Book,Page,LineNumber,Text 33,0041,001,พระศาสดา. ถูกแล้ว อานนท์. 33,0041,002,อานนท์. เพราะเหตุไร ? พระเจ้าข้า. 33,0041,003,พระศาสดา. อานนท์ บทว่า 'พุทฺโธ' ก็ดี 'ธมฺโม' ก็ดี 33,0041,004,'สงฺโฆ' ก็ดี อันสัตว์เหล่านี้ไม่เคยสดับแล้ว ในแสนกัลป์ แม้เป็น 33,0041,005,อเนก: เพราะฉะนั้น สัตว์เหล่านี้ จึงไม่สามารถฟังธรรมนี้ได้: แต่ 33,0041,006,ในสงสาร มีที่สุดอันใคร ๆ ตามรู้ไม่ได้ สัตว์เหล่านี้ ฟังดิรัจฉานกถา 33,0041,007,มีอย่างต่าง ๆ นั่นแล มาแล้ว: เพราะฉะนั้น สัตว์เหล่านี้ จึงเที่ยว 33,0041,008,ขับร้องฟ้อนรำอยู่ ในที่ทั้งหลายมีโรงดื่มสุราและสนามเป็นที่เล่นเป็น 33,0041,009,"ต้น, จึงไม่สามารถจะฟังธรรมได้." 33,0041,010,อานนท์. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสกทั้งหลายนั่น อาศัยอะไร 33,0041,011,จึงไม่สามารถ ? 33,0041,012,"ลำดับนั้น พระศาสดา ตรัสแก่พระอานนท์นั้นว่า ""อานนท์" 33,0041,013,อุบาสกเหล่านั้น อาศัยราคะ อาศัยโทสะ อาศัยโมหะ อาศัย 33,0041,014,ตัณหา จึงไม่สามารถ: ชื่อว่าไฟ เช่นกับด้วยไฟคือราคะ 33,0041,015,"ไม่มี, ไฟใด ไม่แสดงแม้ซึ่งเถ้า ย่อมไหม้สัตว์ทั้งหลาย ; แท้จริง" 33,0041,016,แม้ไฟซึ่งยังกัปป์ให้พินาศ ที่อาศัยความปรากฏแห่งพระอาทิตย์ ๗ 33,0041,017,"ดวง บังเกิดขึ้น ย่อมไหม้โลก ไม่ให้วัตถุไร ๆ เหลืออยู่เลยก็จริง," 33,0041,018,ถึงกระนั้น ไฟนั้น ย่อมไหม้ในบางคราวเท่านั้น; ชื่อว่ากาลที่ไฟคือราคะ 33,0041,019,จะไม่ไหม้ ย่อมไม่มี: เพราะฉะนั้น ไฟเสมอด้วยราคะก็ดี ผู้ 33,0041,020,จับเสมอด้วยโทสะก็ดี ข่ายเสมอด้วยโมหะก็ดี ชื่อว่าแม่น้ำเสมอ 33,0041,021,"ด้วยตัณหาก็ดี ไม่มี"" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-"