผนขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์การทำตลาดในกลุ่มคอนเทนต์. มีแผนสร้างแบรนด์ใหม่ผ่านช่องทางทีวีดิจิทัลและออนไลน์
แบ่งธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่มหลัก
1) ธุรกิจ Content จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ
2) ธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง
ความสำเร็จของ JKN มาจากความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคและความเชี่ยวชาญในตลาดคอนเทนต์ มีแผนขยายธุรกิจสินค้าสุขภาพ, ความงาม, และอุปโภคบริโภค มีเป้าหมายรายได้เพิ่ม 5,000 ล้านบาทใน 3 ปี แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
1) สุขภาพและความงาม
2) อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ,
3) บริการความงามและไลฟ์สไตล์
ใช้ CEO Branding และความเชี่ยวชาญในคอนเทนต์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ พร้อมจัดทำรายการในช่องทาง JKN ทำการ tie-in สินค้าในรายการกับพันธมิตร
แนวทางการทำธุรกิจในธุรกิจคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ และธุรกิจเชิงพาณิชย์ ยังมีเรื่อง RS Group ที่เริ่มจากธุรกิจบันเทิงและเปลี่ยนเป็นธุรกิจพาณิชย์ พัฒนารายได้และจับมือพันธมิตร | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55823 | Retail | ช่วยสรุปบทความ ตลาดยิ่งเจริญ ดันสังคมไร้เงินสด จ่ายเงินด้วยแอป – อีวอลเล็ท ลดเชื้อโรค รองรับลูกค้ารุ่นใหม่ | ณฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารตลาดยิ่งเจริญ ระบุว่า นโยบาย “Y Together” มีองค์ประกอบ 4 มิติสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาองค์กรรอบด้าน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และการแบ่งปัน เพื่อการพัฒนาตลาดยิ่งเจริญให้เกิดการยอมรับจากทั้งผู้ค้า องค์กรธุรกิจ ชุมชน และประชาชนทั่วไป ให้เป็นตลาดสดมาตรฐานของประเทศไทย โดยเน้นการพัฒนาตลาดสู่การเป็น Green Market โดยที่ผ่านมาจากการดำเนินนโยบาย “Y Together” มีผลตอบรับจากสังคม ผู้ค้า และชุมชนเป็นไปในทิศทางที่ดีตามวิสัยทัศน์ “ศูนย์กลางการค้าต้นแบบ ยกระดับมาตรฐานสากล สุดยอดแหล่งอาหารสุขภาวะสังคม”
ทั้งนี้ทางตลาดเชื่อว่าแคมเปญสังคมไร้เงินสดนี้จะช่วยให้เกิดประโยชน์ คือ ไม่เสี่ยงรับเชื้อโรค ไม่เจอเงินปลอม ไม่กังวลเงินทอน ไม่เสี่ยงเงินหาย ไม่ถูกโจรกรรม และไม่ถูกโกง รวมถึงยังเป็นการปรับตัวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมการซื้อของที่เปลี่ยนไปอย่าง Gen X และ Gen Y ที่นิยมทำธุรกรรมทางการเงินแบบออนไลน์กันมากขึ้น
กรณีดังกล่าว ยังสอดคล้องกับนโยบาย คนละครึ่ง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาดปรับตัวรับชำระเงินผ่านทาง QR Code เพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค | ณฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารตลาดยิ่งเจริญ กล่าวว่า นโยบาย "Y Together" มี 4 มิติสำคัญ: การพัฒนาองค์กร, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม และการแบ่งปัน มุ่งสู่มาตรฐานประเทศไทย และการเปลี่ยนแปลงเป็น Green Market
แคมเปญไร้เงินสดเพื่อลดความเสี่ยงและปรับตัวเข้ากับ Gen X และ Gen Y ที่นิยมทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ การชำระเงินผ่าน QR Code เพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภค | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55832 | Retail | จากบทวิเคราะห์ของ KKP Research เกี่ยวกับ GDP ไทย ผู้ประกอบการธุรกิจ Retail ควรวิเคราะห์ตัวเลข GDP อย่างไร? อธิบายรายละเอียดวิธีการวิเคราะห์ แนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ และตัวอย่างกรณีศึกษา | บทวิเคราะห์ของ KKP Research ได้ชี้ให้เห็นการอ่านตัวเลขของ GDP ไทยที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจและประชาชนสามารถเห็นภาพของเศรษฐกิจไทยได้จริงๆ และไม่สับสน บทวิเคราะห์ล่าสุดจาก KKP Research โดยกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร ที่มีชื่อว่า “KKP Viewpoint – GDP ที่ (อาจไม่) สะท้อนภาพความจริง…อ่านตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ให้เข้าใจภาวะเศรษฐกิจ” ได้กล่าวถึงการอ่านตัวเลข GDP ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าใจภาพรวมของเศรษฐกิจไทยได้ดีมากขึ้น แม้ว่าหลายๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดของไทยในไตรมาส 3 นั้นจะออกมาดีกว่านักวิเคราะห์ของหลายๆ สถาบันการเงินวิเคราะห์ไว้ ขณะที่ GDP ไทยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้นในบทวิเคราะห์ได้มองว่า GDP ไทยปรับตัวดีขึ้นจากการบริโภคและการใช้จ่ายภาครัฐและดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์มาก แต่ในหลายครั้งเลข GDP ที่ดีอาจไม่ได้หมายถึงเศรษฐกิจที่จะกลับมาโตอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะในภาวะที่ความไม่แน่นอนสูงเช่นในปัจจุบัน ขณะที่การประมาณการณ์ GDP ของไทยที่จะให้ตรงกับตัวเลขของสภาพัฒน์นั้น ในบทวิเคราะห์ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ยาก และยังมีความคลาดเคลื่อนทางสถิติสูง ซึ่งถ้าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดี ถ้าความคลาดเคลื่อนต่างเล็กน้อยนั้นไม่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจ แต่ถ้าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตต่ำแบบไทย การคาดการณ์ต่างแค่ 1% นั้นถือว่าคลาดเคลื่อนได้สูงมาก แม้ว่าเราจะเห็นสถาบันการเงินต่างๆ แข่งขันกันเพื่อประมาณตัวเลขทางเศรษฐกิจตัวนี้ออกมา ในบทวิเคราะห์ได้กล่าวถึงตัวเลข GDP ว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงรายได้รวมของประเทศ แต่ไม่ได้สะท้อนถึงคุณภาพจริงๆ ของคนไทย และยังไม่สะท้อนว่าคนแต่ละกลุ่มได้ประโยชน์ที่เท่ากัน ขณะเดียวกันการดู GDP ในแต่ละไตรมาสเองก็อาจเบนความสนใจไปจากทิศทางระยะยาวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีการดูตัวเลข GDP ยังคงมีประโยชน์อยู่แต่ต้องใช้ให้ถูกต้อง ซึ่งในบทวิเคราะห์ชี้ถึง 3 ประเด็นสำคัญที่ทำให้การอ่านตัวเลขทางเศรษฐกิจนี้นำไปใช้ได้จริง ได้แก่ ไม่ดูเฉพาะการเติบโตรวมของ GDP แต่ดูในระดับองค์ประกอบ เช่น ถ้าหากจะเข้าใจเรื่องของเศรษฐกิจระหว่างประเทศก็ต้องดูตัวเลขการส่งออก แต่ถ้าหากการนำเข้าลดลงซึ่งเป็นส่วนลบของ GDP ที่หักออกจากภาคการส่งออก ก็ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้เช่นกัน ถ้าจะดูภาพรวมในประเทศก็ต้องดูด้านของการบริโภคและการลงทุน ขณะที่ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของภาครัฐจะชี้ให้เห็นถึงแรงส่งจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นๆ ตัวเลขการเติบโตที่สูงอาจเกิดจากฐานที่ต่ำและไม่สะท้อนภาพเศรษฐกิจ การดูตัวเลข GDP ที่เติบโตนั้นส่วนใหญ่จะเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมานั้นตัวเลขได้ติดลบลงไปมาก จะทำให้ GDP ของไตรมาส 2 ปีหน้าจะเติบโตมากกว่าปีนี้ ซึ่งการอ่านตัวเลขที่ถูกต้องนั้นต้องดูเรื่องของระดับ GDP ที่เป็นตัวเลขควบคู่กับการเติบโตไปด้วย ภาพการเติบโตของ GDP ไม่สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจของคนทั้งประเทศ ซึ่งการรายงานตัวเลข GDP นั้นจะมีกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์มากและกลุ่มคนที่ไม่ได้ประโยชน์เลย ยกตัวอย่างเช่น ในการรายงานการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา กลุ่มที่ได้รับผลกระทบอยู่คือภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตามจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต กระบี่ ฯลฯ แต่ขณะที่ภาคการส่งออก โดยเฉพาะสินค้า Electronics ของไทยกลับได้รับประโยชน์ เป็นต้น นอกจากนี้ในบทวิเคราะห์ยังชี้ว่าถ้าหากในมุมของผู้ประกอบการ การอ่านตัวเลขทางเศรษฐกิจแบบเฉพาะเจาะจงจะมีประโยชน์มากกว่า เช่น ถ้าหากเป็นผู้ผลิตยานยนต์ การอ่านตัวเลขส่งออกจะมีประโยชน์มากกว่า ขณะที่ผู้ประกอบการค้าปลีกหรือค้าส่งนั้นการอ่านตัวเลขการบริโภคในประเทศนั้นจะช่วยให้มองเห็นภาพได้ดีกว่า ทำให้ธุรกิจแต่ละประเภทสามารถวางแผนธุรกิจได้ดีมากขึ้น ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related Goldman Sachs ปรับ GDP ไทยปีนี้เหลือแค่ 2.1% คาดมีสิทธิ์เห็น กนง. ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.5% In "News" KKP Research ชี้เศรษฐกิจไทยปีหน้าฟื้นตัวยาก คาด GDP โตแค่ 3.4% เท่านั้น กรณีเลวร้ายสุดคือโตแค่ 1% In "Article" GDP ไทย ไตรมาส 1/2020 ถดถอยแค่ -1.8% ดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ In "News" | การวิเคราะห์ตัวเลข GDP ไทยสำหรับธุรกิจ Retail
วิธีการวิเคราะห์:
-แยกองค์ประกอบของ GDP:
วิเคราะห์การเติบโตของ GDP ในแต่ละภาคเศรษฐกิจ เช่น ภาคการบริโภค ภาคการลงทุน ภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว
เปรียบเทียบการเติบโตของแต่ละภาคกับไตรมาสก่อนหน้าและปีก่อนหน้า
พิจารณาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของแต่ละภาค เช่น นโยบายภาครัฐ เศรษฐกิจโลก สภาพอากาศ ภัยพิบัติ
-วิเคราะห์การเติบโตของ GDP เทียบกับฐาน:
เปรียบเทียบตัวเลข GDP ปัจจุบันกับตัวเลข GDP ในอดีต พิจารณาว่าตัวเลข GDP ที่สูงเกิดจากฐานที่ต่ำหรือไม่ วิเคราะห์ว่าตัวเลข GDP ที่เติบโตนั้นสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงหรือไม่
-วิเคราะห์ผลกระทบต่อกลุ่มคนต่างๆ:
พิจารณาว่ากลุ่มคนใดได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ GDP
พิจารณาว่ากลุ่มคนใดไม่ได้รับประโยชน์หรือได้รับผลกระทบด้านลบ
วิเคราะห์ว่านโยบายภาครัฐช่วยกระจายความมั่งคั่งให้กับประชาชนทั่วไปหรือไม่
แนวทางการนำไปประยุกต์ใช้:
การวางแผนธุรกิจ: ประเมินกำลังซื้อของผู้บริโภค คาดการณ์ความต้องการสินค้าและบริการ
ตัดสินใจลงทุนขยายธุรกิจ
การพัฒนาสินค้าและบริการ: พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
ปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
-ธุรกิจร้านอาหาร:
วิเคราะห์การเติบโตของ GDP ภาคการบริโภค
พิจารณาว่าผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นหรือไม่
พัฒนาเมนูอาหารที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
ปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ
-ธุรกิจค้าปลีก:
วิเคราะห์การเติบโตของ GDP ภาคการบริโภค
พิจารณาว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้ออย่างไร
เลือกสินค้ามาจำหน่ายให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
ปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ
สรุป:
ผู้ประกอบการธุรกิจ Retail ควรวิเคราะห์ตัวเลข GDP ไทยอย่างรอบคอบ พิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ของ GDP วิเคราะห์การเติบโตเทียบกับฐาน วิเคราะห์ผลกระทบต่อกลุ่มคนต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนธุรกิจ พัฒนาสินค้าและบริการ และมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55840 | Retail | กลยุทธ์ Synergy ของ Jaymart จะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าประเภท Mobile Phone ในร้าน Jaymart ได้หรือไม่? | null | ใช่ เหตุผลดังนี้
กลยุทธ์ Synergy ของ Jaymart
1. เพิ่มฐานลูกค้า:
Jaymart มีธุรกิจหลากหลาย เช่น ค้าปลีกและสินเชื่อ ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้าจากธุรกิจหนึ่งไปยังอีกธุรกิจหนึ่ง เช่น ลูกค้าที่ใช้สินเชื่ออาจสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือ
2. เพิ่มช่องทางการขาย:
ด้วยช่องทางขายที่หลากหลาย เช่น ร้านค้าออนไลน์และแอปพลิเคชัน กลยุทธ์ Synergy จะช่วยให้ขายโทรศัพท์มือถือได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน:
กลยุทธ์นี้จะทำให้ Jaymart มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นในตลาดที่มีคู่แข่งมากมาย
ตัวอย่างกลยุทธ์:
- โปรโมชั่นพิเศษ: ลูกค้าที่ใช้สินเชื่อซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาพิเศษ
- แอปพลิเคชันใหม่: เปิดช่องทางขายโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ
- ความร่วมมือ: ร่วมกับ Singtel เพื่อเสนอแพ็กเกจผ่อนชำระ
สรุป:
กลยุทธ์ Synergy มีแนวโน้มช่วยเพิ่มยอดขายโทรศัพท์มือถือ แต่ต้องมีการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55843 | Retail | ภายใต้การควบรวมกิจการของกลุ่ม CP กับ Tesco Lotus อะไรคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ในประเทศไทยควรพิจารณาเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้? | null | กลยุทธ์ที่ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ควรพิจารณา
1. พัฒนาจุดแข็งและสร้างความแตกต่าง
-มุ่งเน้นไปที่สินค้าเฉพาะกลุ่มหรือสินค้าเฉพาะทาง
-นำเสนอบริการที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร
-สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร
2. มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ราคา
-เสนอราคาสินค้าที่แข่งขันได้
-พัฒนาโปรโมชั่นและส่วนลดที่ดึงดูดใจลูกค้า
-มุ่งเน้นไปที่สินค้าที่มีมูลค่าสูง
3. พัฒนาช่องทางออนไลน์
-ลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่ง
-นำเสนอบริการ Omnichannel ที่ราบรื่น
-พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย
4. พันธมิตรทางธุรกิจ
-ร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า
-พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่
-เข้าร่วมกลุ่มซื้อเพื่อต่อรองราคาสินค้า
5. มุ่งเน้นไปที่ลูกค้า
-เข้าใจความต้องการของลูกค้า
-นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
-มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ personalized
ตัวอย่าง
-ห้างสรรพสินค้า Siam Paragon มุ่งเน้นไปที่สินค้าแบรนด์เนมและสินค้าระดับไฮเอนด์
-ร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Power Buy นำเสนอบริการผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือน
-ร้านขายของชำ Makro พัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ MakroClick เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
ข้อควรระวัง
-ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด
-จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นเพื่อปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
-จำเป็นต้องมีการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชัดเจน
โดยสรุป
ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ในประเทศไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการควบรวมกิจการของกลุ่ม CP กับ Tesco Lotus มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาจุดแข็งและสร้างความแตกต่าง พัฒนาช่องทางออนไลน์ พันธมิตรทางธุรกิจ มุ่งเน้นไปที่ลูกค้า และติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างใกล้ชิด | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55855 | Retail | Flash Express วางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อดึงดูดลูกค้าธุรกิจรายย่อย (retail) โดยใช้ประโยชน์จากเงินทุนสนับสนุนใหม่ 6,200 ล้านบาท | null | 1. เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ:
Flash Express วางแผนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ตัวอย่างเช่น ระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ แพลตฟอร์มการจองออนไลน์ที่ใช้งานง่าย และระบบบริหารคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจ retail สามารถติดตามสถานะสินค้า จัดการการจัดส่ง และลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Flash Express เปิดตัวบริการ "Flash Business" ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะ บริการนี้มีระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ API สำหรับการรวมเข้ากับระบบของลูกค้า และแดชบอร์ดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล
2. ราคาที่ประหยัด:
Flash Express มีจุดแข็งเรื่องราคาที่ถูก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดธุรกิจ retail เงินทุนสนับสนุนใหม่นี้น่าจะช่วยให้ Flash Express สามารถลดค่าขนส่งสินค้าลงอีก ทำให้ธุรกิจ retail ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น Flash Express เสนอราคาเริ่มต้นเพียง 17 บาทสำหรับการจัดส่งพัสดุภายในกรุงเทพฯ ซึ่งถูกกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ ในตลาดอย่างมาก
3.เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง:
Flash Express มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางครอบคลุมทั่วประเทศไทย ธุรกิจ retail จึงสามารถส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสะดวก เงินทุนสนับสนุนใหม่นี้น่าจะช่วยให้ Flash Express ขยาย เครือข่ายการจัดจำหน่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลได้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Flash Express ตั้งเป้าที่จะมีจุดรับส่งพัสดุกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศไทยภายในสิ้นปี 2565
4. บริการที่หลากหลาย:
Flash Express เสนอบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ retail ตัวอย่างเช่น บริการเก็บเงินปลายทาง บริการจัดส่งสินค้าขนาดใหญ่ และบริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ เงินทุนสนับสนุนใหม่นี้น่าจะช่วยให้ Flash Express พัฒนาบริการใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Flash Express เปิดตัวบริการ "Flash Fulfillment" ซึ่งเป็นบริการคลังสินค้าที่ช่วยให้ธุรกิจ retail จัดเก็บ จัดการ และจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55857 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง เผชิญทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ท้อถอย อดทน ต่อสู้ และปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โอกาสใหม่ ๆ ย่อมเกิดขึ้นเสมอ เช่นเดียวกับฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ | null | ฟ้าหลังฝน
ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 'เมกาบางนา' กำลังคึกคักไปด้วยผู้คน พ่อค้าแม่ค้าต่างเร่งมือจัดเตรียมสินค้า รอต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามาจับจ่ายใช้สอย บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก
'คุณนลิน' เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนม กำลังยืนต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ธุรกิจของเธอต้องเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่ ลูกค้าหายไปเกือบหมด รายได้หดหาย จนเธอแทบจะถอดใจ
แต่แล้ว แสงสว่างก็เริ่มปรากฏขึ้น เมื่อรัฐบาลเริ่มคลายล็อกดาวน์ ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดอีกครั้ง ลูกค้าเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอย ร้านของคุณนลินเริ่มคึกคักขึ้นทีละน้อย
"ดีใจจังค่ะ ที่ลูกค้ากลับมาเยอะขึ้น" คุณนลินพูดคุยกับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม "ช่วงที่ผ่านมาลำบากมากค่ะ ยอดขายตกฮวบ แทบจะไม่มีลูกค้าเลย"
"เข้าใจค่ะ ทุกคนก็ลำบากเหมือนกัน" ลูกค้าตอบ "แต่ตอนนี้ดีแล้วค่ะ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว"
คุณนลินยิ้มรับ รู้สึกขอบคุณลูกค้าที่เข้าใจ เธอหันไปมองดูบรรยากาศภายในห้าง ร้านค้าต่างๆ เต็มไปด้วยผู้คน เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ดังแว่วมาเป็นระยะ ใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"เหมือนฝันไปเลยค่ะ" คุณนลินคิดในใจ "ไม่คิดว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้"
หญิงสาวนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก เธอต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด เธอหันมาขายสินค้าออนไลน์ เรียนรู้วิธีการโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ พยายามลดต้นทุน หาทางประหยัดทุกวิถีทาง
"มันเป็นบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่ามากค่ะ" คุณนลินคิด "ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอดทน ต่อสู้ และปรับตัว"
หญิงสาวมองดูลูกค้าที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้า รู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสอีกครั้ง เธอสัญญากับตัวเองว่า จะพัฒนาธุรกิจต่อไป เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ธุรกิจของเธอเติบโตและอยู่รอดต่อไป
"ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ" คุณนลินยิ้มกับตัวเอง "ตราบใดที่เราไม่ยอมแพ้ เราก็จะมีความหวังอย่างแน่นอน" | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55877 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ประสบการณ์ที่ดีคือกุญแจสำคัญในการรักษา "Loyalty" ของลูกค้า | null | บททดสอบแห่งภักดี
ณ ใจกลางเมืองอันคึกคัก สองพี่น้องนามว่า "พิม" และ "พิชญ์" กำลังถกเถียงกันอย่างร้อนแรงเกี่ยวกับเรื่อง "Loyalty Program" ของร้านค้าปลีก
"ฉันว่ามันคุ้มค่ามากนะ สมัครสมาชิก Walmart Plus จ่ายแค่ปีละ 98 ดอลลาร์ ก็ได้ส่งสินค้าฟรีไม่จำกัด แถมยังได้ส่วนลดค่าน้ำมันอีก 5 เซนต์ต่อแกลลอน" พิมพูดอย่างตื่นเต้น
"แต่ Amazon Prime ก็มีข้อเสนอที่ดีไม่แพ้กันนะ จ่ายปีละ 119 ดอลลาร์ ได้ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือฟรี แถมยังส่งสินค้าฟรีเหมือนกัน" พิชญ์โต้กลับ
"จริง แต่มันมีข้อจำกัดนะ บางทีก็ต้องรอสินค้าหลายวัน" พิมพยายามโน้มน้าว
"แต่ Walmart Plus ก็จำกัดแค่ในอเมริกาเท่านั้น พวกเราอยู่ไทย สมัครไปก็ใช้ไม่ได้" พิชญ์ชี้ประเด็น
"ก็จริง แต่ฉันคิดว่า Walmart กำลังขยายตลาดมาเอเชียเร็วๆ นี้ เผลอๆ ปีหน้าก็มาไทยแล้ว" พิมคาดการณ์
"ไม่รู้สิ ฉันว่า Amazon เค้าแข็งแกร่งกว่าเยอะ คงยากที่ Walmart จะมาโค่นบัลลังก์ได้" พิชญ์ยังไม่มั่นใจ
ทั้งสองเถียงกันไปมา สุดท้ายก็ตัดสินใจลองสมัครสมาชิกทั้งสองเจ้า เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพด้วยตัวเอง
หนึ่งเดือนต่อมา
พิมและพิชญ์กลับมาคุยกันอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งคู่มีประสบการณ์ใช้งานจริงมาแลกเปลี่ยน
"เธอรู้ไหม Amazon Prime ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ หนังมีให้ดูเยอะมาก เพลงก็มีให้ฟังครบทุกแนว หนังสือก็โหลดอ่านได้สะดวก" พิมเริ่มอวย Amazon
"แต่ Walmart Plus ก็ไม่แพ้กันนะ สินค้าส่งถึงไวมาก บางทีสั่งเช้า บ่ายก็ได้ของแล้ว" พิชญ์เริ่มเห็นข้อดีของ Walmart Plus
"แต่ Walmart Plus ยังมีข้อจำกัดเยอะนะ สินค้าบางประเภทก็ส่งฟรีไม่ได้ ส่วนลดค่าน้ำมันก็ใช้ได้แค่บางปั๊ม" พิมเริ่มบ่น
"จริง แต่ Amazon Prime ก็มีข้อเสียเหมือนกัน บางทีก็เจอสินค้าของปลอม แถมยังมีปัญหาเรื่องการบริการลูกค้า" พิชญ์เห็นด้วย
ทั้งสองคุยกันอยู่นาน สุดท้ายก็สรุปได้ว่า Loyalty Program ของทั้งสองเจ้ามีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
บทสรุป
Loyalty Program เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการดึงดูดลูกค้า แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่การันตีความสำเร็จ กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยการออกแบบอย่างชาญฉลาด นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจลูกค้า และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55884 | Retail | การปลดพนักงาน 7,000 คนของ Marks & Spencer จะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นหรือไม่? | null | ไม่แน่ชัด ด้านหนึ่ง การปลดพนักงาน 7,000 คน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานของ Marks & Spencer ลงอย่างมีนัยสำคัญ
M&S ระบุว่า การปลดพนักงานครั้งนี้ จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานลง 250 ล้านปอนด์ต่อปี
ต้นทุนการจ้างพนักงานเป็นหนึ่งในต้นทุนที่ใหญ่หลวงที่สุดของธุรกิจค้าปลีก การลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานลง จะช่วยเพิ่มผลกำไรของ M&S แต่ การปลดพนักงาน 7,000 คน ส่งผลเสียหลายประการ
1. ประสิทธิภาพการทำงาน
-พนักงานที่เหลืออยู่ อาจจะมีงานล้นมือ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
-การสูญเสียพนักงานที่มีประสบการณ์
-การฝึกอบรมพนักงานใหม่
2. ขวัญกำลังใจ
-พนักงานที่เหลืออยู่ อาจจะรู้สึกไม่มั่นคง
-ส่งผลต่อขวัญกำลังใจ
-ประสิทธิภาพการทำงาน
3. ภาพลักษณ์ของบริษัท
-การปลดพนักงานจำนวนมาก ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
-ลูกค้าอาจจะมองภาพลักษณ์ของบริษัทในแง่ลบ
-ส่งผลต่อยอดขาย
ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ของการปลดพนักงาน 7,000 คน ของ M&S ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
ปัจจัยเหล่านี้รวมถึง
-สภาวะเศรษฐกิจ
-กลยุทธ์ทางธุรกิจของ M&S
-พฤติกรรมของผู้บริโภค
ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่า การปลดพนักงานครั้งนี้ จะช่วยให้ผลประกอบการของ M&S ดีขึ้นหรือไม่
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
-M&S กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่นเดียวกับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ
-การแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งออนไลน์
-การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
-M&S จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้
-การปลดพนักงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์
-M&S จำเป็นต้องดำเนินการอื่นๆ เพิ่มเติม
-พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์
-นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
-ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
สรุป
-การปลดพนักงาน 7,000 คน ของ M&S ส่งผลดีต่อผลประกอบการในแง่ของการลดต้นทุน
-ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน ขวัญกำลังใจ และภาพลักษณ์ของบริษัท
-ผลลัพธ์ของการปลดพนักงานครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
-M&S จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ธุรกิจค้าปลีกกำลังเผชิญ | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55892 | Retail | การเปลี่ยนโฉม The 1 Card สู่ Digital Life Platform จะช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลรักษาฐานลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกได้หรือไม่? | null | ใช่ การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล: การเปลี่ยนโฉม The 1 Card สู่ Digital Life Platform นั้น เป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่ increasingly ใช้บริการออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว และครบวงจร
ประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ: แพลตฟอร์ม The 1 ใหม่ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้คะแนน โปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างราบรื่น สะดวก รวดเร็ว ทั้งในออฟไลน์และออนไลน์
การเข้าถึงข้อมูลลูกค้า: แพลตฟอร์ม The 1 ใหม่ ช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้า พฤติกรรม ความต้องการ และความสนใจ ได้อย่างลึกซึ้ง
การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ: ข้อมูลลูกค้า พฤติกรรม ความต้องการ และความสนใจ ที่ได้มา จะช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน
การสร้างความภักดีต่อแบรนด์: การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ ประสบการณ์ที่ดี สะดวก รวดเร็ว ครบวงจร จะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์
การแข่งขันกับคู่แข่ง: กลุ่มเซ็นทรัลต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนา The 1 จะช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การขยายฐานลูกค้า: แพลตฟอร์ม The 1 ใหม่ สะดวก รวดเร็ว ครบวงจร จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ ขยายฐานลูกค้า
การเติบโตของธุรกิจ: การรักษาฐานลูกค้า ขยายฐานลูกค้า จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลเติบโต
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนโฉม The 1 Card สู่ Digital Life Platform ยังมีอุปสรรคและความท้าทายอยู่บ้าง เช่น
- การแข่งขันจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: กลุ่มเซ็นทรัลต้องเผชิญการแข่งขันจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee Lazada JD Central
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค: พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ กลุ่มเซ็นทรัลต้องติดตามและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
- การรักษาความปลอดภัยข้อมูล: กลุ่มเซ็นทรัลต้องรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า
สรุป: การเปลี่ยนโฉม The 1 Card สู่ Digital Life Platform จะช่วยให้กลุ่มเซ็นทรัลรักษาฐานลูกค้า ขยายฐานลูกค้า และเติบโตธุรกิจค้าปลีกได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มเซ็นทรัลต้อง พัฒนาแพลตฟอร์ม The 1 อย่างต่อเนื่อง ติดตามและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
รักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55903 | Retail | การปิดสาขา 152 แห่งของ J.C. Penney จะช่วยให้บริษัทฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จหรือไม่? | null | ไม่แน่นอน ด้านหนึ่ง การปิดสาขา 152 แห่ง จะช่วยลดต้นทุนของ J.C. Penney ลงอย่างมีนัยสำคัญ
-ต้นทุนค่าเช่าพื้นที่
-ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
-ต้นทุนพนักงาน
-ปัญหาสินค้าคงคลัง
แต่ การปิดสาขา 152 แห่ง ส่งผลเสียหลายประการ
1. สูญเสียลูกค้า
-ลูกค้าในพื้นที่ที่ปิดสาขา
-ลูกค้าที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งในหน้าร้าน
2. ภาพลักษณ์ของบริษัท
-ความมั่นใจของลูกค้า
-ความน่าเชื่อถือของบริษัท
3. โอกาสในการขาย
-สูญเสียโอกาสในการขาย
-สูญเสียส่วนแบ่งการตลาด
ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ของการปิดสาขา 152 แห่ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึง
-กลยุทธ์ทางธุรกิจของ J.C. Penney
-พฤติกรรมของผู้บริโภค
-สภาวะเศรษฐกิจ
ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่า การปิดสาขาครั้งนี้ จะช่วยให้ J.C. Penney ฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จหรือไม่
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
-J.C. Penney จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ มุ่งเน้นไปที่การค้าปลีกออนไลน์ พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
-J.C. Penney จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า รักษาภาพลักษณ์ของบริษัท สร้างความน่าเชื่อถือ
สรุป
การปิดสาขา 152 แห่ง ของ J.C. Penney ส่งผลดีต่อผลประกอบการในแง่ของการลดต้นทุน ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ ลูกค้า และโอกาสในการขาย ผลลัพธ์ของการปิดสาขาครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ J.C. Penney จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55904 | Retail | JIO ผู้ให้บริการมือถือในประเทศใด | 1. จีน
2. ไทย
3. ลาว
4. อินเดีย | คำตอบที่ถูกต้องคือ 4. อินเดีย
เพราะว่า มาอีกราย “กูเกิล” ประกาศลงทุนใน Jio Platforms ค่ายมือถืออันดับ 1 ของอินเดีย ด้วยมูลค่ากว่า 144,000 ล้านบาท แลกกับการถือหุ้น 7.7% Mukesh Ambani มหาเศรษฐีอันดับ 8 ของโลก ชาวอินเดีย เจ้าของบริษัท Reliance Industries ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โทรคมนาคม เทคโนโลยี ค้าปลีก ฯลฯ ได้กล่าวว่าบริษัทได้รับเงินลงทุนจาก Google ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของสหรัฐ เพื่อลงทุนใน Jio Platforms ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยีอันดับ 1 ของอินเดีย เป็นเงินกว่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 144,000 ล้านบาท [BI Podcast] มารู้จัก JIO ผู้ให้บริการมือถือในอินเดีย ที่ Facebook ไปลงทุนด้วย
Mukesh Ambani กลายเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย มหาเศรษฐีเบอร์ 9 ของโลก จากธุรกิจมือถือในอินเดีย | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55911 | Retail | Walmart+ จะสามารถเอาชนะ Amazon Prime ได้หรือไม่? | null | Walmart+ มีโอกาสที่จะเอาชนะ Amazon Prime ได้ แต่ก็มีอุปสรรคหลายประการ
ข้อได้เปรียบของ Walmart+:
- ค่าบริการที่ถูกกว่า: Walmart+ มีค่าบริการเพียง 98 ดอลลาร์ต่อปี while Amazon Prime มีค่าบริการ 119 ดอลลาร์ต่อปี
- ฐานลูกค้า: Walmart มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่กว่า Amazon
- ประสบการณ์ในร้านค้า: Walmart มีร้านค้าที่กระจายอยู่ทั่วโลก ลูกค้าสามารถไปรับสินค้าที่ร้านได้โดยไม่ต้องเสียค่าส่ง
อุปสรรคของ Walmart+:
- แบรนด์: Amazon มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่า Walmart
- บริการ: Amazon มีบริการที่หลากหลายกว่า Walmart+ เช่น บริการสตรีมมิ่งเพลงและวิดีโอ
- การจัดส่งสินค้า: Amazon มีระบบจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์ที่ Walmart+ สามารถใช้เพื่อเอาชนะ Amazon Prime:
- พัฒนาบริการ: Walmart+ ควรพัฒนาบริการเพิ่มเติม เช่น บริการสตรีมมิ่งเพลงและวิดีโอ
- ปรับปรุงระบบจัดส่งสินค้า: Walmart+ ควรปรับปรุงระบบจัดส่งสินค้าให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- สร้างแบรนด์: Walmart+ ควรสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น
บทสรุป:
- Walmart+ มีโอกาสที่จะเอาชนะ Amazon Prime แต่ก็ต้องพัฒนาบริการและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น
เพิ่มเติม:
- Walmart+ ควรศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า
- Walmart+ ควรพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้
- Walmart+ ควรสร้างความแตกต่างจาก Amazon
อนาคตของธุรกิจค้าปลีก:
- ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล
- ธุรกิจค้าปลีกต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้
- ธุรกิจค้าปลีกต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
Walmart+ จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีก ว่าสามารถเอาชนะ Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซโลกได้หรือไม่ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55924 | Retail | การปรับตัวของ HomePro สู่ธุรกิจแบบ Omni-channel ส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจหรือไม่? | null | ใช่
ยอดขายออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น:
-จากข้อมูล HomePro พบว่า ยอดขายออนไลน์ในช่วงโควิด-19 ระบาด เพิ่มขึ้น 10 เท่า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ HomePro ปรับตัวสู่ธุรกิจแบบ Omni-channel
สัดส่วนยอดขายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น:
-ปัจจุบัน ยอดขายออนไลน์ของ HomePro คิดเป็น 60% ของยอดขายทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าเกี่ยวกับบ้านผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
การขยายฐานลูกค้า:
-ธุรกิจแบบ Omni-channel ช่วยให้ HomePro เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากสาขา
การเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา:
-การใช้เครื่องมือของ Google เช่น Optimization Score และ Performance Planner ช่วยให้ HomePro เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา ส่งผลให้ ROI สูงขึ้น
การลดต้นทุน:
-ธุรกิจแบบ Omni-channel ช่วยให้ HomePro ลดต้นทุนในการดำเนินงาน เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างพนักงาน
การตอบสนองความต้องการของลูกค้า:
-ธุรกิจแบบ Omni-channel ช่วยให้ HomePro ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้า เปรียบเทียบราคา และชำระเงินได้สะดวก รวดเร็ว
สรุป:
การปรับตัวของ HomePro สู่ธุรกิจแบบ Omni-channel ส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจโดยช่วยเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา ลดต้นทุนและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัด:
การแข่งขันที่รุนแรง:
-ธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านมีการแข่งขันสูง HomePro ต้องเผชิญกับคู่แข่งทั้งรายเก่าและรายใหม่
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค:
-พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ HomePro ต้องติดตามและปรับตัวให้ทัน
การลงทุนในเทคโนโลยี:
-ธุรกิจแบบ Omni-channel จำเป็นต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยี ซึ่งอาจเป็นภาระค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม:
-HomePro มีจุดแข็งหลายประการ เช่น แบรนด์ที่แข็งแกร่ง สินค้าที่หลากหลาย และบริการที่มีคุณภาพ
-ดังนั้น HomePro มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจแบบ Omni-channel | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55925 | Retail | จงสรุปบทความเรื่อง วิจัยกรุงศรีชี้เศรษฐกิจไทยใช้เวลา 2 ปีครึ่งฟื้นตัวเท่ากับก่อน COVID-19 ให้หน่อย | มุมมองเศรษฐกิจไทยจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในรูปแบบตัว U แต่ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งในการฟื้นตัวถึงจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อน COVID-19 วิจัยกรุงศรี คาดการณ์เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในรูปแบบตัวยู (U-shaped Recovery) และอาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งกว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ในไตรมาสที่ 4/2565 นอกจากนี้ยังคาดว่าในแต่ละอุตสาหกรรมในไทยจะใช้เวลาในการฟื้นตัวไม่เท่ากัน ขณะเดียวกันก็คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะถดถอยที่ -5% สมประวิณ มันประเสิรฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยว่า “การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ขณะเดียวกันภาคธุรกิจต่างๆ จะเริ่มปรับตัวรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะชัดเจนมากขึ้นในปี 2564” ขณะเดียวกันวิจัยกรุงศรียังมองว่าผลกระทบของ COVID-19 ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะกลางและยาวจาก 4 ปัจจัยหลักคือ การปิดการดำเนินงานของภาคธุรกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ การปรับตัวลดลงของอุปสงค์โดยรวม การชะงักงันของระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ปัจจัยข้างต้นนี้จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์จะมีการหดตัวมากในช่วงนี้ แต่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจอื่นโดยเปรียบเทียบ ขณะที่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคจะใช้เวลายาวนานกว่าในการปรับตัว วิจัยกรุงศรี ได้วิเคราะห์ผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ถึง 60 ประเภท พบว่า วิจัยกรุงศรี ได้วิเคราะห์ผลกระทบของโควิด ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ถึง 60 ประเภท พบว่า ธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจด้านการผลิตอาหารมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ในปี 2564
ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง พลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแต่จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ
ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ อาทิ การขนส่งทางอากาศ และอุตสาหกรรมการบริการ จะใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางกายหรือการรวมตัวกันในที่สาธารณะจะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ เช่นกัน ธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจด้านการผลิตอาหารมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ในปี 2564 ธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจด้านการผลิตอาหารมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ในปี ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง พลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแต่จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง พลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแต่จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ อาทิ การขนส่งทางอากาศ และอุตสาหกรรมการบริการ จะใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ อาทิ การขนส่งทางอากาศ และอุตสาหกรรมการบริการ จะใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางกายหรือการรวมตัวกันในที่สาธารณะจะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ เช่นกัน ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางกายหรือการรวมตัวกันในที่สาธารณะจะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ เช่นกัน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับประเทศไทย คาดว่าเม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเข้าสู่ระบบมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ แต่ต้องติดตามความชัดเจนของมาตรการต่างๆ และประสิทธิภาพการฟื้นฟูเศรษฐกิจว่าจะสามารถทำให้เกิดการจ้างงานเพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ หนุนให้ภาคครัวเรือนมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ ซึ่งจะลดความเสี่ยงแก่ภาคการเงิน รวมถึงมีมาตรการที่เหมาะกับรูปแบบการฟื้นตัวในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมากเพียงใด” ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related วิจัยกรุงศรี คาดการณ์ GDP ไทยปี 2021 เหลือแค่ 2.5% หลังโควิดระบาดรอบใหม่ ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัวครึ่งหลังของปี In "Article" แบงก์หั่นคาดการณ์ GDP ปี 66 มองส่งออกหดตัวเพิ่ม-ลุ้นการจัดตั้งรัฐบาล In "Article" วิจัยกรุงศรีคาด GDP ไทยปีนี้ถดถอยที่ -10.3% ชี้นโยบายการเงิน-การคลังไม่พอช่วยเศรษฐกิจ In "Article" | วิจัยกรุงศรี คาดการณ์เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในรูปแบบตัวยู อาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่ง จึงจะกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19 และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะถดถอยที่ -5% โดยผลกระทบของโควิด 19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะกลางและยาวจาก 4 ปัจจัยหลักคือ
1. การปิดการดำเนินงานของภาคธุรกิจจากมาตรการล็อกดาวน์
2. การปรับตัวลดลงของอุปสงค์โดยรวม
3. การชะงักงันของระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
4. การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
วิจัยกรุงศรี ได้วิเคราะห์ผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ถึง 60 ประเภท พบว่า
1. ธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจด้านการผลิตอาหารมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ในปี 2564
2. ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง พลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแต่จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ
3. ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ อาทิ การขนส่งทางอากาศ และอุตสาหกรรมการบริการ จะใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
4. ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางกายหรือการรวมตัวกันในที่สาธารณะจะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55930 | Retail | การลงทุนของ Facebook และ PayPal ใน Gojek จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างไร? | null | การลงทุนของ Facebook และ PayPal ใน Gojek จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม
1. การเข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อย:Facebook และ PayPal เข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อยในอินโดนีเซียผ่านแพลตฟอร์ม WhatsApp ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงลูกค้าและขายสินค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
2. การเข้าถึงบริการทางการเงิน: Facebook และ PayPal ช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถเติบโตได้
3. การขยายธุรกิจ: Gojek ขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ได้
4. การแข่งขัน: Gojek แข่งขันกับ Grab และ Shopee ในธุรกิจเรียกรถ การส่งอาหาร และบริการอื่นๆ
ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง
5. โอกาส:
-ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถใช้แพลตฟอร์มของ Gojek ในการเข้าถึงลูกค้า
-ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มของ Gojek
ตัวอย่าง:
-ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถใช้ Facebook ในการโฆษณาสินค้า
-ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์สามารถใช้ PayPal ในการรับชำระเงิน
บทสรุป:
การลงทุนของ Facebook และ PayPal ใน Gojek จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกในหลายแง่มุม ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ต้องปรับตัวและพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรง | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55937 | Retail | CP All เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยหรือไม่? | null | ใช่ เหตุผล:
- CP All เป็นผู้ดำเนินการร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนสาขามากกว่า 13,000 สาขา มากกว่าร้านสะดวกซื้อแบรนด์อื่นๆ ในประเทศไทย
- 7-Eleven เป็นร้านสะดวกซื้อที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศไทย คิดเป็น 42% ของตลาดค้าปลีกแบบร้านสะดวกซื้อทั้งหมด
- CP All ยังมีธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เช่น ร้าน Maxvalu, ร้าน Watsons, ร้าน CP Freshmart ฯลฯ ซึ่งล้วนมีจำนวนสาขามากและเป็นที่รู้จัก
ข้อโต้แย้ง:
บางคนอาจโต้แย้งว่า เทสโก้ โลตัส เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่กว่า CP All เทสโก้ โลตัส มีธุรกิจค้าปลีกหลากหลายรูปแบบ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ เทสโก้ โลตัส มีสาขามากกว่า CP All
การตอบโต้ข้อโต้แย้ง:
จริงอยู่ที่เทสโก้ โลตัส มีธุรกิจค้าปลีกหลากหลายรูปแบบ แต่ 7-Eleven ของ CP All มีจำนวนสาขามากกว่าร้านค้าปลีกทุกประเภทของเทสโก้ โลตัส 7-Eleven ยังมีส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่าร้านค้าปลีกทุกประเภทของเทสโก้ โลตัส ดังนั้น CP All จึงยังสามารถถือเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในแง่ของส่วนแบ่งทางการตลาดและจำนวนร้านค้าได้
สรุป:
CP All เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพิจารณาจากจำนวนสาขาและส่วนแบ่งตลาด | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55949 | Retail | จงสรุปบทความเรื่อง ห้างฯ ปรับตัวหนี “COVID-19” จัดโปรช้อปออนไลน์ ให้หน่อย | COVID-19 ยังมีความไม่แน่นอนสูง มาตรการจากภาครัฐก็ยังไม่ชัดเจน หน้ากากอนามัยก็ขาดตลาด มีการกักตุนและขึ้นราคา แอลกอฮอล์ก็ดูจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ก่อนเลยคือ ค้าปลีก และมีโอกาสได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วย จับกลุ่มกลางล่างลำบาก จับกลุ่มกลางบนก็เหนื่อย การที่นักท่องเที่ยวมาไทยน้อยลง และน่าจะเงียบเหงายาวตลอดทั้งปี การบริโภคภายในประเทศก็หดตัวจากการเลิกจ้างงาน หรือถูกพักงาน ลดการจ้างทำให้รายได้คนไทยลดลง กำลังซื้อก็น้อยลง ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกจึงรับไปเต็มๆ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสะดวกซื้อ ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจค้าปลีกที่จับกลุ่มลูกค้าคนไทยระดับกลางถึงล่าง อาจได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากกำลังซื้อลดลง ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกที่จับกลุ่มระดับกลางบน และ e-Commerce อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจ ถ้าไปเดินห้างฯ ช่วงนี้ จะโล่งเป็นพิเศษ ไม่มีนักท่องเที่ยวจีน หรือแม้แต่คนไทยเองก็ไม่ค่อยเดิน เพราะวิตกกังวลเกี่ยวกับ COVID-19 ทำให้ธุรกิจค้าปลีกหลายราย ต้องปรับกลยุทธ์เน้นช้อปปิ้งออนไลน์ และ e-Commerce มากขึ้น หรือไม่ก็ต้องอัดโปรโมชั่นหนักๆ เพื่อดึงให้คนยอมออกจากบ้านมาเดินห้างอีกครั้ง เซ็นทรัล จัด Hot Price Hot Deal ห้างเซ็นทรัล ระบุว่า การทำธุรกิจค้าปลีกได้พัฒนาไปสู่การเป็น Omnichannel ผสมผสานออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันแล้ว ดังนั้นสามารถมาช้อปที่ห้างฯ ช้อปผ่านออนไลน์หรือ ช้อปผ่านการ Chat ได้หมด มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายแม้จำนวนผู้มาเดินห้างฯ ลดลง เซ็นทรัล ได้จัดโปรโมชั่น Central Hot Price Hot Deal ระหว่างวันที่ 11 มี.ค. – 2 มิ.ย. 63 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา มีทั้งลดราคาพิเศษ, ซื้อ 1 แถม 1 แลกรับส่วนลดเพิ่ม 12.5% เมื่อใช้คะแนน เดอะวัน โดยช้อปได้ที่ห้างฯ หรือเว็บไซต์ www.central.co.th หรือผ่านช่องทางไลน์ Central Chat and Shop อย่างไรก็ตาม ร้านค้าที่อยู่โซนพลาซ่า ซึ่งจ่ายค่าเช่าพื้นที่ห้างฯ ที่ไม่มีช่องทางออนไลน์อื่น หรือร้านอาหารในห้างฯ อาจได้รับผลกระทบจากจำนวนคนที่มาห้างฯ ลดลงเช่นเดียวกัน ขณะที่ Central Online ก็พยายามจัดโปรโมชั่น SHOP SHOP ลด แลก แจก แถม อย่างต่อเนื่องเช่นกัน เดอะ มอลล์ Shopping ช้อป ช่วย ไทย ไทยสู้สู้! ด้าน เดอะ มอลล์ ก็จัดโปรโมชั่น ช้อป ช่วย ไทย ไทยสู้สู้! 6 มี.ค. – 15 เม.ย.63 โดยเน้นจับลูกค้าที่มี M Card และเน้นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เป็นหลัก เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกมาช้อปปิ้ง เพื่อช่วยไทยด้วยกัน พร้อมมีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันเชิงรุกขั้นสูงสุดเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า โอกาสเปิดสำหรับออนไลน์, O2O และ Delivery ขณะที่สถานการณ์โดยรวมยังไม่ดีขึ้น ช่องทางซื้อสินค้าออนไลน์กลายเป็นทางออกสำหรับการซื้อสินค้าทั้งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาหาร หรือการช้อปปิ้งตามปกติ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้กับ Shopee-Lazada ซึ่งเป็นผู้นำ e-Commerce ในไทย รวมถึงช่องทางออนไลน์อื่นๆ ดังนั้นช่วงนี้บริการขนส่ง อย่าง ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express หรือ Flash Express น่าจะวิ่งกันวุ่น นอกจากนี้ บริการ O2O อื่นๆ โดยเฉพาะ Delivery ที่สามารถสั่งให้มาส่งที่บ้านได้ จึงเป็นโอกาสสำหรับ LINE Man, Grab และ GET ด้วย คาดกระทบธุรกิจค้าปลีก 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากการแพร่ระบาดสามารถคุมได้ในครึ่งปีแรก และมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากทางภาครัฐ ตลอดจนมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการ ควบคู่ไปกับการมีมาตรการดูแลและป้องกันทางด้านสุขภาพให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการภายในร้านค้าปลีก ก็น่าจะช่วยประคับประคอง และทำให้บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงครึ่งหลังของปีค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวได้ คาดว่าภาพรวมธุรกิจค้าปลีกทั้งปี 2563 จะหดตัวราว 0.8% หรือเป็นเม็ดเงินประมาณ 150,000 ล้านบาท แต่หากสถานการณ์ลากยาวออกไปหรือรุนแรงขึ้น อาจทำให้มูลค่าตลาดค้าปลีกหดตัวถึง 2.2% หรือคิดเป็นเงินค้าปลีกจากนักท่องเที่ยวและคนไทยที่หายไปราว 200,000 ล้านบาท 2563 0.8% 150,000 2.2% 200,000 ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related TMB: โควิดระบาดไตรมาสแรกปี 2021 รายได้ธุรกิจบริการและท่องเที่ยวทั่วไทยจะลดลงกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท In "Article" ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งไทยไม่ตาย แต่โตช้าลง TMB คาดปีนี้โตแค่ 5% In "News" ค้าปลีกไทยเข้าขั้นวิกฤต ดัชนีความเชื่อมั่นต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ความเสียหาย 2.7 แสนล้าน In "Article" | ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสะดวกซื้อ ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจค้าปลีกที่จับกลุ่มลูกค้าคนไทยระดับกลางถึงล่าง ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากกำลังซื้อลดลง ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกที่จับกลุ่มระดับกลางบน และ e-Commerce อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะ COVID-19 ทำให้ธุรกิจค้าปลีก ต้องปรับกลยุทธ์ช้อปปิ้งออนไลน์ และ e-Commerce มากขึ้น
เซ็นทรัล จัด Hot Price Hot Deal
ระหว่างวันที่ 11 มี.ค. – 2 มิ.ย. 63 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา มีทั้งลดราคาพิเศษ, ซื้อ 1 แถม 1 แลกรับส่วนลดเพิ่ม 12.5% เมื่อใช้คะแนน เดอะวัน โดยช้อปได้ที่ห้างฯ หรือเว็บไซต์ www.central.co.th หรือผ่านช่องทางไลน์ Central Chat and Shop ร้านค้าที่อยู่โซนพลาซ่า ซึ่งจ่ายค่าเช่าพื้นที่ห้างฯ ที่ไม่มีช่องทางออนไลน์อื่น หรือร้านอาหารในห้างฯ อาจได้รับผลกระทบจากจำนวนคนที่มาห้างฯ ลดลง ขณะที่ Central Online ก็พยายามจัดโปรโมชั่น SHOP SHOP ลด แลก แจก แถม อย่างต่อเนื่อง
เดอะ มอลล์ Shopping ช้อป ช่วย ไทย ไทยสู้สู้!
เน้นจับลูกค้าที่มี M Card และเน้นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เป็นหลัก เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกมาช้อปปิ้ง 6 มี.ค. – 15 เม.ย.63 พร้อมมีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันเชิงรุกขั้นสูงสุดเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า
โอกาสเปิดสำหรับออนไลน์, O2O และ Delivery
ช่องทางซื้อสินค้าออนไลน์กลายเป็นทางออกสำหรับการซื้อสินค้าทั้งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาหาร หรือการช้อปปิ้งปกติ จึงเป็นโอกาสให้ Shopee-Lazada ซึ่งเป็นผู้นำ e-Commerce ในไทย รวมถึงช่องทางออนไลน์อื่นๆ บริการขนส่ง อย่าง ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express หรือ Flash Express นอกจากนี้ บริการ O2O อื่นๆ โดยเฉพาะ Delivery ที่สามารถสั่งให้มาส่งที่บ้านได้ จึงเป็นโอกาสสำหรับ LINE Man, Grab และ GET
คาดกระทบธุรกิจค้าปลีก 2 แสนล้านบาท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากการแพร่ระบาดสามารถคุมได้ในครึ่งปีแรก และมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากทางภาครัฐ ตลอดจนมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการ ควบคู่ไปกับการมีมาตรการดูแลและป้องกันทางด้านสุขภาพแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการภายในร้านค้าปลีก น่าจะช่วยประคับประคอง และทำให้บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงครึ่งหลังของปีค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวได้ ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกทั้งปี 2563 จะหดตัวราว 0.8% หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น อาจทำให้มูลค่าตลาดค้าปลีกหดตัวถึง 2.2% หรือราว 200,000 ล้านบาท | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55961 | Retail | จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด 19 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กรุงเทพมหานครจึงได้มีคำสั่งให้ปิดสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น จริงหรือไม่ | null | ไม่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่างๆ ที่ โออาร์ ดำเนินการ จึงได้เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัย และปรับรูปแบบการให้บริการ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของโรคโควิด – 19 ดังนี้ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด – 19 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งให้ปิดสถานที่ต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 12 เมษายน 2563 เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดนั้น โออาร์ มีความห่วงใยผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่างๆ ที่ โออาร์ ดำเนินการ จึงได้เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัย และปรับรูปแบบการให้บริการ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของโรคโควิด – 19 ดังนี้ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ยกระดับมาตรการรักษาความสะอาดบริเวณสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และห้องน้ำ รวมทั้งเพิ่มมาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานหน้าลานและแม่บ้าน อาทิ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ ให้พนักงานทุกคนล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการแก่ผู้บริโภคหลังชำระเงิน เป็นต้น เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 เพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ยกระดับมาตรการรักษาความสะอาดบริเวณสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และห้องน้ำ รวมทั้งเพิ่มมาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานหน้าลานและแม่บ้าน อาทิ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ ให้พนักงานทุกคนล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการแก่ผู้บริโภคหลังชำระเงิน เป็นต้น | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55989 | Retail | Cloudbreakr จะใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนรอบ Pre-Series A อย่างไรเพื่อขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | null | Cloudbreakr วางแผนใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนรอบ Pre-Series A ดังนี้
1. พัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล
-พัฒนาเทคโนโลยี AI Power เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย
-พัฒนาเครื่องมือ Influencer Marketing ใหม่ ๆ ตอบโจทย์นักการตลาด
-พัฒนาแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว
2. ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-ตั้งสาขาในประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
-จ้างทีมงานท้องถิ่น เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงตลาด
-พัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น
3. เพิ่มฐานลูกค้า
-มุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
-เสนอแพ็กเกจราคาที่เหมาะสมกับธุรกิจทุกขนาด
-นำเสนอผลงานและเคสตัวอย่างสร้างความน่าเชื่อถือ
4. พันธมิตรกับบริษัทอื่น ๆ
-ร่วมมือกับบริษัทด้านการตลาดและโฆษณา
-ร่วมมือกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
-ขยายเครือข่ายนักการตลาดและ influencer
5. พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
-ศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ
-พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
-พัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับเทรนด์ใหม่ ๆ
ผลลัพธ์
การใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนรอบ Pre-Series A จะช่วยให้ Cloudbreakr
-ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-เพิ่มฐานลูกค้า
-พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
-กลายเป็นผู้นำในตลาด Influencer Marketing
บทสรุป
Cloudbreakr มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลยุทธ์การขยายธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยี และการพันธมิตรกับบริษัทอื่น ๆ จะช่วยให้ Cloudbreakr บรรลุเป้าหมาย
คำถามเพิ่มเติม
-กลยุทธ์เหล่านี้สามารถนำไปใช้กับธุรกิจสตาร์ทอัพประเภทอื่น ๆ ได้หรือไม่?
-กลยุทธ์เหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรในอนาคต?
-อะไรคือความท้าทายที่ Cloudbreakr เผชิญในการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้?
ตัวอย่างธุรกิจสตาร์ทอัพประเภทอื่น ๆ ที่นำกลยุทธ์ของ Cloudbreakr ไปใช้
-Ookbee
-Wongnai
-LINE MAN
บทสรุป
กลยุทธ์ของ Cloudbreakr เป็นตัวอย่างที่ดีของการขยายธุรกิจสตาร์ทอัพ ธุรกิจสตาร์ทอัพอื่น ๆ สามารถเรียนรู้จากกลยุทธ์เหล่านี้และนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_55996 | Retail | ในยุคที่ค้าปลีกออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะสามารถอยู่รอดได้อย่างไร | null | เทรนด์การตลาดในปี 2019 จะเน้นไปที่ ประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ และการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมแค่ปรับตัว ดังนี้:
1. ประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ:
ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ เช่น:
- พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับการช็อปปิ้ง
- นำเสนอบริการ Click-and-Collect
- นำเสนอบริการจัดส่งสินค้า
ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากออนไลน์ เช่น:
- บรรยากาศและการบริการในร้าน
- กิจกรรมพิเศษ
- การให้คำแนะนำจากพนักงาน
2. การตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค:
- ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมต้องวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น
- นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น
- พัฒนาสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร
ตัวอย่าง:
- ร้านขายของชำในท้องถิ่นสามารถนำเสนอบริการจัดส่งสินค้าสดใหม่ถึงบ้าน
- ร้านขายเสื้อผ้าสามารถนำเสนอบริการตัดเย็บเสื้อผ้าตามสั่ง
- ร้านอาหารสามารถนำเสนอบริการจัดส่งอาหาร
สรุป:
ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถอยู่รอดได้ในยุคค้าปลีกออนไลน์ โดยต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พัฒนาสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56001 | Retail | อะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ หันมาวางจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven มากขึ้นในประเทศไทยและเกาหลีใต้? | เป็นเรื่องปกติของ 7-Eleven ในประเทศไทยเสียแล้ว ที่กลายเป็นช่องทางขายสกินแคร์และเครื่องสำอาง แต่ตอนนี้ร้านสะดวกซื้อ อย่าง 7-Eleven เกาหลีกำลังกลายเป็นช่องทางใหม่และสุดฮิตของสาวเกาหลีที่เดินเข้า เดินออกเพื่อซื้อเครื่องสำอาง เป็นเรื่องปกติของ 7-Eleven ในประเทศไทยเสียแล้ว ที่กลายเป็นช่องทางขายสกินแคร์และเครื่องสำอาง แต่ตอนนี้ ที่ผ่านมาร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ส่วนใหญ่จะขายของกินและของใช้อยู่แล้วในเกาหลี แต่ตอนนี้เริ่มมีแบรนด์เครื่องสำอางจากอเมริกาที่ชื่อว่า “Wet n Wild” เริ่มมองเห็นโอกาสการนำเครื่องสำอางไปจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อแล้ว โดยนำร่องนำเครื่องสำอางจำนวน 14 รายการ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงกลุ่มวัยรุ่น ก่อนหน้านี้ เครื่องสำอาง “Wet n Wild” วางจำหน่ายสินค้าผ่านที่ LOHB’s ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ด้านสุขภาพและความงามในประเทศเกาหลี แต่การนำสินค้ามาจำหน่ายที่ 7-Eleven จะเริ่มในกลุ่มอายแชโดว์ พาเลทอายแชโดว์ลิปสติก วางจำหน่ายในร้านค้ากว่า 100 แห่งและจะวางจำหน่ายทั่วประเทศในปีหน้า เหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องหันมามองช่องร้านสะดวกซื้อมากขึ้น มาจากยอดขายเครื่องสำอาง ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 21.4% เมื่อปี 2559 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วง 11 เดือนของปี 2562 เติบโต 28.6% โดยเซเว่นอีเลฟเว่นชี้ให้เห็นว่าการเข้าถึงและความสะดวกในการจ่ายเป็นเรื่องง่ายซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันยอดขาย ร้านสะดวกซื้อได้กลายเป็นช่องทางใหม่ที่สาวๆ เกาหลี มาซื้อเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น สำหรับ 7-Eleven เกาหลี กำลังวางแผนขยายเครื่องสำอางที่ราคาไม่แพง เพื่อสนองต่อกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเมื่อปี 2560 มีแบรนด์ Etude House และ Holika Holika ได้ผลิตเครื่องสำอางราคาไม่สูงวางจำหน่ายใน 7-Eleven ขณะที่เครื่องสำอางกับ LG Household & Health Care นำเครื่องสำอางราคาไม่สูงจำหน่าย 9 รายการในเดือนพฤษภาคม เทรนด์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น 7-Eleven เกาหลี ไม่ได้แตกต่างจาก 7-Eleven ของประเทศไทย ที่มีเครื่องสำอาง สกินแคร์ไซส์เล็กจำหน่ายจำนวนมากและกลายเป็นช่องทางที่แบรนด์ต่างๆ ต้องให้ความสำคัญ สรุป ร้านสะดวกซื้อที่ขยายสาขาการให้บริการเข้าถึงแหล่งชุมชนต่างๆ จึงตอบโจทย์ยุคสวยสะดวก สวยด่วนทั้งสาวไทย หรือสาวเกาหลี ด้วยจำหน่ายสาขาที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย และเชื่อว่าเทรนด์เกาหลีคงไม่แตกต่างกับเทรนด์ของประเทศไทย ที่แบรนด์ต่างจะทำเครื่องสำอางขนาดเล็กลง หรือมีราคาไม่สูงมากนักเพื่อสนองต่อการใช้งานของสาวๆ นั่นเอง ที่มา: เกาหลี JoongAng รายวัน ที่มา: เกาหลี JoongAng รายวัน ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา Share this: Related L’Oreal ทุ่ม 86,500 ล้านบาท ซื้อกิจการ Aesop ต่อยอดการทำตลาดเครื่องสำอางหรู In "News" BEAUTY BUFFET กับกลยุทธ์พัฒนา “คน” หัวใจสำคัญตอบโจทย์ ผู้หญิงอย่าหยุดสวย In "News" กรุงโซลก็แค่ปากซอย! ร้านสะดวกซื้อเกาหลีกำลังบุกตลาดอาเซียน ท้าทายสถานะเบอร์ 1 ของเชนญี่ปุ่น In "Article" | ปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ หันมาวางจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven มากขึ้นในประเทศไทยและเกาหลีใต้:
1. การเติบโตของตลาดเครื่องสำอาง:
ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยและเกาหลีใต้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2560 ยอดขายเครื่องสำอางในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 21.4%
ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 ยอดขายเครื่องสำอางในเกาหลีใต้เติบโต 28.6%
แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีกำลังซื้อและความต้องการเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น
2. ความสะดวกในการซื้อ:
ร้านสะดวกซื้อมีสาขาจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง
ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงร้านสะดวกซื้อได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว
ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว
3. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง:
ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าแบบฉับพลัน
ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
ร้านสะดวกซื้อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคประเภทนี้
ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางได้ทันที
โดยไม่ต้องเสียเวลาเปรียบเทียบราคาหรือหาซื้อสินค้าจากหลายร้าน
4. ราคาที่เหมาะสม:
ร้านสะดวกซื้อมักจำหน่ายสินค้าในราคาที่เหมาะสม
ผู้บริโภคสามารถซื้อเครื่องสำอางในปริมาณที่ต้องการ
โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากเกินไป
ตรงกับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อจำกัด
5. กลยุทธ์ของแบรนด์เครื่องสำอาง:
แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ ต้องการขยายฐานลูกค้า
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่
ร้านสะดวกซื้อเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก
ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และสร้างยอดขาย
โดยสรุป:
ปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ หันมาวางจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven มากขึ้นในประเทศไทยและเกาหลีใต้ ได้แก่ การเติบโตของตลาดเครื่องสำอาง ความสะดวกในการซื้อ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ราคาที่เหมาะสม และกลยุทธ์ของแบรนด์เครื่องสำอาง เทรนด์ดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่าย ร้านสะดวกซื้อจึงกลายเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่สำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56006 | Retail | Tesco เชนเจ้าของกิจการค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศใด | 1. เกาหลี
2. ไทย
3. จีน
4. อังกฤษ | ข้อที่ถูกต้องคือ 4. เพราะว่า Tesco ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในประเทศอังกฤษ อาจตัดสินใจขายกิจการ Tesco Lotus ในไทยรวมไปถึงกิจการในประเทศมาเลเซียด้วย หลังจากมีผู้เสนอว่าสนใจซื้อกิจการ สื่อต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานว่า Tesco เชนเจ้าของกิจการค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศอังกฤษ อาจตัดสินใจขายกิจการในประเทศมาเลเซีย และนอกจากนี้ยังรวมไปถึงประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “เทสโก้ โลตัส” ซึ่งบริษัทได้รายงานว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ซึ่งคาดถ้าหากมีการขายกิจการจริงๆ ว่าจะมีมูลค่าสูงสุดถึง 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 272,430 ล้านบาท วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ใครอาจซื้อกิจการของ “Tesco Lotus” ในประเทศไทย | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56012 | Retail | คาเฟ่ อเมซอน สามารถนำกลยุทธ์ Go Green ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกประเภทอื่นๆ ได้อย่างไร? | null | คาเฟ่ อเมซอน สามารถนำกลยุทธ์ Go Green ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกประเภทอื่นๆ ได้หลายวิธี ดังนี้:
1. ลดการใช้ (Reduce):
ธุรกิจค้าปลีกสามารถลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม
ธุรกิจค้าปลีกสามารถสนับสนุนให้ลูกค้านำภาชนะมาเอง
ธุรกิจค้าปลีกสามารถลดการใช้พลังงานและน้ำ
2. ใช้ซ้ำ (Reuse):
ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เช่น ถุงผ้า กล่องกระดาษ
ธุรกิจค้าปลีกสามารถให้เช่าหรือยืมสินค้า เช่น จาน ชาม แก้ว
3. นำมาแปรรูปใช้ใหม่ (Recycle):
ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำวัสดุที่ใช้แล้วมาแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น
ธุรกิจค้าปลีกสามารถร่วมมือกับบริษัทรีไซเคิลเพื่อนำวัสดุที่ใช้แล้วไปรีไซเคิล
ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ไปใช้ในธุรกิจค้าปลีก:
ร้านสะดวกซื้อสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกโดยให้ลูกค้านำถุงผ้ามาเอง
ห้างสรรพสินค้าสามารถให้เช่ารถเข็นเด็ก
ร้านอาหารสามารถนำขวดแก้วเก่ามาทำเป็นแจกัน
ข้อดีของการนำกลยุทธ์ Go Green ไปประยุกต์ใช้:
ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ
ช่วยดึงดูดลูกค้าที่รักษ์โลก
ข้อควรระวัง:
ธุรกิจค้าปลีกต้องศึกษาข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าก่อนนำกลยุทธ์ Go Green ไปใช้
ธุรกิจค้าปลีกต้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเทคโนโลยี
ธุรกิจค้าปลีกต้องสื่อสารกับลูกค้าเกี่ยวกับกลยุทธ์ Go Green
บทสรุป:
กลยุทธ์ Go Green เป็นแนวทางที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56020 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย | null | เสียงกระซิบจากเศรษฐกิจ
ท่ามกลางแสงไฟสลัวในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ ทยอยปิดไฟ เหลือเพียงแสงไฟจากป้ายชื่อร้าน สะท้อนให้เห็นความเงียบเหงา บรรยากาศที่เคยคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คน กลับกลายเป็นความเงียบสงัด
"เศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าหายไปเยอะเลย" เสียงบ่นของพนักงานขายดังขึ้น
"จริงนะ ของในร้านก็ขายไม่ออก คงต้องรอให้เศรษฐกิจดีขึ้นก่อน" พนักงานอีกคนตอบ
บทสนทนาของพนักงาน สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของธุรกิจค้าปลีกในยุคนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้คน
"ว่าแต่ปีหน้า เศรษฐกิจจะดีขึ้นไหมนะ" พนักงานคนแรกถามด้วยความกังวล
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ได้ยินว่ารัฐบาลมีนโยบายออกมาช่วยเหลือ คงต้องรอดูต่อไป"
ในขณะที่พนักงานกำลังพูดคุยกัน เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้น
"ฟังเสียงฉันไหม"
พนักงานทั้งสองมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย
"เสียงอะไรเหรอ?" พนักงานคนแรกถาม
"เสียงของเศรษฐกิจไง
พนักงานทั้งสองมองหน้ากันด้วยความงุนงง
"เศรษฐกิจพูดได้ด้วยเหรอ?" พนักงานคนแรกถาม
"ได้สิ ฉันมาบอกพวกเธอเกี่ยวกับอนาคต"
"อนาคตเหรอ?"
"ใช่ อนาคตของธุรกิจค้าปลีก"
"แล้วจะเป็นยังไง?"
"มันจะเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่ปรับตัวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด"
"ปรับตัวยังไง?"
"ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้า เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม"
"ฟังดูยากจัง"
"ใช่ มันไม่ง่าย แต่ถ้าพวกเธอไม่เปลี่ยน ก็จะไม่มีทางอยู่รอด"
เสียงกระซิบเงียบหายไป เหลือเพียงพนักงานทั้งสองที่ยืนนิ่ง คิดทบทวนคำพูดที่ได้ยิน
"เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว" พนักงานคนแรกพูด
"ใช่ เราต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย"
พนักงานทั้งสองตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลง พวกเขาเริ่มศึกษาความต้องการของลูกค้า เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับกลยุทธ์ของร้าน
หนึ่งปีต่อมา ร้านของพวกเขาประสบความสำเร็จ ลูกค้ากลับมาซื้อของมากขึ้น พนักงานทั้งสองยิ้มด้วยความดีใจ
"เราทำได้!"
"ใช่ เราปรับตัวจนอยู่รอดได้"
พวกเขารู้ดีว่า เศรษฐกิจจะยังมีขึ้นมีลง แต่พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญกับทุกความท้าทาย | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56022 | Retail | พันธกิจดั้งเดิมของอาลีบาบา คืออะไร | 1. การบริโภคภายในประเทศ คือ อนาคตของเศรษฐกิจจีน
2. แรงขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้เกิดโอกาสในการบริโภคมากขึ้น
3. จะยึดมั่นกลยุทธ์ go-to-market เพื่อสร้างความเติบโตและรุ่งเรืองในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
4. การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก | คำตอบที่ถูกต้องคือ 4. เพราะว่า เพราะพันธกิจดั้งเดิมของอาลีบาบา คือ “การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก”
อาลีบาบาเป็นบริษัทที่ถูกขับเคลื่อนโดยพันธกิจ วิสัยทัศน์และค่านิยม วัฒนธรรมองค์กรมาจากความเชื่อในการเป็นคนดีและสังคมที่ดี ท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัล คำนึงถึงสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่ดำรงอยู่ได้ ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของบริษัท ได้มีการปรับพันธกิจ วิสัยทัศน์และค่านิยม
พันธกิจดั้งเดิม “การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก” ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ “102 ปี” เพราะต้องการเป็น บริษัทที่ดี ที่ดำเนินการเป็นเวลา 102 ปี
เป้าหมายของอาลีบาบาไม่ใช่การเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือแข็งแกร่งที่สุด แต่ต้องการเป็นบริษัทที่มุ่งทำความดี สร้างพลังงานบวกให้แก่สังคม มีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงขึ้น สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและตอบสนองความของพนักงานและผู้ถือหุ้น
ในขณะเดียวกัน ได้ปรับปรุงค่านิยมหลัก 6 ประการของอาลีบาบา โดยแทนที่ค่านิยมดั้งเดิมด้วยถ้อยคำเรียบง่ายแค่แฝงไปด้วยความหมาย แต่ละข้อเป็นตัวแทนของเรื่องราวสำคัญของบริษัท สะท้อนค่านิยมด้านวัฒนธรรมองค์กรและการตัดสินใจต่อประเด็นที่ยากลำบาก
ค่านิยม 6 ประการได้แก่
- ลูกค้ามาก่อน พนักงานมาเป็นอันดับสอง และผู้ถือหุ้นอันดับสาม
- ความเชื่อใจทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย
- การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่แน่นอน
- ผลลัพธ์ที่ดีสุดของวันนี้ คือมาตรฐานของวันพรุ่งนี้
- ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วตอนไหน ถ้าไม่ใช่ตนเอง แล้วจะเป็นใคร
- ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานให้มีความสุข
วัฒนธรรมองค์กรของอาลีบาบาฝังรากลึกอยู่ในค่านิยมหลักของบริษัทและมีส่วนช่วยผลักดันให้เรามาอยู่จุดนี้ได้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้หากยึดมั่นในพันธกิจ วิสัยทัศน์และค่านิยม | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56024 | Retail | ธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยควรใช้วิธีการใดเพื่อส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภคมากขึ้น | null | จากบทความ ธุรกิจในประเทศไทยหลายประเภทเริ่มตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะธุรกิจเครื่องดื่มที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์จำนวนมาก ธุรกิจเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น กล่องกระดาษรีไซเคิล ขวดแก้ว และหลอดชีวภาพ
อย่างไรก็ตาม ยังมีธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ที่ยังไม่ตื่นตัวเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกมากนัก
ธุรกิจค้าปลีกสามารถมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
วิธีการที่ธุรกิจค้าปลีกสามารถทำได้มีดังนี้
1. ให้ความรู้แก่ผู้บริโภค
ธุรกิจค้าปลีกสามารถให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2. จำหน่ายสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ธุรกิจค้าปลีกสามารถจำหน่ายสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3. สนับสนุนธุรกิจที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ธุรกิจค้าปลีกสามารถสนับสนุนธุรกิจที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
4. ลดการใช้บรรจุภัณฑ์
ธุรกิจค้าปลีกสามารถลดการใช้บรรจุภัณฑ์
5. รีไซเคิลบรรจุภัณฑ์
ธุรกิจค้าปลีกสามารถรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์
ตัวอย่างการดำเนินการของธุรกิจค้าปลีก
-ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต: ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กล่องกระดาษรีไซเคิล ขวดแก้ว และหลอดชีวภาพ
-เซ็นทรัล: เซ็นทรัล งดแจกถุงพลาสติก
-โฮมโปร: โฮมโปร จำหน่ายสินค้าที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์
-อีคอมเมิร์ซ: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee และ Lazada เริ่มให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่รับถุงพลาสติก
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
-ผู้บริโภคมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
-ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
-ธุรกิจใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
-ปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์ลดลง
-สิ่งแวดล้อมได้รับการรักษา
ความท้าทาย
-ต้นทุน: บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักมีราคาแพงกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป
-ความสะดวก: ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจไม่สะดวกกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-การรับรู้: ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจไม่ทราบถึงประโยชน์ของการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บทสรุป
-ธุรกิจค้าปลีกมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้วิธีการต่างๆ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56027 | Retail | จงแต่งเรื่องสั้นโดยสอนเรื่อง....ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค | null | ดงราคาประหยัด: ตำนานบทใหม่ของยักษ์ใหญ่แห่งอีคอมเมิร์ซ
ณ ใจกลางย่านวูดแลนด์ฮิลส์ แคลิฟอร์เนีย ภายใต้ป้ายสีสันสดใสเรียบง่าย ประกาศการมาถึงของ "ร้านขายของชำราคาประหยัด" แห่งแรกจาก Amazon บรรยากาศภายในร้านดูเรียบง่าย ต่างจากร้าน Amazon Go ที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัย
พิมพ์ หญิงสาววัย 30 กว่าปี กำลังเข็นรถเข็นผ่านชั้นวางสินค้า สายตาของเธอจับจ้องไปที่ป้ายราคาที่ติดอยู่ใต้สินค้าแต่ละชิ้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอเมื่อพบว่าราคาของสินค้าที่นี่ถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
พิมพ์เป็นพนักงานออฟฟิศที่มีรายได้จำกัด การประหยัดเงินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ เธอเคยลองซื้อของออนไลน์จาก Amazon Fresh แต่ค่าจัดส่งสินค้าทำให้เธอต้องคิดหนัก
"การมีร้านขายของชำราคาประหยัดของ Amazon ช่วยให้ฉันประหยัดเงินได้มาก โดยไม่ต้องเสียค่าส่งสินค้า" พิมพ์พูดกับ นลิน เพื่อนสนิทของเธอ
นลินเห็นด้วยกับพิมพ์ เธอเล่าว่าเธอเคยลองใช้บริการ Amazon Go แต่รู้สึกไม่สะดวกใจนัก
"ฉันชอบการชำระเงินแบบดั้งเดิมมากกว่า รู้สึกเหมือนได้ควบคุมการใช้จ่ายมากกว่า" นลินอธิบาย
คุณสมชาย ผู้จัดการร้าน กำลังยืนตรวจดูสินค้าบนชั้นวาง เขาภูมิใจนำเสนอร้านนี้แก่ลูกค้า
"เราคัดสรรสินค้าคุณภาพดีมาจำหน่ายในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้" คุณสมชายกล่าว
"เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า"
ดร. วุฒิชัย นักวิเคราะห์ธุรกิจ มองการขยายธุรกิจครั้งนี้ของ Amazon ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
"Amazon เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าราคาประหยัด โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน" ดร. วุฒิชัยอธิบาย
"การเปิดร้านขายของชำราคาประหยัด จะช่วยให้ Amazon ขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจค้าปลีก"
เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ภายในร้าน ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คน ผสมผสานกับเสียงร้องเพลงของพนักงาน สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศอันคึกคัก
ร้านขายของชำราคาประหยัด แห่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ซื้อของ แต่เป็นเสมือนพื้นที่แห่งการพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน
ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แสงไฟสว่างไสวภายในร้าน สะท้อนให้เห็นรอยยิ้มของลูกค้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ตำนานบทใหม่ ของยักษ์ใหญ่แห่งอีคอมเมิร์ซได้ถูกจารึกไว้บนถนนสายนี้ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56036 | Retail | ช่วยสรุปบทความ คนไทยพร้อมไหม ! ค้าปลีกรักษ์โลกงดแจกถุงพลาสติก 1 ม.ค. 2563 | การประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) วางเป้าหมายประเทศไทยปราศจากพลาสติกประเภทครั้งเดียวทิ้ง ภายในปี 2564 เป็นความท้าทายของธุรกิจค้าปลีกครั้งใหญ่ สำหรับการสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมการใช้ถุงพลาสติกของคนไทย
ธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของประเทศ 3 รายใหญ่ เริ่มดีเดย์แล้ว ร้านสะดวกเซเว่น อีเลฟเว่น เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต ออกมาประกาศจุดยืนงดแจกถุงโดยจะเริ่มจริงจังตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพฤติกรรมไม่ใช้ถุงพลาสติกของคนไทยอย่างแท้จริง
บิ๊กซีแจ้งลูกค้าถึงเวลาบอกลาถุงพลาสติก
เริ่มออกประกาศแจ้งให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการจับจ่ายใช้สอย โดยมีข้อความว่า บิ๊กซีเตรียมงดแจกถุงพลาสติกทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป เพื่อเป็นไปตามมติของกรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเดินเกมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ
ลูกค้าที่ยังไม่มีถุงผ้าช้อปปิ้ง สามารถเอาคะแนน Big Card 2,000 คะแนน มาแลกกระเป๋าอเนกประสงค์คละสีได้ฟรี!
สมาชิกบิ๊กการ์ดไม่รับถุงพลาสติกสามารถรับคะแนนบิ๊กการ์ดเพิ่มทันที 200 คะแนน
บิ๊กซียังมีการจัดช่องชำระเงิน Green Lane เพื่องดแจกถุงพลาสติก
สำหรับบิ๊กซี มีจำนวนมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ บิ๊กซีเดินหน้าประกาศนโยบายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมครบทุกมิติ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งช่วยลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาภาวะโลกร้อน วางเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้า ลดการใช้ถุงพลาสติก 100 ล้าน
เซเว่น อีเลฟเว่นไม่พลาดค้าปลีกรักษ์โลก
สำหรับเซเว่น อีเลฟเว่น ประกาศจุดยืนงดแจกถุงพลาสติกในวันที่ 1 ม.ค. 63 ที่ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ เพื่อขานรับนโยบายของภาครัฐ พร้อมขอเชิญชวนให้คนไทยลดใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจังเพื่อร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ซีพี ออลล์ ได้เริ่มดำเนินโครงการรณรงค์ลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2550 ผ่านโครงการ 7 Go Green (เซเว่น โก กรีน) ร่วมกับองค์กรต่างๆ จากนั้นได้จัดแคมเปญรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “ลดวันละถุง…คุณทำได้ ไปจนถึงโครงการ “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก”
เทสโก้โลตัสไม่น้อยหน้าเกาะเทรนด์
เป็นอีกหนึ่งธุรกิจค้าปลีกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สำหรับเทสโก้ โลตัส ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีร้านค้ากว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ ตระหนักดีถึงบทบาทในการช่วยบรรเทาปัญหาขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาตลอด ซึ่งเทสโก้ โลตัส ประกาศจุดยืนงดแจกถุงพลาสติกในวันที่ 1 ม.ค. 63 ด้วยเช่นเดียวกัน
ความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีทั้งสิ้น 46 แห่ง จะร่วมกันงดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งให้กับลูกค้า และรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าหรือวัสดุทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีค้าปลีกอีกจำนวนมาก ยังไม่มีความชัดเจนแสดงจุดยืนถึงการงดแจกถุงพลาสติก ที่จะเริ่ม 1 มกราคม 2563 ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
ก่อนหน้านี้ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ได้ประกาศเพิ่มวันงดแจกถุงหูหิ้วพลาสติกจากในทุกวันที่ 4 ของเดือน มาเป็นเพิ่มวันลดแจกถุงหูหิ้วพลาสติกเพิ่มในทุกวันอังคาร ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2562 เพื่อกระตุ้นและสร้างจิตสำนึกให้ลูกค้าและคนทั่วไป ลด ละ เลิกการใช้พลาสติกที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง | สรุปคนไทยพร้อมไหม ! ค้าปลีกรักษ์โลกงดแจกถุงพลาสติก 1 ม.ค. 2563 ได้ดังนี้:
1. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประกาศเป้าหมายที่ปราศจากพลาสติกประเภทครั้งเดียวในประเทศไทยภายในปี 2564:
- เป็นความท้าทายในธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น, เทสโก้ โลตัส, และบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งประกาศจุดยืนการไม่แจกถุงพลาสติกตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เพื่อสร้างพฤติกรรมการใช้ถุงที่มีผลกระทบน้อยต่อสิ่งแวดล้อมของคนไทยในที่สุด
2. บิ๊กซีแจ้งลูกค้าถึงเวลาบอกลาถุงพลาสติก:
- บิ๊กซีประกาศงดแจกถุงพลาสติกทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เพื่อส่งเสริมมติกรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม และมีนโยบายสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า ได้แก่:
- แลก Big Card 2,000 คะแนนเพื่อรับกระเป๋าอเนกประสงค์ ฟรี
- และสมาชิกบิ๊กการ์ดไม่รับถุงพลาสติก แต่สามารถรับคะแนนเพิ่ม 200 คะแนนทันที
- บิ๊กซีมี Green Lane เพื่องดแจกถุงพลาสติก โดยมีเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าว่าจะลดการใช้ถุงพลาสติกลง 100 ล้านใบ
3. เซเว่น อีเลฟเว่นไม่พลาดค้าปลีกรักษ์โลก:
- เซเว่น อีเลฟเว่น และ ซีพี ออลล์ ประกาศยืนยันการยกเลิกแจกถุงพลาสติกตั้งแต่ 1 ม.ค. 63 เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐในการลดใช้ถุงพลาสติก เชิญชวนคนไทยร่วมลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
4. เทสโก้โลตัสไม่น้อยหน้าเกาะเทรนด์.
- เทสโก้ โลตัส เป็นตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการลดการใช้ถุงพลาสติก โดยประกาศยืนยันจุดยืนงดแจกถุงพลาสติกตั้งแต่ 1 ม.ค. 63 เพื่อลดปัญหาขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ความร่วมมือระหว่างธุรกิจและภาครัฐทำให้มีมาตรการตรวจสอบและส่งเสริมการใช้ถุงผ้าหรือวัสดุทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- หลายร้านค้าปลีกเช่น ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ยังไม่ได้ประกาศถึงการงดแจกถุงพลาสติกที่ชัดเจน, แต่มีการเพิ่มวันลดแจกถุงหูหิ้วพลาสติกเพิ่มในทุกวันอังคาร เพื่อส่งเสริมลูกค้าและคนทั่วไปให้ลดหรือเลิกใช้ถุงพลาสติก แนวทางนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2562 เพื่อเพิ่มความตั้งใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56040 | Retail | Sobeys สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ด้วยรถเข็นอัจฉริยะอย่างไร | null | Sobeys ห้างค้าปลีกสัญชาติแคนาดา ได้นำรถเข็นอัจฉริยะ Caper Smart Carts มาใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ต Glen Abbey Sobeys ที่ Oakville รัฐออนแทรีโอ Caper Smart Carts มาใช้ใน ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ Oakville รัฐออนแทรีโอ รถเข็น Smart Carts ถูกพัฒนาขึ้น ขับเคลื่อนด้วย AI มีหน้าจอแบบแสดงผล และสามารถโต้ตอบเพื่อแจ้งเตือนให้กับผู้ซื้อสินค้า สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกันสามารถซื้อแทนกันได้ Smart Carts ถูกพัฒนาขึ้น AI แถมยังแนะนำผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลได้อย่างชาญฉลาด ตลอดจนแนะนำสูตรอาหารต่างๆ ที่สำคัญยังสามารถชำระเงินได้ด้วยแอปพลิเคชั่น Apple Pay หรือแอป Google Pay บนสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ เพื่อลดปัญหาการต่อคิวชำระเงิน แอปพลิเคชั่น Apple Pay หรือแอป Google Pay บน
สรุป
ธุรกิจค้าปลีกในอเมริกาช่วงที่ผ่านมา ทยอยปิดสาขาเป็นจำนวนมากกว่า 8,000 สาขา ทั้ง Topshop, Gap, Walgreens, Kmart เป็นต้น การนำเทคโนโลยีรถเข็นอัจฉริยะ Caper Smart Carts เข้ามาเป็นผู้ช่วยแนะนำการซื้อผลิตภัณฑ์ในซูเปอร์มาร์เก็ต แน่นอนย่อมหมายถึงจำนวนสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นในตระกร้า เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของ Sobeys Caper Smart Carts เข้ามาเป็นผู้ช่วยแนะนำการซื้อผลิตภัณฑ์ในซูเปอร์มาร์เก็ต แน่นอนย่อมหมายถึงจำนวนสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นในตระกร้า เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของ Sobeys | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56041 | Retail | ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้อย่างไร | null | จากบทความที่ให้มา กลยุทธ์สำคัญที่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถนำมาใช้เพื่อปรับตัวและอยู่รอดในยุคอีคอมเมิร์ซ มีดังนี้
1. พัฒนาช่องทางออนไลน์:
พัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นสำหรับขายสินค้าออนไลน์
เข้าร่วมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดึงดูดใจ
พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
2. มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร:
เน้นบริการลูกค้า: พนักงานควรมีความรู้เกี่ยวกับสินค้า บริการลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ยิ้มแย้มแจ่มใส และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
สร้างบรรยากาศในร้านที่ดึงดูดใจ: ร้านค้าควรมีการตกแต่งที่สวยงาม สะอาด สะดวกสบาย และปลอดภัย
เสนอสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใคร: ร้านค้าควรเสนอสินค้าที่มีเอกลักษณ์ หายาก หรือสินค้าเฉพาะกลุ่ม
จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: ร้านค้าควรจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลดราคา แจกของสมนาคุณ หรือจัดเวิร์คช็อป
3. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี:
นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการสินค้า: เทคโนโลยี เช่น ระบบจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสต็อกสินค้า และช่วยให้ร้านค้าปลีกสามารถติดตามสินค้าได้แบบเรียลไทม์
นำเทคโนโลยีมาใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า: ร้านค้าปลีกควรใช้โซเชียลมีเดีย แชทบอท หรืออีเมล์ เพื่อสื่อสารกับลูกค้า โปรโมทสินค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
นำเทคโนโลยีมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล: ร้านค้าปลีกควรวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อของลูกค้า เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
4. ร่วมมือกับธุรกิจอื่น:
ร่วมมือกับร้านค้าปลีกอื่นๆ: ร้านค้าปลีกสามารถร่วมมือกันเพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจร่วมกัน เช่น การจัดโปรโมชั่นร่วมกัน หรือการใช้ระบบโลจิสติกส์ร่วมกัน
ร่วมมือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์: ร้านค้าปลีกสามารถร่วมมือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อพัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
ร่วมมือกับผู้ผลิต: ร้านค้าปลีกสามารถร่วมมือกับผู้ผลิตเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ๆ หรือสินค้าเฉพาะกลุ่ม
5. พัฒนาศักยภาพของพนักงาน:
พัฒนาทักษะการบริการลูกค้า: พนักงานควรมีความรู้เกี่ยวกับสินค้า บริการลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ยิ้มแย้มแจ่มใส และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยี: พนักงานควรเรียนรู้วิธีใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์: พนักงานควรมีความคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้
นอกจากกลยุทธ์เหล่านี้แล้ว ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมควรมีความยืดหยุ่น ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และมองหาโอกาสใหม่ๆ ในวิกฤต | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56045 | Retail | ช่วยสรุปบทความ สังคมสูงวัยในญี่ปุ่นกำลังทำเศรษฐกิจแย่ ของไทยก็ร่อแร่ไม่แพ้กัน | ร้านค้าปลีก เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือชีวิตผู้สูงวัยในชนบท
ญี่ปุ่นเองก็รู้ตัวดีว่ามีปัญหาเรื่องคนสูงวัยที่ล้นเกิน เด็กรุ่นใหม่ก็มีอัตราการเกิดต่ำ อีกทางเลือกหนึ่งที่เขาใช้แก้ปัญหา ก็คือการเปิดร้าน Misekko Asaminai ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกเล็กๆ ในจังหวัด Akita ขึ้นมา ซึ่งถือว่าอยู่ในพื้นที่ส่วน B เป็นเมืองที่ไม่เจริญนัก
ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วด้วยทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเอง เพื่อแก้ปัญหาสำหรับคนสูงวัยในการเข้าถึงร้านค้าเพื่อจับจ่ายใช้สอย
ร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่ว่ามานี้ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือคนสูงวัยนี่แหละ โดย Etsuko Kudo หญิงสูงวัยอายุ 66 ปี เธอกลัวมากว่า เธอจะทำอย่างไร ถ้าเธอไม่สามารถขับรถในระยะไกลๆ เพื่อที่จะไปหาหมอรักษาตัวหรือแม้แต่แค่ไปซื้อของใช้ก็ยังทำไม่ได้ เธอจะทำยังไง เธอบอกว่าตอนนี้เธอยังสบายดี แต่เธอกังวลชีวิตเธอในอนาคตมากกว่า
เธอบอกว่า ในจังหวัดที่เธออยู่นี้ ไม่มีคนหนุ่มสาวอาศัยอยู่เลย มีแต่ผู้สูงวัยอยู่เต็มไปหมด ถ้าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็จะมารวมตัวกัน ในทุกๆ วันพฤหัสบดีของสัปดาห์ทุกคนจะมาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ร้องเพลงด้วยกัน
องค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า อัตราประชากรญี่ปุ่นในชนบทนั้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว 17% ภายใน 12 ปี หรือตั้งแต่ปี 2018 ถึงปี 2030 และอัตราประชากรน่าจะลดลงอย่างรวดเร็วปีละ 2% ในทศวรรษ 2030 | ร้าน Misekko Asaminai ในจังหวัด Akita ญี่ปุ่น เป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่เปิดขึ้นเพื่อช่วยผู้สูงวัยในชนบท โดยได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล มีบทบาทสำคัญในการช่วยผู้สูงวัยที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงร้านค้าหรือทำกิจกรรมประจำวัน ในจังหวัดนี้ ไม่มีคนหนุ่มสาวอาศัยอยู่เลย โดยประชากรที่เหลือจะมีคนสูงวัยเพียงเท่านั้น จึงมีกิจกรรมร่วมกันในทุกวันพฤหัสบดีเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_56049 | Retail | ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ตอบโจทย์คอนเซ็ปต์ "Center of Life" หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนอยุธยา? | null | ใช่ เหตุผล:
มีครบทุกฟังก์ชั่น: ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ประกอบด้วยศูนย์การค้า, ศูนย์ประชุม, แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว และคอนโดมิเนียม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนอยุธยา
ศูนย์การค้า: มีร้านค้ากว่า 200 ร้านค้า ครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท ตอบสนองความต้องการของคนทุกเพศทุกวัย
ศูนย์ประชุม: ยกระดับอยุธยาให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ รองรับการจัดประชุมสัมนา ดึงดูดผู้คนจากต่างพื้นที่
แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว: มีแกลลอรี่ถ่ายทอดเรื่องราวเมืองอยุธยา ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
คอนโดมิเนียม: รองรับการขยายตัวของเมือง และความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ศูนย์กลาง
สร้างพื้นที่สาธารณะ: มี Publice Green Space พื้นที่สีเขียวสำหรับทุกคนในชุมชน รองรับกิจกรรมต่างๆ
พื้นที่สีเขียวเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย พบปะสังสรรค์
ส่งเสริมการใช้ชีวิตร่วมกันของคนในชุมชน
ยกระดับอยุธยา:
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อยุธยา เป็นโตเกียวโมเดล ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเรืองรองแห่งพระนครศรีอยุธยา
ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ
ยกระดับภาพลักษณ์ของอยุธยาให้เป็นเดสติเนชั่นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
เข้าถึงง่าย:
ตั้งอยู่บนถนนสายเอเชีย 304 ใกล้กับสถานีรถไฟอยุธยา
สะดวกต่อการเดินทางทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์:
มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส พื้นที่สำหรับเด็กเล่น
รองรับการใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ
สรุป: ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ตอบโจทย์คอนเซ็ปต์ "Center of Life" ครบถ้วน ด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย พื้นที่สาธารณะ ยกระดับอยุธยา และความสะดวกในการเข้าถึง | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |