buddhist-theology / 32 /320027.csv
uisp's picture
initial upload
6bd72a3
Book,Page,LineNumber,Text
32,0027,001,แล้ว ให้ทิ้งเสีย. นี้เป็นบุรพกรรมของมหากาลนั้น. ราชภัฏนั้น
32,0027,002,เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้วเกิดในอเวจี ไหม้อยู่ในอเวจีนั้นสิ้นกาล
32,0027,003,นาน ถูกทุบถึงความตายนั้นแล ใน ๑๐๐ อัตภาพ เพราะวิบากที่
32,0027,004,ยังเหลืออยู่.
32,0027,005,[ บาปย่อมย่ำยีผู้ทำ ]
32,0027,006,พระศาสดา ครั้งทรงแสดงบุรพกรรม ของมหากาลอย่างนั้น
32,0027,007,"แล้ว ตรัสว่า "" ภิกษุทั้งหลาย บาปกรรมอันตนทำไว้นั่นแล ย่อม"
32,0027,008,"ย่ำยีสัตว์เหล่านี้ ในอบาย ๔ อย่างนี้ "" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้"
32,0027,009,ว่า :-
32,0027,010,"<B>"" บาป อันตนทำไว้เอง เกิดในตน มีตนเป็น"
32,0027,011,แดนเกิด ย่อมย่ำยีบุคคลผู้มีปัญญาทราม ดุจ
32,0027,012,"เพชรย่ำยีแก้วมณี อันเกิดแต่หินฉะนั้น. ""</B>"
32,0027,013,[ แก้อรรถ ]
32,0027,014,บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถาว่า <B>วชิรํ วมฺหยํ มณึ </B> ความ
32,0027,015,ว่า เปรียบดังเพชร ( ย่ำยี ) แก้วมณี ที่เกิดแต่หิน. ท่านอธิบายคำนี้
32,0027,016,"ไว้ว่า "" เพชรอันสำเร็จจากหิน มีหินเป็นแดนเกิด กัดแก้วมณี ที่"
32,0027,017,เกิดแต่หิน คือแก้วมณีอันสำเร็จแต่หิน ซึ่งนับว่าเป็นที่ตั้งขึ้นของ
32,0027,018,ตนนั้นนั่นแล คือทำให้เป็นช่องน้อยช่องใหญ่ ให้เป็นท่อนน้อยท่อน
32,0027,019,ใหญ่ ทำให้ใช้สอยไม่ได้ ฉันใด; บาปอันตนทำไว้แล้ว เกิดในตน มี
32,0027,020,ตนเป็นแดนเกิด ย่อมย่ำยี คือขจัด บุคคลผู้มีปัญญาทราม คือผู้ไร้