Book,Page,LineNumber,Text 32,0047,001,สาวกทั้งหลายของเราให้เป็นผู้มีศีรษะขาด ด้วยเหตุสักว่ามีผมอันตัด 32,0047,002,"แล้วเป็นต้นนั้นแล ควรหรือ ? "" ภิกษุหนุ่ม ลุกขึ้นประคองอัญชลี" 32,0047,003,"ในทันใดนั่นแล กราบทูลว่า "" พระเจ้าข้า พระองค์ย่อมทรงทราบ" 32,0047,004,"ปัญหานั่นด้วยดี, อุปัชฌาย์ของข้าพระองค์และมหาอุบาสิกา ย่อม" 32,0047,005,"ไม่ทราบด้วยดี. "" พระศาสดา ทรงทราบความที่พระองค์เป็นผู้อนุกูล " 32,0047,006,"แก่ภิกษุหนุ่มแล้ว ตรัสว่า "" ชื่อว่าความเป็นคือหัวเราะปรารภกาม-" 32,0047,007,"คุณเป็นธรรมอันเลว, อนึ่งการเสพธรรมที่ชื่อว่าเลว และการอยู่ร่วม" 32,0047,008,"กับความประมาทย่อมไม่ควร "" จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-" 32,0047,009,""" บุคคลไม่พึงเสพธรรมอันเลว, ไม่พึงอยู่ร่วม" 32,0047,010,"ด้วยความประมาท, ไม่พึงเสพความเห็นผิด," 32,0047,011,"ไม่พึงเป็นคนรกโลก. """ 32,0047,012,[ แก้อรรถ ] 32,0047,013,บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า หีนํ ธมฺมํ ได้แก่ธรรมคือ 32,0047,014,เบญจกามคุณ. แท้จริง ธรรมคือเบญจกามคุณนั้น อันชนเลว โดย 32,0047,015,"ที่สุดแม้อูฐและโคเป็นต้นพึงเสพ, ธรรมคือเบญจกามคุณ ย่อม" 32,0047,016,ให้สัตว์ผู้เสพบังเกิดในฐานทั้งหลายมีนรกเป็นต้นอันเลว เพราะเหตุ 32,0047,017,นั้น ธรรมคือเบญจกามคุณนั้น จึงชื่อว่าเป็นธรรมเลว; บุคคลไม่ 32,0047,018,พึงเสพธรรมอันเลวนั้น. บทว่า ปมาเทน ความว่า ไม่พึง 32,0047,019,อยู่ร่วมแม้ด้วยความประมาท มีอันปล่อยสติเป็นลักษณะ. บทว่า 32,0047,020,น เสเวยฺย ได้แก่ ไม่พึงถือความเห็นผิด. บทว่า โลกาวฑฺฒโน