1
stringlengths
13
42
2
stringlengths
14
40
3
stringlengths
14
43
4
stringlengths
14
40
อันลูกเมียก็ไม่มีฟ้าผี่เถิด
ประดักประเดิดโดยจนต้องขวนขวาย
แม้นได้มีที่พึ่งพอฝากกาย
ตัวไม่ตายก็ไม่ทิ้งจริงจริงเจียว ฯ
ทั้งสี่นางต่างรู้ในเชิงรัก
แกล้งหน่วงหนักพจนารถฉลาดเฉลียว
แม้นไม่มีที่กลัวตัวคนเดียว
จะท่องเที่ยวทารกรรมไปทำไม
จงอยู่เป็นข้ารองละอองบาท
องค์พระราชธิดาอัชฌาสัย
จะช่วยทูลให้ท่านเห็นว่าเข็ญใจ
ให้อยู่ในสวนศรีที่นี่พลาง
ตำหนักจันทร์นั้นก็มีทั้งสี่หลัง
ไปนอนนั่งเล่นเถิดคะค่อยกว้างขวาง
อีกสักวันฉันจะเชิญเสด็จนาง
มาเล่นกลางสวนสอยสุมามาลย์
จึงเมียงหมอบลอบแลแต่พอเห็น
ไม่สมเป็นเจ้าข้าจึงว่าขาน
หรือใจจิตคิดขลาดราชการ
จะหนีบ้านบวชเรียนก็เพียรไป ฯ
เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ
ช่างรู้รอบกิริยาอัชฌาสัย
สมเป็นหม่อมมุลนายอยู่ฝ่ายใน
ความจริงใจฉันนี้แน่ไม่แชเชือน
แต่พราหมณ์น้อยน้องรักนี้หนักแน่น
ในพื้นแผ่นปัถพีไม่มีเหมือน
ถ้าเห็นงามความรักมาตักเตือน
จะค่อยเคลื่อนคลายโศกที่โรครัด
ช่วยเชิญองค์พระธิดามาให้เห็น
จะได้เป็นขอเฝ้าเหลาไม้กลัด
พรุ่งนี้นะคะหม่อมให้เหมือนนัด
ฉันจะหัดทูลฉลองให้ว่องไว
ซึ่งหม่อมช่วยแนะนำที่สำนัก
ให้ตำหนักพระธิดาอยู่อาศัย
จะได้นอนผ่อนกายสบายใจ
ไม่บรรลัยแล้วคงต้องสนองคุณ ฯ
ทั้งสี่นางต่างตอบว่าขอบจิต
ถ้าสิ้นคิดขาดเหลือจะเกื้อหนุน
มิใช่ฉันมั่นหมายเป็นนายมุล
จะทำคุณด้วยเป็นข้ากรมเดียวกัน
แล้ววางซองหมากลงที่ตรงหน้า
กินสลาเล่นเถิดนายอย่าอายฉัน
ต่างพูดพลอดทอดสนิทเชิงติดพัน
จนตะวันบ่ายเบี่ยงพี่เลี้ยงลา
เจ้าพราหมณ์เด็ดดอกรักหักเต่าร้าง
ให้สี่นางแจ้งจิตเป็นปริศนา
ทั้งสองข้างต่างชม้อยชายหางตา
แล้วลุกมาจากที่ทั้งสี่นาง
ทำเมียงเมินเดินกรายชายชม้อย
ดูพราหมณ์น้อยนุชน้องเห็นหมองหมาง
พิโรธเรียกยายตามาด่าพลาง
ใช้เธอถางถากหญ้านี้ว่าไร
ไม่แลดูรูปร่างท่านบ้างหรือ
แต่จะถือจอบเจียนจะไม่ไหว
ทีนี้อย่าใช้สอยจงปล่อยไป
ให้อาศัยสำนักตำหนักจันทร์
แม้นมิฟังยังทำให้เธอโกรธ
จะลงโทษยายตาถึงอาสัญ
สั่งสองเฒ่าเฝ้าสวนแล้วชวนกัน
มาเรียกบ่าวเหล่านั้นเข้าวังใน ฯ
ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายสบายจิต
มานั่งชิดอนุชาแล้วปราศรัย
เมื่อตะกี้พี่ไปเกี้ยวประเดี๋ยวใจ
ท่านข้างในให้หมากมาฝากน้อง
แล้วกล่าวโฉมพระธิดาว่าน่ารัก
ประเสริฐศักดิ์กษัตรีย์ไม่มีสอง
เห็นจะสมคะเนนึกที่ตรึกตรอง
พระน้องลองเล่นชู้ดูสักคราว ฯ
ศรีสุวรรณว่าไม่พอใจเกี้ยว
แต่มาเที่ยวซื่อซื่อยังอื้อฉาว
ถ้าเกี้ยวจริงยิ่งจะมีราคีคาว
เหมือนเรื่องราวบุราณร่ำคำภิปราย
ผู้ใดหลงลมหญิงทิ้งทำเนียบ
ไม่ราบเรียบแรงรักมักฉิบหาย
นางพี่เลี้ยงเหล่านี้ไม่มีอาย
มาชวนชายจะให้งงหลงระเริง
ฉันช่วยเตือนตามจิตสนิทสนม
กลัวต้องลมแล้วจะหาวเหมือนว่าวเหลิง
สลาตันต้องปีกจะฉีกเปิง
ทำร่าเริงรางแตกจะแหลกลง ฯ
เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ
พ่อว่าชอบอยู่มิใช่จะใหลหลง
ซึ่งเกิดความหนามเสี้ยนเพราะซื่อตรง
จึงต้องบ่งด้วยหนามตามตำรา
อันหนึ่งพ่อหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์
จากสมบัติมาลำบากยากนักหนา
แม้นองค์พระบุตรีมีเมตตา
ได้พึ่งพาแต่พอผ่อนที่ร้อนรน
อนึ่งจะให้ไพร่ฟ้ารู้จักชื่อ
ตลอดลือเล่าแจ้งทุกแห่งหน
แม้นพระพี่มิตายในสายชล
มีผู้คนบอกความจะตามมา
ถึงพวกเราเล่ามิใช่จะไม่คิด
คงจะติดตามแสวงทุกแห่งหา
แต่พบลาภขุมทองต้องตำรา
จะหลับตาเสียไม่ขุดก็สุดอาย ฯ
ศรีสุวรรณรันทดถอนใจใหญ่
แต่เกรงใจเจ้าพราหมณ์สามสหาย
จึงว่าน้องตรองความตามนิยาย
เห็นจะเป็นเช่นกระต่ายที่หมายจันทร์
เมื่อตัวต่ำน้ำใจจะใฝ่สูง
เหมือนนกยูงมุ่งเมฆเมืองสวรรค์
ต้องซูบผอมกรอมใจด้วยไกลกัน
ด้วยหมายมั่นมุ่งมิตรให้ผิดทาง
เรายากจนคนจรเที่ยวร่อนเร่
นึกเสน่ห์นางกษัตริย์เห็นขัดขวาง
ฉวยว้าวุ่นขุ่นเคืองด้วยเรื่องนาง
จะต้องร้างนคราเข้าป่าไป ฯ
พี่เลี้ยงพราหมณ์สามนายภิปรายตอบ
ให้ชื่นชอบวิญญาณ์อัชฌาสัย
พ่อไม่รักรูปงามก็ตามใจ
จะไปไหนไปด้วยจนม้วยมรณ์
เวลานี้จวนค่ำไปสำนัก
ที่ตำหนักพระบุตรีมีฟูกหมอน
เสียแรงเขาชาววังสั่งให้นอน
ล้วนอ่อนอ่อนอุ่นใจจงไคลคลา
พลางสำรวลชวนศรีสุวรรณน้อง
เดินประคองเคียงกายทั้งซ้ายขวา
ขึ้นตำหนักผลักเผยทวารา
ทัศนาที่ในห้องทุกช่องชั้น
มีฉากพับลับแลมู่ลี่แขวน
บรรจถรณ์แท่นที่บรรทมภิรมย์ขวัญ
ต่างแย้มสรวลชวนศรีสุวรรณพลัน
ขึ้นบนบรรจถรณ์แท่นแสนสบาย
ส่วนเจ้าพราหมณ์สามคนอยู่ข้างที่
พอราตรีเดือนแจ่มกระจ่างฉาย
เผยพระแกลแลชมดาราราย
ต้องพระพายพัดพานสำราญใจ ฯ
ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงมาถึงวัง
จะนอนนั่งนึกพะวงให้หลงใหล
คิดถึงพราหมณ์สามนายที่หมายไว้
จะเป็นใครคู่สร้างยังคลางแคลง
แต่พราหมณ์น้อยนุชน้องเป็นของหลวง
ย่อมทราบทรวงสุดสิ้นไม่กินแหนง
แต่ชายสามหญิงสี่ทีระแวง
ครั้นจะแบ่งออกเป็นตัวไม่ทั่วกัน
แต่นึกนึกตรึกตรองให้ข้องจิต
ไม่ลืมคิดคร่ำครวญถึงสวนขวัญ
พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์
มาพร้อมกันสี่นางเหมือนอย่างเคย
ปลอบประโลมพระธิดายุพาพักตร์
ให้นงลักษณ์แต่งองค์สรงเสวย
ถึงยามค่ำเข้าบรรทมทำชมเชย
บ้างรำเพยพัดวีด้วยปรีดา
แล้วทำพูดกันกับเพื่อนว่าเดือนนี้
ฤดูดอกมาลีแล้วหนอจ๋า
ฉันอยากใคร่ได้ดอกมะลิลา
มาร้อยมาลัยถวายให้หลายพวง
บ้างบ่นว่ามาลีที่ในสวน
แก้วกุหลาบลำดวนจวนจะร่วง
แล้วทูลแก้วเกษราธิดาดวง
ไปสวนหลวงเล่นสักวันหรือขวัญตา ฯ
พระบุตรีดีใจไปสิพี่
เก็บมาลีเลือกหักให้หนักหนา
เวลาเฝ้าเช้าฉันจะทูลลา
พี่สั่งข้าหลวงเหล่าขอเฝ้าไว้ ฯ
ทั้งสี่นางต่างรับคำนับน้อม
แล้วขับกล่อมกลอนประดิษฐ์พิสมัย
มะโหรีเรื่อยร้องทำนองใน
วังเวงใจแจ้วเสียงเมื่อเที่ยงคืน
ครั้นยามดึกพระธิดาไสยาหลับ
จนเดือนลับเลื่อนฟ้าไม่ฝ่าฝืน
อโณทัยใสสว่างนภางค์พื้น
พี่เลี้ยงตื่นลุกมานั่งสั่งกำนัล
บอกให้พวกขอเฝ้าเหลาไม้สอย
มาเตรียมคอยข้างพลับพลาสุทธาศวรรย์
พวกข้าหลวงล้วนเหล่าสาวสกรรจ์
ผู้ใหญ่นั้นมิให้ใครออกไปตาม
แล้วเรียกวอช่อฟ้าเข้ามาไว้
พวกข้างในนางโขลนเป็นคนหาม
หมากบุหรี่ที่จะไปให้เจ้าพราหมณ์
คนละสามซองซ่อนใส่หีบมา ฯ
ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์
จิตกำหนัดนึกคะนึงถึงบุปผา
บรรทมตื่นแต่งองค์อลงการ์
ผลัดภูษาจัดจีบกลีบประจง
ทางสะพักสไบกรองลายทองริ้ว
สัมผัสผิวพระนลาฏวาดขนง
สร้อยสังวาลบานพับประดับองค์
ดังอนงค์นางสวรรค์ชั้นโสฬส
ครั้นเสร็จใส่ฉลองบาทแล้วยาตรย่าง
กำนัลนางแวดล้อมมาพร้อมหมด
นางสาวสาวชาววังนั่งประณต
ทรงพระกลดคันสั้นกั้นกางมา
ขึ้นปราสาททรงฤทธิ์บิตุเรศ
นางก้มเกศอภิวันท์ด้วยหรรษา
ทูลสนองสองกษัตริย์ขัตติยา
ลูกจะลาออกไปเล่นอุทยาน ฯ
สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์
แสนสวาทรับขวัญแล้วบรรหาร
เจ้าไปสวนสอยบุปผาสุมามาลย์
มาสักพานฝากพ่อจะขอชม
ประโลมลูกลูบหลังแล้วสั่งสอน
แม้นแดดร้อนก็จงเล่นอยู่ร่มร่ม
จะครั่นตัวมัวหมองต้องแดดลม
ไปเชยชมแต่พอชื่นแล้วคืนมา
พระมารดรสอนสั่งสี่พี่เลี้ยง
ตะวันเที่ยงแล้วให้นอนเสียก่อนหนา
ฤดูนี้ขี้มักเป็นโรคา
เอาหมอยาออกไปบ้างอย่าวางใจ ฯ
พระบุตรีพี่เลี้ยงประณตน้อม
ทูลลาจอมกษัตราอัชฌาสัย
จากประสาทเสด็จหน้าพลับพลาไชย
กำนัลในแห่ห้อมมาพร้อมกัน
นางโฉมยงทรงวอสุวรรณรัตน์
พวกโขลนหามสามผลัดหัดขยัน
สี่พี่เลี้ยงเคียงวอจรจรัล
ฝูงกำนัลติดตามมาหลามทาง
พวกผู้ชายรายเรียงอยู่ริ้วนอก
ถือดาบหอกแห่ห้ามคนกีดขวาง
เสด็จตามฉนวนกั้นในชั้นกลาง
เถ้าแก่กางกั้นพระกลดให้บดบัง
พอสายแสงสุริยามาถึงสวน
ต้นลำดวนที่ประทับก็คับคั่ง
พวกตำรวจตรวจไตรระไวระวัง
ออกรายนั่งล้อมรอบเป็นขอบคัน ฯ
นางโฉมยงทรงใส่ฉลองบาท
ยุรยาตรนาดนวลเข้าสวนขวัญ
พระพี่เลี้ยงเคียงคลอจรจรัล
ชวนชมพรรณบุปผาระย้าย้อย
เห็นพิกุลชวนกันขึ้นสั่นต้น
ให้ดอกดวงร่วงหล่นลงผ็อยผ็อย
พวงพะยอมหอมรื่นดูชื่นช้อย
นางโฉมยงทรงสอยกระชากชัก
พวกข้าหลวงหน่วงน้าวกิ่งสาวหยุด
บ้างแย่งยุดชิงกันเก็บจนเล็บหัก
บ้างเด็ดดอกโศกแซมแกมดอกรัก
ให้ประจักษ์แจ้งเพื่อนว่าเหมือนใจ
บ้างเด็กช่อชุมแสงมดแดงกัด
เต้นตะปัดตะป่องจะร้องไห้
บ้างเดินร้อยสร้อยสนสุมาลัย
จะเอาไปฝากน้องของสำคัญ
พระบุตรีกรีดเล็บเก็บกาหลง
บรรจงทรงแซมเกล้าให้สาวสรรค์
นางข้าหลวงน้อยน้อยสอยลูกจันทน์
ต่างชวนกันเก็บอึงคะนึงไป ฯ
ศรีสุวรรณกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง
ได้ยินเสียงอึกทึกนึกสงสัย
ค่อยเมียงมองตามช่องบัญชรชัย
เห็นนางในนับร้อยเที่ยวลอยนวล
เจ้าพราหมณ์เชิญศรีสุวรรณให้ผันผาย
ว่าดีร้ายพระธิดาออกมาสวน
จะนิ่งอยู่อย่างนี้ก็มิควร
ว่าแล้วชวนกันลงจากตำหนักจันทร์
ค่อยลัดแลงแฝงไม้ใบชอุ่ม
มาถึงพุ่มต้นลำดวนที่สวนขวัญ
ด้วยนัดแนะสี่นางไว้อย่างนั้น
ค่อยพูดกันซุบซิบกระหยิบตา ฯ
ศรีสุวรรณนั้นชังไม่นั่งใกล้
ไปนั่งใต้ต้นจำปีประสีประสา
พราหมณ์พี่เลี้ยงแลลอดสอดนัยนา
ดูบรรดาสาวสาวนางชาววัง
ล้วนลอยชายกรายกรีดทำดีดดิ้น
ขัดขมิ้นเหลืองเหลือในเนื้อหนัง
หมายว่าลับขับรำเล่นลำพัง
บ้างซุ่มนั่งแนบเพื่อนเหมือนผู้ชาย
บ้างคาดพุงนุ่งผ้าเกี้ยวคอไก่
เป็นไฝใต้เต้างามเจ้าพราหมณ์หมาย
บ้างก็ว่าข้าหลวงยังแยบคาย
เป็นเจ้านายท่านจะดีกว่านี้ครัน
พอเห็นสี่พี่เลี้ยงเคียงซ้ายขวา
พระธิดาเดินกลางดั่งนางสวรรค์
ตะลึงหลงงงงวยไปด้วยกัน
ดูผิวพรรณผ่องเหมือนดังเดือนเพ็ง
ทั้งกายกรอ่อนละมุนพึ่งรุ่นสาว
อายุราวสักสิบสี่ปีมะเส็ง
ไม่เหลียวหลังตั้งแต่จะแลเล็ง
ดูปลั่งเปล่งปลาบปลื้มลืมพริบตา ฯ
ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงเมียงชม้าย
เห็นสามนายนั่งซุ่มพุ่มพฤกษา
แกล้งสั่งบ่าวสาวใช้ให้ไคลคลา
เที่ยวเก็บมาลาถวายรายกันไป
แล้วทำใบ้ไต่ถามพราหมณ์พี่เลี้ยง
ว่าคู่เคียงพระบุตรีอยู่ที่ไหน
เจ้าพราหมณ์บุ้ยปากชี้ตรงนี้ไป
พี่เลี้ยงให้ซองหมากแล้วจากมา
แกล้งชักชวนโฉมตรูยูรยาตร
เที่ยวประพาสชมพรรณบุปผา
นางโฉมยงหลงเพลินดำเนินมา
พี่เลี้ยงพาเที่ยวไปจนใกล้พราหมณ์ ฯ
ศรีสุวรรณนั้นนั่งผินหลังนิ่ง
เสียงผู้หญิงหวั่นไหวฤทัยหวาม
ชำเลืองเห็นพระธิดาพะงางาม
ให้มีความพิศวาสจะขาดใจ
ด้วยคู่สร้างปางหลังแล้วอย่างนั้น
พอเห็นกันก็ให้คิดพิสมัย
จนลืมองค์หลงแลตะลึงไป
เหมือนนางในดุสิดาลงมาดิน
ดูจิ้มลิ้มพริ้มเพราดังเหลาหล่อ
พระทรวงศอสองขนงดังวงศิลป์
นวลละอองสองปรางอย่างลูกอิน
ช่างงามสิ้นสารพางค์สำอางองค์
ยิ่งพินิจพิศเพ่งให้เปล่งปลั่ง
ใจกำลังรุ่นหนุ่มให้ลุ่มหลง
กระแอมพลางทางออกให้เห็นองค์
ดูโฉมยงอยู่แต่ไกลมิให้เคือง ฯ
พระบุตรีแว่วเสียงสำเนียงชม้อย
เห็นพราหมณ์น้อยสีเนื้อนั้นเหลือเหลือง
นางหลีกเลี่ยงเอียงอายชายชำเลือง
ดูทรงเครื่องเหมือนพราหมณ์งามวิไล
พอเนตรน้องต้องเนตรหน่อกษัตริย์
หวนประหวัดหวาดจิตคิดสงสัย
องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ
แฝงต้นไม้เมียงชม้อยคอยชายตา
ทั้งสี่นางต่างเมินทำเดินเฉย
แกล้งแหงนเงยดูดวงพวงบุปผา
พราหมณ์พี่เลี้ยงเมียงมองเห็นสองรา
ต่างก็ว่าเข้าช่องแล้วน้องเรา ฯ
ศรีสุวรรณครั้นนางไปห่างพักตร์
ด้วยรสรักร้อนฤทัยดังไฟเผา
ค่อยด้อมเดินดูองค์นางนงเยาว์
จนโฉมเฉลาเลี้ยวลับขึ้นพลับพลา
ความอาลัยใจวาบให้ปลาบปลื้ม
ตะลึงลืมหลงแลชะแง้หา
พระบุตรีลีลาศชำเลืองมา
ไม่เห็นหน้าพราหมณ์น้อยละห้อยใจ
พระพักตร์ผ่องหมองเหมือนเดือนพยับ
ด้วยจิตจับถึงมิตรพิสมัย
ลืมบรรดาข้าหลวงพวงดอกไม้
ถอนฤทัยทุกข์ถึงคะนึงครวญ
เจ้าพราหมณ์นี้ดีร้ายจะหมายมาด
จึงองอาจแอบดูอยู่ในสวน
สี่พี่เลี้ยงก็เห็นจะเป็นชนวน
จึงแกล้งชวนมาให้พบประสบกัน
จำจะกลับวังในได้ไต่ถาม
ให้ได้ความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึงแสแสร้งสั่งสุรางค์นางกำนัล
ไปเรียกกันมาเถิดเจ้าเราจะไป
ครั้นเห็นสี่พี่เลี้ยงเข้าเคียงข้าง
ทำหมองหมางเมินหน้าไม่ปราศรัย
เสด็จด้วยสาวสรรค์กำนัลใน
มาต้นไทรทรงวอจรจรัล
สี่พี่เลี้ยงเคียงประคองทั้งสองข้าง
ไปตามทางนอกสวนฉนวนกั้น
ตำรวจแฝงสองข้างทางจรัล
คอยป้องกันห้ามคนไปจนวัง ฯ
หน่อกษัตริย์ทัศนาจนลับเนตร
แสนเทวษดาลดิ้นถวิลหวัง
อุรารักหนักหน่วงเพียงทรวงพัง
พระทรุดนั่งลงบนแท่นแผ่นศิลา
คะนึงนางพลางสะท้อนถอนใจใหญ่
ทำไฉนจะได้ชิดขนิษฐา
พี่รู้ข่าวสาวสวรรค์แต่วันมา
ไม่รู้ว่ารูปร่างเจ้าอย่างนี้
จนพี่พราหมณ์สามคนเขาชวนชัก
เราตัดรักซ้ำว่าน่าบัดสี
จะผันแปรแก้ไขไฉนดี
ไม่พอที่พูดผิดคิดรำคาญ
พระกอดเข่าเศร้าสร้อยละห้อยหวน
จนหลงครวญขับลำเป็นคำหวาน
โอ้เจ้าแก้วเกษรายุพาพาล
ไม่สงสารพี่บ้างหรืออย่างไร
เมื่อผันแปรแลพบก็หลบพักตร์
จะเห็นรักหรือไม่เห็นเป็นไฉน
บุราณว่ามิตรจิตก็มิตรใจ
จะกระไรอยู่มั่งยังไม่เคย
พอเห็นพราหมณ์สามนายก็อายนัก
พระเมินพักตร์ผินหลังแล้วนั่งเฉย
เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายภิปรายเปรย
พ่อเสวยหมากเล่นก็เป็นไร
ศรีสุวรรณผันพักตร์มาซักถาม
เมื่อตะกี้พี่พราหมณ์อยู่ตรงไหน
หมากบุหรี่ที่ซองนี้ของใคร
พี่เลี้ยงให้พี่หรือจึงถือมา
มิเสียทีฝีปากช่างฝากรัก
จนรู้จักข้างในให้สลา
เหมือนน้องนี้โฉดเขลาเบาปัญญา
ไม่รู้ว่าเกี้ยวพานประการใด
เป็นบุญน้อยพลอยพึ่งแต่บุญพี่
สูบบุหรี่กินหมากจนปากไหม้
จะขอถามตามจริงอย่างกริ่งใจ
สักเมื่อไหร่อีกเล่าเขาจะมา ฯ
เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายธิบายบอก
เขาจะออกมาเยือนต่อเดือนหน้า
จะห่วงใยไปเล่าไม่เข้ายา
เราจะพากันไปข้างไหนดี ฯ
ศรีสุวรรณรันทดถอนใจใหญ่
กลัวจะไกลพระธิดามารศรี
จึงแสแสร้งแกล้งเขาว่าปรานี
พี่จะหนีหน่ายนางเสียอย่างไร
ถึงช้าวันฉันคงจะคอยท่า
ให้เชษฐาสมจิตพิสมัย
พลางสำรวลชวนสามพราหมณ์ครรไล
เสด็จไปที่สำนักตำหนักจันทน์
ระทวยองค์ตรงบนบรรจถรณ์
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริย์ฉัน
คิดถึงแก้วเกษราวิลาวัณย์
ให้ร้อนรัญจวนใจไม่ไสยา ฯ
ฝ่ายพระนุชบุตรีกรุงกษัตริย์
มาถึงวังยังประหวัดถวิลหา
เห็นเจ้าพราหมณ์งามติดนัยน์ตามา
เข้าไสยายามค่ำยิ่งรำจวน
คิดสงสารป่านฉะนี้เจ้าพราหมณ์น้อย
จะอยู่คอยหรือจะไปเสียไกลสวน
เมื่อเดินมาพอพ้นต้นลำดวน
ทำแย้มสรวลเหมือนจะชวนจำนรรจา
เหตุไฉนไม่ตรัสหรือขัดข้อง
จะหนีน้องไปเสียแล้วกระมังหนา
เป็นพราหมณ์เทศพรหมจรรย์จรัลมา
หรือกษัตริย์ขัตติยาอยู่เมืองไกล